พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 114 วิธีการตอบแทนคุณ
บทที่ 114 วิธีการตอบแทนคุณ
“คุณเจ้าหน้าที่ตำรวจครับ ยังมีเวลาอีกสามนาที ถ้าเพื่อนคุณคนนั้นยังไม่มาอีก ก็ฆ่าตัวประกันเถอะ ถ้าคนข้างนอกไม่ยอมตอบรับคำขอของพวกเราล่ะก็ อีกสิบนาทีจะฆ่าตัวประกันแต่ละคนไปเรื่อยๆจนหมดทุกคน”
ลู่เฉินออกไปแล้วเจ็ดแปดนาทีก็ยังไม่โผล่หัวออกมา คนหัวโล้นมองไปทางเฉินจิงแล้วพูด
“ยังจะพูดว่าโจรปล้นอย่างพวกเราไม่มีความเป็นคน ผมว่าเพื่อนคุณคนนั้นต่างหากที่ไม่มีความเป็นมนุษย์ เพื่อที่จะเอาตัวรอด ก็โยนผู้หญิงสวยๆอย่างคุณทิ้งไปอย่างไม่สนใจแล้ว” โจรคนหนึ่งพูดหัวเราะเยาะ
“ผมว่านะคนสวย ถ้าพวกเรารอดไปจากนรกครั้งนี้ได้ก็ไปกับพวกเราเถอะ พวกเราจะทำให้คุณมีความสุขกินอิ่มนอนหลับอย่างหรูหรา จะมอบความสุขให้สุดๆเลย” โจรคนที่สามพูดเสียงกลั้วหัวเราะแซว
เฉินจิงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา แต่ในใจเธอจริงๆแล้วก็รู้สึกเหยียดหยามลู่เฉินอยู่หน่อยๆ
เดิมทีความหมายของเสี่ยวซัวจุนคือให้เธอมาคุ้มกันลู่เฉิน
คิดไม่ถึงว่าเมื่อถึงเวลาสำคัญไหงลู่เฉินกลับหักหลังขายเธอออกไปซะนี่
ขายเธออย่างหมดจด
ผู้ชาย เป็นชีวิตที่ล้วนรักตัวกลัวตายไม่มีความน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย
ในใจเฉินจิงคิดอย่างดูถูก
“เอ๊ะ พวกแกฟังสิ เหมือนจะมีรถเข้ามาแล้ว” ในเวลานี้เอง จู่ๆโจรที่ซุ่มอยู่ตรงประตูหลังก็พูดขึ้นมา
ถึงแม้จะได้ยินแล้วว่าข้างนอกมีเสียงรถ แต่เขาก็ไม่กล้าโผล่หัวออกไปดู
เพราะเขารู้ว่าด้านนอกมีปืนไรเฟิลคอยซุ่มยิงรอเขาโผล่หัวไป
“หรือว่าเจ้านั่นพูดกับเสี่ยวซัวจุนจนได้แล้ว เลยเอารถมาให้พวกเรา?” โจรคนหนึ่งพูดอย่างตกตะลึง
ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็สงสัยว่าลู่เฉินคงจะกลัวว่าตนเองจะกลายเป็นตัวประกัน ก็เลยแต่งเรื่องเพื่อหลอกพวกเขา ไม่คิดเลยว่าลู่เฉินจะทำจริงๆ
เฉินจิงเองก็รู้สึกไม่คาดฝัน ไม่รู้ว่าทำไม ในใจมีความคาดหวังว่าเป็นลู่เฉินกลับมาจริงๆ
การแสดงออกของลู่เฉินก่อนหน้านี้ เธอก็ยังรู้สึกนับถืออยู่บ้าง เธอไม่อยากให้ลู่เฉินเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวแบบนั้น
“อย่าเพิ่งขยับ รอดูก่อน บางทีเจ้าพวกนั่นเตรียมตัวที่จะใช้ไม้แข็งจู่โจมแล้ว” คนหัวโล้นพูดอย่างระมัดระวัง ปืนในมือคอยชี้ไปทางประตูหน้าตลอดเวลา
“อืม อาจจะเป็นไปได้” อีกสามคนที่เหลือต่างก็พยักหน้า คนหนึ่งเฝ้าตัวประกัน อีกสองคนที่เหลือต่างก็มองไปทางประตูหน้าอย่างหวั่นวิตกเหมือนกัน
“พี่ชายทั้งสี่ ผมไปพูดจนเสี่ยวซัวจุนของพวกเรายอมแพ้ เขาตกลงกับข้อแลกเปลี่ยนนี้แล้ว ถ้าพวกคุณไม่มีปัญหาอะไรล่ะก็ ผมเข้าไปละนะ”
ในเวลานี้เอง เสียงของลู่เฉินก็ดังขึ้นที่ประตูทางเข้า
เฮ้อ!
ได้ยินคำพูดของลู่เฉิน ทุกคนต่างก็ถอนหายใจกันออกมา แม้กระทั่งตัวประกันเหล่านั้นก็ถอนหายใจด้วย
ก่อนหน้านี้คำพูดระหว่างลู่เฉินกับเจ้าคนหัวโล้นพวกเขาเองก็เข้าใจได้ ลู่เฉินเตรียมตัวใช้ตนเองและเฉินจิงแลกกับพวกเขายี่สิบกว่าคน ในใจของพวกเขาก็ตื้นตันเป็นอย่างมาก ในเวลานี้เห็นว่าลู่เฉินพูดจนทำให้เสี่ยวซัวจุนยอมอีก พูดได้ว่าอีกไม่นานพวกเขาก็จะได้รับการช่วยเหลือแล้ว
เฉินจิงเองก็เป่าลมหายใจออกมา ในใจมีความสุขอย่างอธิบายไม่ได้
เธอเองก็พูดไม่ออกว่าทำไม แต่ในใจของเธอในเวลานี้ก็คือมีความสุขอย่างอธิบายไม่ได้
“โอเค คุณเข้ามาก่อน” คนหัวโล้นปล่อยลมหายใจ พูดเสียงดังออกไปข้างนอก
ไม่กี่สิบวินาทีต่อมา ลู่เฉินก็เข้ามาในธนาคาร
สายตาของคนที่จ้องมองเขาเต็มไปด้วยความร้อนระอุ
พูดตามตรง คนแบบลู่เฉินนี้ น้อยมากที่พวกเขาเคยพบเจอ
อย่างการใช้ชีวิตของตนเองแลกกับชีวิตของผู้อื่นแบบนี้ น้อยมากที่จะมีคนที่มีศีลธรรมเช่นนี้
“คุณนี่ก็กล้ามากเลยนะ” คนหัวโล้นอดไม่ได้ที่จะพูดชม
หลายปีมานี้เขาไปทั่วทุกสารทิศ ยิ่งกว่าคือฆ่าคนมาไม่น้อย ยังไม่เคยเห็นใครที่มีความมั่นใจในตัวเองเหมือนอย่างลู่เฉินมาก่อน นิ่งสงบ ยิ่งกว่านั้นคือเป็นคนที่เพื่อช่วยคนอื่นแล้วก็ไม่เสียดายชีวิตตัวเอง
ดังนั้นในใจของเขาก็มีความเคารพนับถือลู่เฉินอยู่
กระทั่งว่าถ้าหากไม่ใช่เป็นคนที่ไม่เหมือนคนอื่น สภาพแวดล้อมไม่อำนวย ในเวลานี้เขาก็คงมีความคิดที่จะไปดื่มกับลู่เฉินสักกี่แก้ว
ลู่เฉินหัวเราะเสียงเรียบแล้วกล่าว “ผมพูดกับเสี่ยวซัวจุนเรียบร้อยแล้ว รถก็ขับมาแล้ว นี่กุญแจ” ลู่เฉินเอากุญแจของรถไมโครแวนของบริษัทฉางอันโยนไปให้คนหัวโล้น
คนหัวโล้นรับกุญแจ เดาะมือชั่งน้ำหนัก จากนั้นยิ้มขำขันกล่าว “คุณไม่กลัวว่าผมจะกักตัวคุณไว้ รวมทั้งไม่ปล่อยตัวประกันเหล่านี้ด้วยเหรอ?”
ผู้คนต่างชะงัก
ในใจมีความรู้สึกตกใจ
เฉินจิงเองก็รู้สึกหวั่นวิตกแล้ว ถ้าเธอและลู่เฉินต่างก็ถูกล็อคตัวไว้อย่างนี้ ไอ้โจรพวกนี้ก็คงจะมีความมั่นใจที่จะต่อกรกับตำรวจมากขึ้น
ลู่เฉินนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นพูดพลางยิ้มว่า “คนสมัยก่อนพูดว่า ความมีน้ำใจมักมาจากคนทั่วไป ส่วนคนมีความรู้นั้นมักจะทำเรื่องหักหลังต่อกัน ประโยคนี้เองก็ให้ข้อเท็จจริงเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือยิ่งเป็นคนหยาบคาย ก็ยิ่งมีน้ำใจ ยิ่งเป็นคนมีความรู้หาวิชา กลับยิ่งทำเรื่องที่หักหลังต่อกัน ดังนั้นถึงแม้พวกคุณจะเป็นโจนปล้น เป็นคนที่ทุกคนเกลียดชัง แต่ในสายตาผม กลับเป็นคนที่มีน้ำใจเป็นอย่างยิ่ง”
คนหัวล้านชะงักกึก แล้วก็พูดเสียงดังเฮ้อออกมา “น่าเสียดายที่คุณเป็นตำรวจ พวกเราเป็นโจร ไม่อย่างนั้นคนแบบคุณ รับรองว่าผมจะต้องเป็นเพื่อนให้ได้แน่ๆ”
ลู่เฉินหัวเราะพลางพูด “ดังนั้นพวกเราก็ยังคงเป็นศัตรูกัน”
คนหัวล้านเองก็หัวเราะ พูดว่า “ดังนั้น เพื่อนเอ๋ย เหลือแค่สร้างความลำบากให้คุณและก็ตำรวจคนสวยนี่แล้ว”
เขาพลางพูด โจรอีกสองคนก็เอาเชือกมามัดมือพวกลู่เฉินสองคนไพล่ไปทางด้านหลัง
และโจรอีกคนก็ค่อยๆทยอยผลักให้ตัวประกันทั้งยี่สิบกว่าคนค่อยๆออกไปทีละคน
“ตำรวจทั้งสองคน ขอบคุณพวกคุณมาก ขอให้ทั้งสองคนอยู่ดีมีสุขชั่วชีวิต!”
ในตอนที่คนอื่นๆเดินผ่านด้านข้างของพวกลู่เฉินทั้งสอง มีคนกลุ่มหนึ่งพูดขอบคุณ และก็มีบางคนที่รีบออกจาก ‘รังโจร’ แห่งนี้อย่างเร็วรี่โดยที่ไม่ได้หันกลับมาพวกลู่เฉินทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย
“ดูท่า ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้จักกับการตอบแทนบุญคุณหรอกนะ รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ คุณดูสิพวกคุณสองคนต่างก็เสียสละช่วยพวกเขาออกไป ในพวกเขาเหล่านั้นอย่างน้อยมากกว่าครึ่งที่ไม่ชายตาแลพวกคุณเลย ยิ่งอย่าพูดถึงการพูดขอบคุณเลย” การแสดงออกของคนหัวโล้นต่อการมองดูตัวประกันพวกนั้นคือยิ้มขันขณะพูด
เฉินจิงพยักหน้าเห็นด้วยอย่างลืมตัว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ต้องการคำขอบคุณจากคนเหล่านั้นจริงๆ แต่พอได้เห็นคนจำนวนมากที่เห็นแก่ตัวอย่างนั้น ในใจของเธอก็ไม่พออยู่บ้าง
ถึงแม้เธอจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องที่ช่วยตัวประกันเป็นเรื่องที่เธอสมควรทำ แต่พอถูกคนอื่นทำให้เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่สมควรทำแน่นอนอยู่แล้ว ก็ยังคงทำให้จิตใจของเธอรู้สึกไม่สบอารมณ์
ในตอนนี้ เธอกดไลค์ให้กับคำพูดของคนหัวโล้นเลย ในหลายๆครั้ง คนทั่วไปก็ยังไม่มีจิตสำนึกเทียบเท่าโจร
“แต่ละคนมีวิธีตอบแทนคนอื่นไม่เหมือนกัน.วันนี้พวกเขาก็อาจจะเพราะวิตก.อาจจะเพราะหวาดกลัว.ในใจคิดแต่ว่าจะรีบออกจากรังโจรของพวกคุณ.มานั่งคิดถึงเรื่องตอบแทนบุญคุณไม่ทันก็เป็นเรื่องปกติ.ไม่แน่ว่าพอกลับไปแล้ว.รอพวกเขาใจเย็นลงหน่อย.ก็จะนึกถึงที่พวกเราสองคนเป็นผู้มีบุญคุณช่วยคนแล้ว” ลู่เฉินยังคงยิ้มพูดเสียงเรียบ
คนหัวโล้นฟังคำพูดพลางมองดูลู่เฉิน หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะ ไม่ได้พูดอะไรอีก
เฉินจิงได้ฟังแล้วก็มองดูลู่เฉินอย่างจริงจังเช่นกัน เห็นท่าทางของลู่เฉินที่ดูจริงจังไม่เหมือนกับพูดประชดแล้ว เธอก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไปในทันใด
เธอรู้ว่าลู่เฉินไม่ใช่ตำรวจ เป็นแค่หน้าที่ที่ช่วยพวกเธอเท่านั้น
แล้วลู่เฉินที่เป็นอาสาสมัครกลับมีความคิดรู้สึกเช่นนี้
แต่เธอที่เป็นตำรวจ ในตอนที่ช่วยเหลือผู้คนไหงมีความคิดแบบก่อนหน้านั้นได้ ในใจรู้สึกอับอายขายหน้าขึ้นมาทันที
ผู้ชายคนนี้ เป็นคนที่ทำให้คนคาดเดาไม่ออกจริงๆ
“ไปเถอะ หวังว่าพวกเราจะร่วมงานกันได้อย่างดี”
หลังตัวประกันไปหมดแล้ว.เจ้าคนหัวโล้นก็เป็นคนพาลู่เฉินเดินออกไปทางประตูหน้าด้วยตนเอง
เพื่อที่จะระมัดระวังปืนไรเฟิลที่อาจจะยิงขึ้นมาทันใด. ทั้งสี่ก็เอาพวกลู่เฉินทั้งสองคนไว้ด้านหน้า.ค่อยๆกรุยทางออกไป