พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 21 Three Heroes of the Water Margin
บทที่ 21 Three Heroes of the Water Margin
ที่จริงเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ลู่เฉินคนเดียวก็สามารถจัดการได้ราบคาบ แต่เมื่อได้ยินจางซานหยวนบอกว่าจะหักแขนเขาจึงได้เปลี่ยนความคิดให้คนอื่นมาจัดการแทน
เนื่องจากการจัดการเรื่องบางเรื่องกับคนบางคน ก็ควรให้คนประเภทเดียวกันมาจัดการถึงจะสนุกและสมศักดิ์ศรี
ลู่เฉินไม่ได้โทรหาลู่จง แต่เขาโทรหาหัวหน้าผู้มีอิทธิพลในเขตซาชวีนี้
เขามีนามว่าซงไห่ มีลูกน้องคนสนิทอีกสองคนชื่อชิจินและหลินตง สามคนนี้มีฉายาว่า Three Heroes of the Water Margin เป็นผู้ควบคุมเขตซาชวีที่ไม่มีใครกล้าขวาง
แน่นอนว่าพวกเขาเป็นเพียงกลุ่มคนบางส่วนที่ลู่เฉินแอบฝึกฝนอย่างลับๆในตลอดหลายปีที่ผ่านมาเท่านั้น
ลู่เฉินคิดว่าหากให้พวกเขาได้มาเผชิญหน้ากับคนอย่างจางซานหยวนคงจะสนุกไม่ใช่เล่น
“เยี่ยม! ในเมื่อแกเรียกคนมาช่วย ฉันก็จะเล่นเป็นเพื่อน” เมื่อเห็นลู่เฉินเรียกพวกมา จางซานหยวนไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนอะไร
ในวันนี้เป็นโอกาสดี ในร้านมีหลายคนที่ก่อนหน้านี้ไม่ลงรอยกับเขาเท่าไหร่นัก เขาจะเชือดไก่ให้ลิงดู ทำให้พวกนั้นเห็นว่าเขาจางซานหยวนไม่ใช่คนที่ใครก็สามารถแตะต้องได้ในเขตซาชวีนี้
สำหรับคนที่ลู่เฉินเรียกมานั้นเขาขี้เกียจไปนั่งคิดว่าเป็นใครมาจากไหน เขาเชื่อว่าคนที่ลู่เฉินเรียกมายังไงเสียก็ต้องเกรงกลัวคนที่เป็นแบล็กหลังเขาอย่างแน่นอน
ดีไม่ดีพวกที่ลู่เฉินเรียกมาอาจเป็นลูกน้องของพวกเขาก็ได้
ลู่เฉินยิ้ม เขาไม่ชอบพูดมาก เดินไปนั่งรอที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง
ซงไห่บอกเขาว่าอย่างมากสุดสิบนาทีพวกเขาจะมาถึง ก็ใช้เวลาไม่มากเท่าไหร่
“พ่อหนุ่ม ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องวุ่นวาย ถ้าขายของนั้นให้ผมเมื่อครู่ ทุกเรื่องก็จบลงแล้ว ตอนนี้ผมคงไม่สามารถซื้อของจากคุณได้แม้ว่าคุณจะขาย เพราะเรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้ถ้าผมยังขอซื้อของจากคุณ ก็คงหักหน้าเถ้าแก่จางเกินไป” หยูเจิ้งเทาส่ายหัว เขาเองก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้เช่นกัน เขาอยากรู้นักว่าลู่เฉินจะจบเรื่องราวนี้ยังไง
ที่สำคัญที่สุดคือถ้วยใบนี้สุดท้ายแล้วเขาต้องได้มันมา อาจจะต้องเพิ่มราคานิดหน่อยเท่านั้น เขาเชื่อว่าจางซาหยวนต้องขายให้เขาแน่นอน
คนอื่นๆก็พากันส่ายหน้า แต่ไม่มีใครพูดอะไรเพิ่มเติม
เวลาสิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว รถสองคันขับมาจอดหน้าร้านขายของสะสมโบราณแห่งนี้ คนในรถลงมาเจ็ดแปดคนเห็นจะได้
คนที่เดินนำหน้ามาเป็นชายวัยสามสิบกว่าปี เขาตัดผมทรงสกินเฮด บนใบหน้ามีรอยแผลเป็นบ่งบอกถึงนิสัยของเขา
ทางด้านซ้ายและขวาของเขามีชายรูปร่างสูงใหญ่สองคนหน้าตาและอายุไม่ต่างจากเขามากนัก
“ลูกพี่ซ่ง ลูกพี่ชิ ลูกพี่หลิน มาได้ยังไงครับเนี่ย?” เมื่อเห็นทั้งสามเดินเข้ามา จางซานหยวนเข้าไปทำความเคารพอย่างลืมตัว
เขาไม่ได้คิดแม้แต่น้อยว่าคนที่ลู่เฉินเรียกมานั้นจะเป็น Three Heroes of the Water Marginแห่งเขตซาชวีนี้
ทั้งสามคนไม่ได้ให้ความสนใจเขา แต่สายตามองมาทางลู่เฉินที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนเก้าอี้ แล้วเดินตรงไป
คนอื่นๆก็ไม่ได้คิดว่าทั้งสามคนนี้คือคนที่ลู่เฉินเรียกมาช่วย แต่กลับคิดว่าเป็นคนที่จางซานหยวนเรียกมาจัดการเรื่องนี้เสียอีก
แต่เมื่อเห็นทั้งสามคนไม่สนใจจางซานหยวนแต่กลับเดินตรงไปที่ลู่เฉิน ก็พากันแปลกใจ
“คุณชายลู่”
“คุณชายลู่”
“คุณชายลู่”
ทั้งสามเดินมาก้มทำความเคารพต่อหน้าลู่เฉิน ทำให้ทุกคนอยู่ในความแตกตื่น
ลู่ คุณชายลู่?
ที่ยวี่โจวมีบุคคลนี้อยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
คนสกุลลู่ก็มีเพียงเศรษฐีลู่คนเดียวเท่านั้น ไม่เคยได้ยินว่าเขามีลูกชายมาก่อน?
ผู้คนต่างพากันมอง Three Heroes of the Water Marginและมองลู่เฉินด้วยความงวยงง
ส่วนจางซานหยวนในตอนนี้หัวเขาแทบระเบิด
แบล็กหลังของเขาก็คือสามคนนี้ แต่เขาไม่เคยนึกมาก่อนว่าทั้งสามเมื่ออยู่ต่อหน้าลู่เฉินจะกายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เชื่องขนาดนี้ การที่เขาทำให้บุคคลนี้โมโหมันเป็นเรื่องที่โง่มากๆ
ลู่เฉินพยักหน้าตอบรับ แล้วมองไปที่จางซานหยวนพูดว่า “เขาคนนั้นบอกว่าจะหักแขนผมนะ แล้วยังจะให้ผมไปกินข้าวแดงด้วย มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ ส่วนพวกคุณจะจัดการยังไงผมคิดว่าคงเข้าใจดี”
พูดจบก็เดินถือถ้วยใบนั้นออกไปจากร้าน
เขาไม่อยากอยู่ต่อให้เสียเวลาเพราะเขาเชื่อว่าทั้งสามนั้นไม่โง่ พอเข้าใจความหมายของเขาดีว่าต้องทำอย่างไร
เมื่อเห็นลู่เฉินเดินจากไป สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป แม้ว่าลู่เฉินจะไม่ได้ระเบิดออกมาแต่เขารับรู้ได้ว่าลู่เฉินนั้นโกรธมาก
เขาคือคุณชายลู่ตัวจริงเสียงจริง ส่วนหัวหน้าของพวกเขาที่เรียกกันว่าลู่จงนั้นเป็นเพียงแค่คนรับใช้ของเขาเท่านั้นเอง เจ้านายของเจ้านายพวกเขาโกรธถึงเพียงนี้ พวกเขาต้องเอาคืนให้สาสม
“แกกล้าบังอาจจะหักแขนคุณชายลู่?” ซงไห่ถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าอันสลดของจางซานหยวน
“ลูกพี่ซ่ง…คนนั้นเขาเป็นใคร ?” ถึงแม้จะกลัวเพียงใดแต่จางซานหยวนก็อดที่จะถามไม่ได้
“ตัวตนของคุณชายลู่เป็นเรื่องที่ตัวประกอบขี้ปะติ๋วอย่างแกมีสิทธิ์รับฟังด้วยเหรอ?รู้เพียงแค่ว่าในยวี่โจวนี้มีไม่กี่คนที่สามารถต่อกรกับเขาได้ก็พอ” หลินตงพูดขึ้น
“อย่ามัวแต่เสียเวลาเลยอาหลิน คุณชายลู่สั่งไว้แล้วว่าให้จัดการคนพวกนี้ เราจะให้คุณชายลู่รู้ไม่ได้ว่าไอ้พวกนี้เคยทำงานกับเรา ไม่งั้นพวกเราคงซวยไปด้วย”ชิจินพูดขึ้น
“ที่ลูกพี่ชิพูดก็ถูก ว่าแต่ลูกพี่ซ่งเข้าใจความหมายของคุณชายลู่ไหม?” หลินตงมองไปทางซงไห่
“สมองมีแต่ขี้เลื่อยหรือไง ไอ้บ้านี่มันบังอาจจะมาหักแขนคุณชายลู่ คุณชายลู่ก็พูดออกมาแล้วนั่นก็หมายความว่าให้พวกเราหักแขนมันทิ้งไง” ซงไห่พูดขึ้น
“ฮ่าๆๆๆ ลูกพี่นี่ฉลาดจริงๆ” หลินตงหัวเราะขึ้นแล้วหันไปมองทางจางซานหยวน
“หักแขนไอ้บ้านี่ทิ้งซะ”เขาหันไปสั่งลูกน้องที่ติดตามมา
บรรดาลูกน้องได้ยินคำสั่งก็ถือกระบองเหล็กตรงเข้าไปที่จางซานหยวน
“ลูกพี่ๆ…….”จางซานหยวนหน้าซีด เขาตกใจกลัวอย่างสุดขีด
เขายังไม่ทันได้พูดจบ เสียงก็ดังสนั่นขึ้น แท่งเหล็กในมือนักเลงพวกนั้นทุบเข้าให้ที่มือเขาอย่างจัง
“ที่ไม่ตัดแขนแกทิ้งก็ถือว่าบุญเหลือเกินแล้ว” มองดูใบหน้าที่บูดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดจากการโดนทุบที่มือเมื่อสักครู่ของจางซานหยวน ซงไห่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“ขอบคุณลูกพี่ทั้งสามที่เมตตา เห็นแก่ที่ผมจงรักภักดีต่อลูกพี่มาหลายปีนี้ บอกหน่อยได้ไหมว่าคุณชายลู่เป็นใครกันแน่?”จางซานยังรู้สึกไม่สบายใจ คำพูดของเขาเพียงคำเดียวทำให้ทั้งสามนี้เกรงกลัวและทำเขาให้เจ็บเพียงนี้
บวกกับวัตถุโบราณชิ้นนั้นก็โดนเอาไปต่อหน้าต่อตา มันทำให้เขาหงุดหงิดใจมาก
“รู้มากไปไม่มีผลดีกับตัวแกนะ เจียมตัวให้ดีจะดีกว่า” ซงไห่ส่ายหน้าแล้วพาลูกน้องเดินจากไป
ภายในใจจางซานเคียดแค้นยิ่งนัก
“ศาสตราจารย์หยูครับ ไอ้หนุ่มนั่นมันก็ได้ถ้วยไปแล้ว การที่จะเอาของคืนมาจากพวกมีอิทธิพลแบบนั้นคงเป็นไปไม่ได้แล้วละ บอกหน่อยได้ไหมว่าของชิ้นนั้นคืออะไร” จางซานหยวนอดทนต่อความเจ็บปวดแล้วเอ่ยถามขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเจอมาในวันนี้ก็เพราะถ้วยใบนั้น อยากรู้นักว่ามันคืออะไร
หยูเจิ้งเทามองไปที่บ่าข้างที่อ่อนแรงของจางซานหยวน ถอนหายใจแล้วตอบว่า “ของสิ่งนั้นคือถ้วยเรืองแสงของแท้ มูลค่ากว่าห้าล้าน หากใช้ใส่ไวน์แดงเวลาไม่กี่นาทีก็จะเผยรูปร่างแท้จริงออกมา”
ถ้วยเรืองแสงของแท้!
ทุกคนในที่นั้นล้วนตกใจเมื่อได้ยินมูลค่าของมัน
จางซานหยวนนับว่าดวงซวยจริงๆ ขายถ้วยเรืองแสงของแท้ในสมัยราชวงศ์ซ่งไปด้วยราคาสองพัน คิดแล้วก็ช่างน่าเสียดาย
ด้านจางซานหยวนเองก็แทบจะกระอักเลือดอีกครั้ง เขาโมโหตัวเองจริงๆ
“ฉันไม่สนว่าแกจะเป็นใครมาจากไหน กล้าแย่งเอาถ้วยเรืองแสงไป คอยดูเถอะว่าจะจัดการแกยังไง!”
จางซานหยวนพูดสบถออกมาพร้อมแววตาอาฆาตแค้น
ขณะเดียวกันที่บ้านหวังเสวี่ย หลินอี้เจียมองหลินอี้จุนแล้วถามว่า “พี่คะ ปีนี้พี่เขยก็ไม่มาอวยพรให้พ่ออีกแล้วเหรอ?”
หลินอี้จุนเองยังมัวแต่กังวลลู่เฉิน ไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่นางถาม ได้ยินเพียงคำพูดของผู้เป็นแม่ว่า “ไอ้ขยะนั่นเหรอ ไม่มาก็ดีแล้ว มาให้เกะกะลูกหูลูกตาทำไมกัน”
“แม่คะ ลู่เฉินกำลังมาค่ะ แค่เค้าเลือกซื้อของขวัญอยู่เท่านั้นเอง” หลินอี้จุนตอบ
จากประสบการณ์เมื่อสองปีก่อนที่ลู่เฉินประสบความล้มเหลวทางธุรกิจ ทำให้แม่ของเธอมีอคติกับลู่เฉิน แต่เธอก็เคยชินกับสถานการณ์เช่นนี้แล้ว
“ก็แค่ผู้ชายเกาะเมียกินคนนึงจะมีปัญญาไปซื้อของขวัญอะไรมา อาบคนอื่นเค้าเปล่าๆ” หวังเสวี่ยพูดอย่างดูถูก
“ใช่ๆๆ ของขวัญที่พี่เขยซื้อได้มากสุดก็หลักร้อย ไม่เหมือนกับหูหงของเราที่ซื้อของสะสมสมัยราชวงศ์ถังให้คุณพ่อ” หลินอี้เจียพูดอย่างมั่นใจ จากเหตุการณ์ที่หูหงช่วยเหลือธุรกิจของแม่เธอ ทำให้เธอตอบตกลงคบกับเขาอย่างเป็นทางการ
“แหมทุกคนก็พูดเกินไป ที่จริงแล้วราคาไม่ได้แพงเท่าไหร่แค่ไม่กี่แสนหรอกครับ” หูหงที่นั่งอยู่ข้างๆยิ้มตอบ
หลินอี้จุนจากเดิมจะพูดว่าที่ลู่เฉินเลือกมานั้นราคาก็อยู่ที่หลักแสนเหมือนกัน แต่เมื่อได้ยินราคาของฝ่ายตรงข้ามก็นิ่งเงียบไป
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันนั้น ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา หลินอี้เจียลุกขึ้นไปเปิดประตูพบว่าคือลู่เฉิน