พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่405 ขโมยไก่ไม่ได้ เสียข้าวสารอีกกำมือ
ชิวมู่เฉิงจะไม่สังเกตเห็นช่องโหว่ในคำพูดของเขาได้อย่างไร เขาแค่อยากจะล่อให้เนี่ยเฟิงติดกับ
“ผมคิดว่าต้องดูความต้องการของพวกเขาด้วย”
เนี่ยเฟิงพูดจบก็มองไปที่ผู้รับผิดชอบ อันที่จริงเนี่ยเฟิงผู้นี้ไม่ได้เป็นอันตราย หล่อเหลา และตรงไปตรงมา ในตอนแรกผู้รับผิดชอบก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นคนไม่ดี เพียงแต่ความระมัดระวังของเขาทำให้เขามองเนี่ยเฟิงและชิวมู่เฉิงด้วยสีหน้าไม่ดี
“เสี่ยวเฟิงพูดถูก เรามาที่นี่วันนี้เพื่อเยี่ยมชมบุคคลที่หน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการลงทะเบียนไว้ เราจำเป็นต้องตรวจสอบสิ่งที่พวกเขาต้องการ เพื่อที่เราจะได้ตระเตรียมได้ถูก”
พวกเขาต้องการช่วยเหลือคนพิการอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงไม่เพียงแค่บริจาคเงิน แต่ยังหวังว่าจะได้ประคับประคองคนพิการได้อย่างถูกต้อง
ว่านไห่เทาไม่คิดว่าเนี่ยเฟิงจะให้คำตอบเช่นนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็หมายความว่าของที่เขาส่งมาให้ตลอดนั้นไม่สำคัญเลยใช่ไหม?
รอยยิ้มบนใบหน้าของว่านไห่เทาจางหายไปเล็กน้อย เขารู้สึกรำคาญกับท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสของเนี่ยเฟิง
“ผมคิดว่าคุณว่านก็คิดเหมือนกันใช่ไหม?”
เนี่ยเฟิงมองไปที่ว่านไห่เทา
ว่านไห่เทาหัวเราะ “แน่นอน ผมเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน!”
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมพวกเราไม่บริจาคเงินไปเลยล่ะ! แบบนี้เราก็ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ ขอเพียงผู้รับผิดชอบทำการตรวจสอบทางนี้ แล้วแจกจ่ายเงินบริจาคไปก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?”
พอเนี่ยเฟิงพูดออกมาเชน่นี้ ว่านไห่เทาก็นิ่งเงียบไป
เนี่ยเฟิงขอให้เขาควักเงินจ่ายไม่ใช่หรือ? เขาไม่เต็มใจจะจ่ายเงินแม้แต่สตางค์เดียว ผ้าห่มและเสื้อผ้าเหล่านั้นล้วนเป็นสินค้าที่หมักหมมอยู่ในโกดัง และสินค้าเหล่านี้ก็ขายได้เงินไม่เท่าไหร่ ดังนั้นว่านไห่เทาจึงเอาออกมาบริจาค และส่วนมากยังเป็นเส้นใยไฟเบอร์อีกด้วย
หากคนพิการเห็นเขา ว่านไห่เทาก็จะบอกว่าเขาไม่รู้เรื่อง โยนความผิดให้โรงงานหรือพ่อค้าคนกลาง เขาก็จะสามารถสลัดให้พ้นตัวได้
แต่คิดไม่ถึงว่าเนี่ยเฟิงจะมาไม้นี้…
“เกรงว่าไม่ใช่ความคิดที่ดี คราวที่แล้วก็เป็นแบบนี้ ดังนั้นจึงดึงดูดความสนใจจากสังคมเป็นอย่างมาก ถ้าจะแส่หาเรื่องอีก เกรงว่าทุกคนจะอ่อนไหวกับคำว่าหน่วยงานการกุศลแล้วล่ะ!”
ว่านไห่เทาถอนหายใจ “ผมเลยไม่กล้าบริจาคโดยตรง”
ฟังดูสมเหตุสมผล
“เอ่อ…”
ในใจผู้รับผิดชอบก็รู้สึกกังวลเช่นกัน เขาหน้านิ่วคิ้วขมวด ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
ถ้าได้รับเงินมาเลยก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิดหรอก เพราะหลังจากได้รับเงินมาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะแจกจ่ายอย่างไร
“ไม่เป็นไรหรอก! แค่ตรวจสอบบัญชีได้ก็พอแล้ว!”
เนี่ยเฟิงยิ้ม “ถ้าเราปล่อยให้สังคมตรวจสอบควบคุม ก็ไม่มีใครมาโกงได้! จะว่าไปแล้ว หน่วยงานการกุศลยังเป็นที่น่าสนใจเป็นวงกว้าง ทำให้มีคนจับตามองมากขึ้น ดังนั้นคนเลวจะไม่ค่อยมีโอกาสทำชั่ว!”
“เฮ้อ น้องชาย! คุณพูดถูก มันเป็นอย่างนี้จริงๆ”
ผู้รับชอบตบต้นขาอย่างฮึกเหิม
“ผมเองก็ไม่รู้ว่าควรบริจาคเท่าไหร่ สิ่งที่ทำให้ผมกลัดกลุ้มมากที่สุดคือหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการอยู่ในเมืองหยางเฉิง คนพิการที่สามารถช่วยเหลือได้จึงน้อยลงจำนวนหนึ่ง หรือว่าอย่างนี้ดีกว่า ผมต้องการรวบรวมคนพิการทั้งหมดของหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการในมณฑลซานเจียงให้มารวมตัวกัน และดูแลควบคุมโดยสังคมและหน่วยเหนือ แบบนี้จะไม่ดีกว่าหรือ?”
“ใช่แล้ว! ตอนแรกผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่มีคนน้อยเกินไปที่ผมจะขอความช่วยเหลือได้ ผมไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากยังไงดี! เฮ้อ!”
“ก็มีคุณว่านอยู่ไม่ใช่หรือ? คุณว่านและครอบครัวล้วนทำการกุศล ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะทำได้”
เนี่ยเฟิงมองไปที่ว่านไห่เทา ดูเหมือนจะรอคอยคำตอบจากเขา
โดยปกติแล้วว่านไห่เทาจะทำตบตาเพื่อผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไป แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเขาเนี่ยเฟิงจะกดดันได้ขนาดนี้
“การรวบรวมหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการในมณฑลซานเจียงเป็นเรื่องที่ลำบากมาก ผมคิดว่า…”
ในเวลานี้ว่านไห่เทาคิดจะบ่ายเบี่ยงออกไป
“คุณว่าน ทำไมคุณไม่ลองดูก่อนล่ะ? เรื่องการกุศลยิ่งใหญ่เช่นนี้ ใช้ฐานะที่พวกคุณเป็นผู้ใจบุญคุณเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากผู้คนในสังคม ผมคิดว่าน่าจะมีกำลังกว่าพวกเราตัวเล็กๆ ที่ไม่เป็นที่รู้จักนะ”
เนี่ยเฟิงพูดตัดบทว่านไห่เทา ว่านไห่เทากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาได้ ถ้าเขาถูกถ่ายรูปและโพสต์บนอินเทอร์เน็ต ชื่อเสียงของเขาจะไม่พังทลายหรอกหรือ?
ผู้รับผิดชอบยังมองไปที่ว่านไห่เทาด้วยแววตาแห่งความคาดหวัง ว่านไห่เทาพยักหน้าอย่างเก้อเขิน “งั้นผมจะลองดูแล้วกัน!”
“ขอบคุณคุณว่านมาก คุณว่านเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมที่อยู่บนโลกจริงๆ!”
“ผมบอกแล้วว่าคุณว่านต้องทำได้! เออใช่ ไหนๆ ก็มาแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมจะบริจาคเงินการกุศลก้อนแรกของเราก่อนแล้วกัน! มีพวกเรานำร่องไปก่อน คุณว่านก็ไม่ต้องกลัวแล้ว!”
หลังจากที่เนี่ยเฟิงพูดจบ เขาก็มอบเช็คและสัญญาการบริจาค โดยปกติคงเป็นเรื่องดีถ้าบริจาคโดยตรง แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม เพราะการบริจาคให้กับหน่วยงานของพวกเขาจำเป็นต้องมีสัญญาการบริจาค เพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้
“นี่ นี่มัน!”
พอเห็นเช็คฉบับนี้ ผู้รับผิดชอบก็สะดุ้งโหยวทันที “มันมากเกินไปหรือเปล่า?”
ว่านไห่เทารู้สึกสงสัย เขารีบชะโงกหน้าเข้าไปดู และพบว่าจำนวนเงินในเช็คคือสิบล้าน!
“ไม่มากเกินไปเลย เงินจำนวนนี้ใช้สำหรับการรักษาฉุกเฉิน บนโลกนี้มีผู้พิการนับหมื่นคนที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือการผ่าตัดที่ไม่ถูกต้อง มีโอกาสเสียแขนเสียขา หากมีการรักษาอย่างทันท่วงที พวกเขายังสามารถเอามือและเท้ากลับมาได้ ค่าใช้จ่ายในการรักษาส่วนนี้ยังมีความจำเป็นอยู่”
คำพูดของเนี่ยเฟิงทำให้ผู้รับผิดชอบรู้สึกซาบซึ้ง เขาเช็ดเหงื่อที่หางตา แล้วรีบพยักหน้า
“คุณว่าน ถึงตาคุณแล้ว!”
เนี่ยเฟิงมองไปที่ว่านไห่เทาโดยไม่กะพริบตา ว่านไห่เทาเลียริมฝีปากอันแห้งผากของเขา เงินสิบล้านนี้เขาจะตัดใจควักออกมาได้อย่างไร? เงินสิบล้านบริจาคไม่ควรจะบริจาคให้กับหน่วยงานการกุศลโดยตรง มันจะไม่เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหรอกหรือ?
“เอ่อ เฮ้อ ผมรีบออกมา ก็เลยไม่มีเงินอยู่ในมือมากขนาดนั้น!”
“ไม่เป็นไร มันเป็นการกุศล ไม่ได้ดูที่ปริมาณ แต่เป็นความใจบุญต่างหาก แค่คุณว่านมีเจตจำนงนี้ก็พอแล้ว! แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ดีว่า ถ้าคุณว่านบริจาคจะบริจาคเท่าไหร่?”
“ก็คงจะไม่น้อยแน่นอน!”
ว่านไห่เทาตอบอย่างคลุมเครือ
โชคดีที่ไม่นานเนี่ยเฟิงและชิวมู่เฉิงกำลังจะกลับ ว่านไห่เทาถึงรู้สึกโล่งใจ
ว่านไห่เทาเคยคิดว่าจะทำตบตาผ่านไปได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเนี่ยเฟิงจะไม่ปล่อยเขาไป
บทสัมภาษณ์ออกมาจากเตาอุ่นๆ กลายเป็นประเด็นร้อน
แต่การสัมภาณ์ครั้งนี้มีเพียงเสียงของพิธีกรและเนี่ยเฟิงเท่านั้น “วันนี้ตามคุณว่านมาทำบุญด้วยกัน คุณว่านเป็นคนดีจริงๆ เขาบอกว่าจะบริจาคสิบล้าน! อีกอย่างคุณว่านไห่เทายังต้องการจัดระเบียบหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการในมณฑลซานเจียงด้วย พอถึงเวลานั้นทุกคนจะได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจ”
“อะไรนะ?! เจ้าหมอนี่ทำไมพูดจาเหลวไหลแบบนั้น!”
หลังจากว่านไห่เทารู้เรื่องวิดีโอสัมภาษณ์นี้ก็โกรธจัดจนกระทืบเท้า มีลูกน้องจำนวนมากที่อยู่ภายใต้ชายคาของเขาถามถึงเรื่องนี้แล้ว