พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่406 รู้ว่าทำไม่ได้ก็ยังจะทำ
แต่ว่านไห่เทาก็ปฏิเสธไม่ได้ในเวลานี้ ถ้าเขาปฏิเสธ จะไม่ถูกทวงถามจากผู้รับผิดชอบหรือ?
ถึงตอนนั้นต่อให้เขามีเป็นร้อยปาก ก็ไม่สามารถอธิบายได้
เนี่ยเฟิงเห็นว่านไห่เทาลังเลไม่ยอมตอบ เขาจึงรู้ว่าตอนนี้ว่านไห่เทาต้องโกรธมากแน่ๆ เมื่อนึกถึงหน้าตาของเจ้าหมอนั่น เนี่ยเฟิงก็รู้สึกขบขันมาก
“เสี่ยวเฟิง นายหัวเราะอะไรอยู่?”
เมื่อชิวมู่เฉิงมากินข้าวกับเนี่ยเฟิง เธอพบว่าเนี่ยเฟิงนั่งอยู่บนโซฟายิ้มให้กับโทรศัพท์มือถือ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“ผมนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนมาสัมภาษณ์ผม ตอนนี้การตอบรับจากสังคมนั้นไม่เลว ผมคิดว่าเมื่อมีการนำของคุณว่าน หน่วยงานการกุศลของเราคงจะรวมกันเป็นหนึ่งในไม่ช้า ขอเพียงเป็นหนึ่งเดียวกัน มีการตรวจสอบประเมินทุกไตรมาส เช่นนั้นก็จะไม่มีใครถูกกล่าวหาว่าทุจริตและติดสินบน พอผมนึกถึงเรื่องดีๆ เช่นนั้น ผมก็รู้สึกดีใจมาก”
แม้ว่าเนี่ยเฟิงจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจของเขาก็รู้สึกยินดียินร้ายไปกับความโชคร้ายของคนอื่น ชิวมู่เฉิงมองดูใบหน้าที่ไร้เดียงสาไม่มีพิษมีภัยของเขา เธออดบอกเนี่ยเฟิงไม่ได้ว่า ว่านไห่เทาผู้นั้นอาจจะไม่ยอมควักเงินจ่าย แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนก็ตาม
ชิวมู่เฉิงได้ทำการตรวจสอบครอบครัวของว่านไห่เทามาเป็นพิเศษแล้ว
ในระหว่างการตรวจสอบ เธอพบว่ามีคนในครอบครัวของว่านไห่เทาเป็นจำนวนมากก่อร่างสร้างตัวด้วยการกุศล ตอนนี้ธุรกิจของพวกเขาดีขึ้นเรื่อยๆ สื่อหลายแห่งรายงานว่าพวกเขาเป็นคนใจบุญสุนทาน และพวกเขาก็ทำอะไรคล้อยตามกันไป
แต่สิ่งนี้ทำให้ชิวมู่เฉิงรู้สึกแปลกมาก ถ้าเป็นเช่นนั้น เหตุใดจำนวนเงินบริจาคของพวกเขาในทุกปีจึงต่ำมาก? ไม่สมกับที่เป็นบริษัทใหญ่โตเช่นนี้เลย
แต่อย่างไรก็เป็นการบริจาคเพื่อการกุศล ถ้าวัดกันที่จำนวนเงิน คงจะเป็นการดูถูกหัวใจของผู้บริจาคเกินไป แต่ชิวมู่เฉิงมักจะรู้สึกว่าว่านไห่เทาผู้นี้ไม่น่าผูกสัมพันธ์ด้วย คนอย่างเขาดูมีเจตนาไม่ดี
“ความจริงการทำบุญเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องทำให้เหมาะสมกับกำลังตนด้วย ส่วนว่านไห่เทานั้น นายไม่ควรเข้าไปใกล้นัก”
ชิวมู่เฉิงพูดจาตรงไปตรงมากับครอบครัวของตัวเองเสมอ
“ในเมื่อพี่ใหญ่พูดมาแบบนี้ ผมก็จะอยู่ห่างจากเขาหน่อย! เออใช่พี่ใหญ่ พี่มีเอกสารอะไรที่ต้องจัดการไหม? ผมช่วยพี่จัดการได้!”
“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ นายไปสนุกเถอะ”
ชิวมู่เฉิงมีงานและเอกสารมากมายที่ต้องจัดการทุกวัน สำหรับเธอแล้วมันเป็นเรื่องที่คุ้นชิน
ยิ่งไปกว่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่ชิวมู่เฉิงจะปล่อยให้เนี่ยเฟิงไปหางานทำก่อนจะเริ่มทำงาน บรรดาพี่ๆ ได้ตัดสินใจแล้วว่า จะหางานที่สบายและทำเงินได้มากให้กับน้องชายของพวกเธอ เพราะในสายตาของพวกเธอ น้องชายสุดที่รักของพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำงาน
ในขณะนี้ว่านไห่เทาถูกต่อว่าจนยับเยินแล้ว เมื่อว่านไห่เทาได้รับโทรศัพท์จากพ่อ พ่อของเขาว่านฟาฉายโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “พ่อกำชับนายเป็นหมื่นครั้งแล้วใช่ไหมว่า อย่าโอ้อวดต่อหน้าสื่อเด็ดขาด ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว คำพูดของนายจะถูกจับตามองจากทุกคน!”
“พ่อ มันไม่ใช่ความผิดของผมเลย ผมนึกไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนั่นจะวางกับดักผม ตอนนี้ผมตกกระไดพลอยโจนหนีไม่พ้นจริงๆ…”
ว่านไห่เทาขมวดคิ้วอย่างขมขื่น แต่ว่านฟาฉายไม่ยอมปล่อยเขาไป ว่านฟาฉายทุบโต๊ะด้วยความโมโห แล้วพูดอย่างโกรธเคือง “นั่นเป็นเงินสิบล้านเลยนะ!”
ว่านไห่เทาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสิบล้าน? เงินจำนวนนี้เขาไม่เต็มใจจะจ่ายด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มีแฟนๆ มากมายที่ถามถึงเรื่องนี้ ถ้าเขาหลบเลี่ยงไม่ตอบ งานสร้างภาพที่เขาทำไว้ก่อนหน้านี้ไม่ต้องพังทลายลงหรอกหรือ?
“ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว นายก็ต้องหาวิธีแก้ไข ยังไงพ่อก็ไม่ให้เงินนาย นายคิดหาทางออกเอาเอง!”
ว่านฟาฉายก็เป็นคนละโมบเช่นกัน แค่ได้ยินชื่อของเขาก็รู้แล้ว ต่อให้เป็นลูกชายก็อย่าคิดจะเอาเงินจากเขาแม้แต่แดงเดียว เขาเองก็เป็นลูกคนรวยที่ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาเช่นกัน
ในช่วงแรกที่ว่านฟาฉายรับสืบทอดกิจการจากบิดา แต่ว่านฟาฉายก็ไม่ได้ดูแลจัดการให้ดี ดังนั้นกิจการจึงทรุดฮวบลงเรื่อยๆ ต่อมาเขาได้พบรหัสลับของทรัพย์สินโดยบังเอิญ และไม่สามารถควบคุมได้ เขาหลีกเลี่ยงภาษีเป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยถูกตรวจสอบพบ
ว่านฟาฉายยังมีลูกอีกหลายคน แต่ว่านฟาฉายนั้นไม่ยอมรับเด็กเหล่านี้ ทั้งหมดล้วนเป็นผลิตผลจากการออกไปเที่ยวกลางคืนของเขา
มีเพียงว่านไห่เทาเท่านั้นที่เป็นลูกของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา เขาจำต้องยอมรับ หลังจากคลอดลูกคนนี้แล้วว่านฟาฉายก็หย่ากับภรรยาเก่าของตนเอง
การเลี้ยงดูว่านไห่เทานั้นว่านฟาฉายรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าปวดหัว แต่ว่านไห่เทานั้นสืบทอดกรรมพันธุ์มาจากว่านฟาฉายจริงๆ สองพ่อลูกสมคบคิดกันเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ตอนนี้พวกเขายังได้ก่อตั้งอาณาจักรการกุศลจอมปลอมขึ้นมาอีก
หลังจากวางสายจากว่านฟาฉายแล้ว ว่านไห่เทาก็รู้สึกเป็นกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาทำได้เพียงบอกให้คนเตรียมเงินสิบล้านไว้ อย่างไรก็ถูกประชาสัมพันธ์โดยเจ้าเด็กบ้าเนี่ยเฟิงแล้ว อย่างไรเสียน้อยก็ดีกว่าเสียมาก?
แต่ว่านไห่เทาจะบริจาคเงินฟรีๆ ได้อย่างไร ตอนนี้หน่วยงานการกุศลได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเขาจึงต้องนำเงินก้อนนี้มาเปลี่ยนเป็นความประทับใจที่ดีกลับมา!
ว่านไห่เทาบอกให้คนตอบกลับวิดีโอนี้ทันที บอกว่าพวกเขาจะบริจาคเงินก้อนนี้ให้กับหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการในวันพรุ่งนี้
ทันทีที่มีข่าวออกมา บรรดาลูกน้องต่างก็ฮือฮา พวกเขารีบปั่นกระแสทันที “คุณว่านนั้นสุดยอดจริงๆ ใจบุญสุนทาน!”
“ทุกครั้งที่ทำเรื่องดีๆ ล้วนมีคุณว่านเป็นผู้นำ ฉันคิดว่าคุณว่านจะเป็นคนแรกที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นชายหนุ่มยอดเยี่ยมสิบอันดับแรกในปีนี้!”
“คุณว่านทำให้ให้ฉันเชื่อว่าบนโลกใบนี้ยังมีความจริงใจอยู่!”
ในใจว่านไห่เทาแทบกระอักเลือดเมื่ออ่านความคิดเห็นเหล่านี้ เขาใช้เงินสิบล้านแลกมันมา คิดถึงมันทีไรก็รู้สึกหายใจไม่ออก! ซูเปอร์คาร์ของเขาไม่มีเหลือแล้ว
“พรุ่งนี้สื่อดังทั่วทั้งเมืองต้องมาถ่ายทำแน่นอน พวกคุณต้องช่วยกันสร้างภาพกับผม จะขี้เกียจไม่ได้ เข้าใจไหม? ผมจะเชิญเนี่ยเฟิงนั่นเข้าร่วมงานพิธีบริจาคครั้งนี้ด้วย ผมต้องการทำให้เขาขายหน้า!”
ว่านไห่เทาพูดกับเลขา เลขาได้ยินแล้วก็รีบพยักหน้าและโค้งคำนับ “คุณว่านไม่ต้องกังวล เราจะหาสื่อที่ดีที่สุดในการถ่ายทำ แล้วยังมีการไลฟ์สดอีกด้วย!”
“ไลฟ์สดช่างมันเถอะ การไลฟ์สดทำให้เกิดปัญหาได้ง่าย เราต้องระมัดระวังหน่อย ต้องหาสื่อมวลชนที่คุ้นเคย ต้องหาคนกันเอง!”
ว่านไห่เทาทำได้อย่างไม่มีช่องโหว่จนถึงตอนนี้ได้ ก็เพราะความระมัดระวังอย่างยิ่ง เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับคู่ต่อสู้ในครั้งนี้ คนชื่อเนี่ยเฟิงช่างน่ารังเกียจจริงๆ!
เขาได้ปกปิดตัวตนของเขาตั้งแต่แรกเริ่ม ทำให้เขาคิดว่าเขาเป็นเพียงคนธรรมดา ถ้าไม่ได้ดูรายงานของสื่อ เขาคงไม่รู้หรอกว่าคนคนนี้คือสมาชิกที่หลงเหลืออยู่ของตระกูลเนี่ย!
อันที่จริงเนี่ยเฟิงคาดเดาไว้แล้วว่าว่านไห่เทาจะไม่มีวันปล่อยโอกาสนี้ไป แม้ว่าเขาจะควักจ่ายเงินก้อนนี้ไปอย่างไม่เต็มใจ แต่เขาต้องประชาสัมพันธ์มันอย่างแน่นอน
เขามองทะลุเข้าไปในจิตใจของว่านไห่เทาแล้ว
“พี่ใหญ่ พี่รีบมาดูนี่สิ! คุณว่านให้คำตอบแล้ว ดูท่าทางเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง!” เนี่ยเฟิงพูดพลางหุบรอยยิ้มขี้เล่นบนใบหน้า แล้วพูดชิวมู่เฉิง