พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่55 อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
บทที่55 อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เนี่ยเฟิงที่เพิ่งเข้าไปก็เห็นสุดห้องประชุมมีคำกล่าวที่มีชีวิตชีวาหนึ่งภาพ
เห็นตัวหนังสือที่คุ้นเคย เนี่ยเฟิงรู้สึกแสบตา เพราะว่าภาพคำกล่าวนี้ไม่ใช่ใครเขียน คือตอนนั้นแม่ของเขาเขียนมอบให้การประชุมวิชาการทางการแพทย์
เทียบกับพ่อของตัวเองแล้ว แม่ของเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยมีชื่อเสียงสักเท่าไหร่
แต่เนี่ยเฟิงกลับเคารพแม่มาก เพราะว่าแม่ของเขาเหมือนคุณตา เก่งศิลปะการต่อสู้และการแพทย์
เนี่ยเฟิงอยู่กับพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขามีความสามารถทางด้านธุรกิจสูง ฉลาดมาก เพราะเหตุนี้ถึงได้เริ่มดูแลทรัพย์สินของตระกูลเนี่ยตั้งแต่อายุยังน้อย
เมื่อก่อนเนี่ยเฟิงเคยตามแม่มาที่นี่ แต่ว่าตอนนั้นเขายังเด็กมาก เลยไม่มีใครรู้จักเขา
อีกอย่างแม่ของเขาไม่ใช่คนที่ชอบออกหน้า ดังนั้นทุกครั้งที่มาที่นี่ก็จะเลือกนั่งแถวท้าย ๆ
ถึงแม่ของเขาจะไม่ได้มาจากตระกูลผู้ดี แต่ว่ากู่ฉิน หมากล้อม ตำรา ภาพวาดเป็นทุกอย่าง EQของเธอสูงมาก และความสามารถด้านการเรียนรู้สูงมาก
สาเหตุที่เนี่ยเฟิงมียีนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ก็สืบทอดมาจากพ่อแม่ของเขาเช่นกัน
ถึงแม่ของเขาจะไม่ได้มาจากตระกูลผู้ดี แต่ว่ากู่ฉิน หมากล้อม ตำรา ภาพวาดเป็นทุกอย่าง EQของเธอสูงมาก และความสามารถด้านการเรียนรู้สูงมาก
แต่เสียดาย คนที่เรียนแพทย์ไม่ใช่นางฟ้าทุกคน อย่างตระกูลจูแบบนั้น
“มาข้างหน้าสิ เสี่ยวเฟิง”
แม่ของหมิงอี๋หานกับเนี่ยเฟิงต่างกัน เธอไม่ใช่คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน มีการแก้แค้น ด้วยวิธีเดียวกัน มีนิสัยแยกความรักกับความเกลียด ชอบเข้าข้างมาก
เมื่อก่อนเนี่ยเฟิงมาที่นี่จะนั่งข้างหลัง ตอนนี้จู่ ๆ ก็มานั่งข้างหนา รู้สึกไม่ค่อยชินเลย
หลังจากหมิงอี๋หานนั่งลงก็ตบเก้าอี้ข้าง ๆ “เสี่ยวเฟิง นายมานั่งข้างพี่”
พวกเขานั่งได้ไม่นาน สัมมนาทางวิทยาศาสตร์ก็ดำเนินขึ้น
และสัมมนาทางวิทยาศาสตร์ครั้งนี้สำหรับดำเนินขึ้นเพื่อเนื้องอกมะเร็ง
ตลอดมาในด้านการแพทย์จะมีดอกไม้สองดอก ดอกละสาขา มีการต่อสู้กันระหว่างแพทย์แผนจีนและการแพทย์ตะวันตก
ตอนนี้ในบรรดาผู้คนที่มาเข้าร่วมการประชุมวิชาทางการแพทย์ แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือสมาคมแพทย์แผนจีนและสมาคมการแพทย์ตะวันตก
พอมองออกก็สามารถแยกออก ส่วนใหญ่สมาคมแพทย์แผนจีนจะมีแต่ผู้สูงอายุ พวกเขาสั่งสมประสบการณ์มากมายในการแพทย์แผนจีน
และความสำคัญในการดำรงอยู่ของการประชุมวิชาการทางการแพทย์ นอกจากทุกคนจะสื่อสารกันแล้ว ยังมีอีกอย่างหนึ่ง นั้นก็คือมูลนิธิแพทย์
เงินการกุศลที่ระดมทุนในแต่ละปีของมูลนิธิแพทย์ จะนำไปลงทุนในโครงการของแต่ละกองทุนการกุศล และโรงพยาบาลแต่ละแห่งจะจัดการอย่างเหมาะสม
ปัจจุบันนี้ประธานของการประชุมวิชาการทางการแพทย์ก็คือดร.หยางที่มีความบารมีอย่างสูงของเมืองจินไห่
ก่อนที่ดร.หยางจะขึ้นเวที คนข้างใต้ยังแอบซุบซิบคุยกันอยู่ หลังจากที่ดร.หยางขึ้นเวที ทุกคนก็เงียบกันหมด พวกเขามองดร.หยางตาไม่กะพริบ
“ทุกท่านที่อยู่ตรงนี้รู้ดีว่าแพทย์สมาคมของพวกเราได้รวมการแพทย์แผนจีนและแพทย์ตะวันตก แต่ว่าความขัดแย้งระหว่างแพทย์แผนจีนและแพทย์ตะวันตกยังคงอยู่ตลอด วันนี้สิ่งที่เรากำลังดำเนินการคือการประชุมแลกเปลี่ยนทางการแพทย์ ความจริงแล้วหลัก ๆ ก็คือการจัดสรรทรัพยากร”
เนี่ยเฟิงยักคิ้วเล็กน้อย เอียงไปแล้วเงียบ ๆ ถามหมิงอี๋หาน : “พี่สี่ การจัดสรรทรัพยากรของพวกเขานี่มันยังไงกันเหรอ? ”
“ความหมายตามนั้นแหละ หมายถึงเงินไง เพราะว่าเงินของมูลนิธิการกุศลทุกปีจะมีส่วนแบ่ง และการแพทย์แผนจีนกับการแพทย์ตะวันตกต่างก็ไม่ยอมกัน รู้สึกว่าส่วนแบ่งนี้พวกเขาต้องได้มากสุดถึงจะถูก และโครงการทางการแพทย์แต่ละโครงการไม่เหมือนกัน ส่วนแบ่งที่พวกเขาได้รับก็แตกต่างเช่นกัน”
หมิงอี๋หานไม่สนใจดร.หยางที่เป็นพิธีบนเวที เธอพูดเบา ๆ กับเนี่ยเฟิงอยู่ข้างล่าง
เพราะพวกเขานั่งใกล้เวทีมาก ถึงแม้พูดเสียงเบา แต่ก็ดึงดุดสายตาของดร.หยางที่อยู่บนเวทีนั้น ดร.หยางเป็นศาสตราจารย์ที่ได้รับความสนใจมาตลอด เขาเป็นประธานของสมาคมแพทย์แผนจีน ฉะนั้นเขาถังรู้สึกว่าตัวเองมีความบารมี
แต่ว่า ในสายตาหมิงอี๋หาน ตาแก่นี้ไม่ใช่อะไรเลย เพราะว่าทักษะทางการแพทย์ของหมิงอี๋หานรีบรับการสอนจากคุณตาของเนี่ยเฟิง
หลังจากที่เธอได้รับการเลี้ยงดูจากตระกูลหมิง ด้วยความสามารถที่เกินคนจึงได้ไปเรียนต่างประเทศ เรียนการแพทย์ตะวันตก
หลังจากกลับประเทศคุณท่านหมิงที่เลี้ยงเธอมาก็เสียชีวิตในที่สุด ก่อนที่คุณท่านหมิงเสียชีวิต ได้ทิ้งพินัยกรรม มอบสมบัติทั้งหมดภายใต้ชื่อของเขาให้หมิงอี๋หาน
แต่ว่า หลังจากความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนของหมิงอี๋หาน ตอนนี้โรงพยาบาลคังหมิงเป็นหนึ่งในอันดับต้น ๆ ของเมืองจินไห่แล้ว มีชื่อเสียงทั้งเมืองทั้งจังหวัด
ตอนนี้ ญาติพวกนั้นของคุณท่านหมิงต่างก็อิจฉากัน หวังฉกทรัพย์สินนี้ไปจากหมิงอี๋หาน
ที่หมิงอี๋หานไม่ชอบดร.หยาง ก็เพราะว่าเธอรู้สึกว่าคนอย่างดร.หยางบุคลิกภายนอกดูเคร่งขรึมแต่พูดอย่างทำอย่าง
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเมื่อก่อนคุณท่านหมิงบริจาคเงินจำนวนมากให้กับแพทย์สมาคม หมิงอี๋หานก็ไม่มาทวงคืนส่วนแบ่งของพวกเขาหรอก
“กรุณาอยู่ในความสงบ”
ดร.หยางไอเบา ๆ พูดอย่างไม่ชอบใจ
“ต่อไปพวกเราจะคุยเรื่องที่ร้ายแรงมาก ขอให้ทุกคนมีสมาธิ ตอนนี้ส่วนแบ่งของแพทย์สมาคมของเราในปีนี้มาแล้ว แต่สำหรับโครงการเนื้องอกมะเร็งแล้ว เราจะจัดสรรส่วนแบ่งนี้อย่างไร? ผมต้องการฟังความคิดเห็นของทุกคน”
ดร.พูดจบ คนข้างใต้ก็คุยกัน วุ่นวายไปหมด
“ผมคิดว่าส่วนแบ่งนี้ควรให้การแพทย์ตะวันตก เนื้องอกร้ายนี้ก่อตัวขึ้นแล้ว และต้องผ่าตัดเอาออก การแพทย์แผนจีนสามารถทำอะไรได้บ้างในตอนนี้? ”
“นายมองการณ์ตื้นจริง ๆ นายลืมสิ่งที่บรรพบุรุษทิ้งไว้แล้วเหรอ บูชาต่างชาติแบบนี้คิดว่าดีแล้วเหรอ? ทำไมแพทย์แผนจีนพวกเราจะรักษาเนื้องอกมะเร็งไม่ได้ล่ะ? ทำไมต้องให้ส่วนแบ่งทั้งหมดกับพวกนายด้วย? ”
หมิงอี๋หานมองยังไม่อยากจะมอง”เวลานี้ของทุกปีเป็นแบบนี้ตลอด น่ารำคาญมาก”
“ทุกคนเงียบหน่อย ลองฟังรายงานของผมดู! ”
และในตอนนั้นเองมีเสียงส่งมา ทุกคนหันไป แล้วก็หุบปากเงียบกัน
“เห็นไหม? นั่นคือจูเย่าเหวินของตระกูลจูที่บริจาคอาคารตอนนี้เขาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเฟิร์ส และเป็นเลขานุการของแพทย์สมาคม”
ในน้ำเสียงของหมิงอี๋หานมีความรังเกียจ
เธอดูถูกจูเย่าเหวินมาก รวมทั้งตระกูลจู หมิงอี๋หานรู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนเลว
ตอนนั้นได้เอาทรัพย์สินของตระกูลเนี่ยไปด้วยวิธีการที่น่ารังเกียจ ตอนนี้ยังมีหน้าที่จะมาทำเป็นครองราชา คนที่ไร้ยางอายเช่นนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน
“รายงานนี้เป็นผลงานการแพทย์แผนจีนและการแพทย์ตะวันตกที่มีต่อวงการแพทย์ในปีที่แล้ว ผมคิดว่าส่วนแบ่งนี้เอนเอียงไปทางการแพทย์ตะวันตกมากกว่า ทุกคนคิดว่าไง? ”
เนี่ยเฟิงเห็นรายงานนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และเพราะว่าหัวเราะดังไป ทำให้สายตาของทุกคนมองมาที่เขา
“นายขำอะไร? ”
“จูเย่าเหวินโมโหเล็กน้อย เขาเป็นเลขานุการมาตั้งนาน ไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลย