พ่อบ้านจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 77
“คุณหนูกำลังจะแต่งงาน!”
ด้านนอกประตูตระกูลเสวี่ย ยายอ้วนตะโกนขณะที่เสวี่ยหนิงเซียงถูกนำไปด้านนอกโดยสาวใช้สองคน คนทั้งเมืองชิงหมิงมารวมตัวกันเพื่อเป็นสีกขีพยานในงานนี้
โหยวกุ่ยฉีกับโหยวหมิงยิ้ม
ทุกคนมีความสุขกับการแสดงความโอบอ้อมของโหยวหมิงกู่ บางคนยังหลั่งน้ำตา จินตนาการว่าลูกสาวของตระกูลพวกเขากำลังแต่งงาน
เสวี่ยหนิงเซียงเดินไปตรงหน้าฝูงชน ถ้าก่อนพวกเขาจะได้ทึ่งกับพลังอำนาจของโหยวหมิงกู่ ตอนนี้พวกเขาก็ตะลึงในความงาม
เสวี่ยหนิงเซียงสวมชุดแต่งงานธรรมดา นางไม่ได้แต่งหน้าจัด แต่ก็ให้ความรู้สึกสวยอย่างแท้จริง ไม่ใช่ของปลอมที่เกินจากการตกแต่งมากเกินไป บริสุทธิ์ดั่งกล้วยไม้ ทำให้ผู้คนอยากแต่งงาน!
มีเพียงสาวงามเช่นนี้ที่คู่ควรแต่งเข้าเจ็ดตระกูลใหญ่!
ฝูงชนรวมตัวกันเพื่อดูรอยยิ้มของนาง อยากอวยพรให้นาง
แต่ความปรารถนาดีกับความคิดแบบนี้ของพวกเขากลับสร้างภาระอันหนักอึ้งให้หัวใจของเสวี่ยหนิงเซียง
ทุกคนที่นี่อิจฉาตระกูลระดับสองของนางที่ได้แต่งงานกับหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ ไม่รู้เลยว่าขุมนรกกำลังรอนาง
เสวี่ยหนิงเซียงเอียงหัวไปทางโหยวกุ่ยฉี ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา”ผู้อาวุโสเจ็ดจะไปกับข้าไหม?”
“ฮ่าๆ แน่นอน มันเป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องปกป้องคุณหนูกับศิษย์ของโหยวหมิงกู่ที่กำลังแต่งงานกัน”
ฝูงชนรู้สึกทึ่งกับความใจดีของพวกเขาอีกครั้ง
แต่ทว่า เสวี่ยหนิงเซียงกลับแสดงรอยยิ้มดูถูกเหยียดหยาม[ปกป้องหรือจับตาดูกันแน่]
[อย่างน้อยตอนโหยวกุ่ยฉีออกจากเมืองชิงหมี พี่ใหญ่จั๋วก้สามารถหนีได้]
ก่อนนางจะได้หายใจสะดวก โหยวกุ่ยฉีก็มองนางและพูดด้วยรอยยิ้มเย็น”โอ้ ใช่แล้ว คุณหนูหนิง ข้าได้ปิดตายเทือกเขาหมื่นอสูรแล้ว แม้แต่อุโมงค์ลับของเจ้า เจ้าหนูนั่นไม่มีทางรอดเงื้อมมือข้าไปได้หรอก”
“เจ้า..”
เสวี่ยหนิงเซียงลุกเป็นฟืนเป็นไฟ มันเป็นความลับของตระกูลนาง และโหยวกุ่ยฉีก็ต้องล้วงมันจากพ่อกับพี่ชายนาง
วิธีการหลบหนีของจั๋วฝานโดนตัด
“ผู้อาวุโสเจ็ด ข้าอยาก….”
“ไม่ต้องพูด!”โหยวกุ่ยฉีพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา”ชีวิตของเจ้าแลกกับตระกูลเจ้า แค่นั้น”
“คุณหนูหนิง ตามมา!”จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อ-
เกวียนหรูหราอยู่ตรงหน้านางโดยมียอดฝีมือหลอมกระดูก50คนรอบมัน
เสวี่ยหนิงเซียงขมวดคิ้วขณะที่ยกขาขึ้น นางอยากช่วยจั๋วฝาน แต่โหยวหมิงกู่มีชีวิตของครอบครัวนางในกำมือ นางไม่มีอะไรจะไปต่อรองได้
ทันใดนั้น แหวนสายฟ้าของเสวี่ยหนิงเซียงก็แล่บและหัวใจนางก็เต้นกระหน่ำ
“อย่ามานะ!”เสวี่ยหนิงเซียงตะโกนขึ้นฟ้า ทำให้ผู้ชมตกใจ
ไม่มีใครยกเว้นโหยวกุ่ยฉีที่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของนาง ด้วยแววตาชั่วร้าย เขารอเหยื่อเขาอย่างอดทน
“หนิงเอ๋อร์ ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว!”
เป็นการตอบสนองต่อเสียงตะโกนของเสวี่ยหนิงเซียง เสียงของเซี่ยเทียนหยางดังขึ้นขณะที่เขาแทงกระบี่ดวงดาวใส่โหยวกุ่ยฉี
เจตจำนงกระบี่ทำให้ฝูงชนอ้าปากค้างขณะกระจัดกระจาย
โหยวกุ่ยฉีแค่ยิ้มเยาะ”ฮึ่ม เจ้าอยากตายมากสินะ แค่ผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกแท้ๆ!”
โหยวกุ่ยฉีไม่กลัวอาวุธจิตวิญญาณระดับสี่ เขาสะบัดฝ่ามือออกไป
ปลายกระบี่ของเซี่ยเทียนหยางสั่นสะท้านกับแรงลมของฝ่ามือและเจตจำนงกระบี่ก็แตกกระจาย
เขาตกใจแต่ไม่ได้ใช้กระบี่เพื่อป้องกัน แต่กลับเพิ่มพลังให้มัน
คลื่นกระบี่สีทองพุ่งจากปลายกระบี่ เจาะฝ่ามืออันทรงพลัง จากนั้นก็พุ่งใส่โหยวกุ่ยฉี
“กระบวนท่าฉีกมิติ!”
หัวใจของโหยวกุ่ยฉีกระชับและหายไปจากจุดนั้น คลื่นกระบี่ฟาดใส่เกวียน เปลี่ยนมันเป็นของที่ใช้งานไม่ได้
“วิชายุทธ์ระดับนภาของตำหนักกระบี่ 9 กระบวนท่ามิติไหลลื่นของตำหนักกระบี่?”
โหยวกุ่ยฉีปรากฏตัวข้างเซี่ยเทียนหยาง พูดอย่างเย้ยหยัน”เจ้ามาจากตำหนักกระบี่ แต่เด็กทั่วไปจะถือมรดกนี้ได้ไง?เจ้าคือ…”
“ฮึ่ม ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า!”
เซี่ยเทียนหยางพ่นลมและแทงกระบี่ไปข้างหลัง
ครั้งนี้ กระบี่ไม่มีพลังสำแดงออกมา แต่ทุกที่ที่มันฟาดฟัน มันจะทำให้มิติหยุดชะงักและโหยวกุ่ยฉีก็ช้าลง
“ตาข่ายว่างเปล่า!”เซี่ยเทียนหยางคำราม
“ฮึ่มเจ้าไม่รู้อะไรเลย!แม้จะด้วยวิชายุทธ์ระดับนภา ความต่างระหว่างผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกกับนภาก็ยังห่างเกินไป”
โหยวกุ่ยฉีแค่นเสียง หายตัวไป ปรากฏตรงหน้าเซี่ยเทียนหยาง
เซี่ยเทียนหยางตกใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรับฝ่ามือของโหยวกุ่ยฉี ตอนเขาตกถึงพื้น ยอดฝีมือหลอมกระดูกหกคนก็ล้อมเขาไว้เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ลุกขึ้นมา
“ฮึ่ม เจ้าหนูบัดซบ!ถ้าไม่ใช่เพราะตำหนักกระบี่ เจ้าคงตายไปแล้ว”โหยวกุ่ยฉีเยาะเย้ยเขา
เซี่ยเทียนหยางก้ายหน้าและตอบ”ฉันขอท้าให้นายฆ่าฉัน!แต่นายจะสามารถรับผิดชอบกับสงครามที่ตามมาได้ไหม?ฮ่าๆๆ”
น้ำเสียงของโหยวหมิงกู่กลายเป็นเย็นขึ้น แผ่จิตสังหารออกมา”เด็กระยำนั่น เจ้าคิดว่าข้าจะกลัว?เจ้าทำให้เมืองข้าวุ่นวาย ตำหนักกระบี่คงไม่ว่าอะไรต่อให้ข้าฆ่าเจ้า”
โหยวกุ่ยฉีตบหน้าอกของเซี่ยเทียนหยาง
เสวี่ยหนิงเซียงร้อง”ไม่!’แต่โหยวหมิงกู่ได้ตัดสินใจฆ่าเขาไปแล้ว
“หยุด!”
เสียงมีอายุดังก้องและคลื่นกระบี่สีทองก็สลาย
โหยวกุ่ยฉีไม่เข้าใจ การโจมตีนี้ไม่เหมือนของเซี่ยเทียนหยาง มันต้องได้รับการหนุนด้วยอำนาจของยอดฝีมือระดับนภา”
เขาหยุดโจมตีและกระโดดถอยไปหกเมตร
เซี่ยเทียนหยางถ่มน้ำลาย”ข้าท้าให้เจ้าฆ่าข้า!แต่เจ้าจะรับผิดชอบสงครามที่ตามมาไหวไหม?ฮ่าๆๆ”
น้ำเสียงของโหยวกุ่ยฉีเปลี่ยนไป เขาฉายแววอำมหิต”เจ้าเด็กระยำ เจ้าคิดว่าข้ากลัว?เจ้ามาสร้างความวุ่นวายในเมืองข้า ตำหนักกระบี่จะไม่พูดอะไรต่อให้ข้าฆ่าเจ้า”
โหยวกุ่ยฉีตบใส่หน้าอกของเซี่ยเทียนหยาง
เสวี่ยหนิงเซียงกรีดร้อง”ไม่!”แต่โหยวกุ่ยฉีหมายมั่นจะฆ่าเขาแล้ว
“หยุด!”
เสียงสูงวัยดังก้องและคลื่นกระบี่สี่ทองก็ฟาดลงมา!
โหยวกุ่ยฉีไม่คิดรับมัน การโจมตีนี้ไม่เหมือนของเซี่ยเทียนหยาง . มันเป็นพลังของยอดฝีมือระดับนภา
เขาหยุดการโจมตีและกระโดดถอยหลังไปหกเมตร
บูม!
เมื่อฝุ่นสลายตัว หลุมกว้างหนึ่งเมตรก็เกิดขึ้นในตำแหน่งเดิมของโหยวกุ่ยฉี ส่วนความลึกนั้นไม่มีใครรู้
ชายชราผมขาวบินไปข้างเซี่ยเทียนหยาง ขับไล่ยอดฝีมือหลอมกระดูกออกไป
“ผู้อาวุโสแปด!’
ชายชราดูผอมแห้ง ดวงตาขุ่นมัว ตรงข้ามกับพลังที่เขาสำแดง แม้ว่ามือขวาของเขาจะนิ้วหายไปสามนิ้ว แต่มือนี้ที่แห้งติดกระดูกก็ยังแสดงเส้นเลือดสีฟ้าออกมาชัด บ่งชี้ว่าเขาคือมือกระบี่
เซี่ยเทียนหยางร้องด้วยความยินดีขณะที่โหยวกุ่ยฉีแค่นเสียง”เจี้ยนซุยเฟิง ไม่เจอกัน 50 ปี เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ดี จนกระทั่งเจ้ามาทำลายอารมณ์ของข้า!”ผู้อาวุโสพูดผ่านไรฟัน ดวงตาขุ่นมัวของเขาแสดงความเกลียดชังฝังลึก
“ผู้อาวุโสแปด ขอบคุณที่ท่านมา ได้โปรดช่วยข้าช่วยหนิงเอ๋อร์ด้วย!”เซี่ยเทียนหยางดึงแขนเสื้อของเจี้ยนซุยเฟิง
แต่เจี้ยนซุยเฟิงกลับส่ายหัว”เทียนหยาง นี่เป็นเรื่องของโหยวหมิงกู่ เราไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้”
“เจ้าหนู เจ้าจะต้องชดใช้ถ้าแส่ไปยุ่งเรื่องของคนอื่นเข้า”โหยวกุ่ยฉีหันไปหาเจี้ยนซุยเฟิง”ในเรื่องนี้ เจ้าเองก็เสียไปสามนิ้วเพราะเหตุผลเดียวกัน”
ดวงตาของเจี้ยนซุยเฟิงสั่นสะท้านจากความโกรธขณะที่เขาจ้องโหยวกุ่ยฉีเขม็ง”เจ้าคิดว่าข้าจะตกหลุมพรางเจ้าอีกงั้นหรือถ้าไม่ใช่เพราะความหนุ่มตอนนั้น?”
“ฮ่าๆ มันจะดีกว่าถ้าเจ้าอยู่เงียบๆ!”
โหยวหมิงหัวเราะ”ข้าได้ยินจากอาจารย์ข้าถึงเรื่องของผู้อาวุโส ที่เรียกว่าผู้อาวุโสสามัญกับวัยเยาว์อันเน่าเฟะ ตอนนั้น ถ้าผู้อาวุโสไม่ลุ่มหลงสาวจากตระกูลบริวารของโหยวหมิงกู่ เจ้าคงไม่บ้าบิ่นบุกเข้าเมืองนาง สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการที่เจ้าตำหนักของเจ้าต้องมาจ่ายค่าไถ่ด้วยเมืองสามเมือง?แย่หน่อยที่เจ้าต้องทิ้งนิ้วสามนิ้วนั่นไว้ข้างหลัง”
เจี้ยนซุ่ยเฟิงกัดฟัน โกรธจนเส้นเลือดปูด”โหยวกุ่ยฉี อย่าให้มันมากไป”
“แล้วไง เจ้าจะโจมตี?”โหยวกุ่ยฉีแสยะยิ้มชั่วร้าย” 50 ปีก่อน เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้ และนั่นก็ไม่เปลี่ยนแปลง เจ้าควรหนีไปเรียกผู้อาวุโสเจ็ดของเจ้ามาแทน”
เขายังคงเยาะเย้ยเจี้ยนซุยเฟิงต่อ”ข้าละทึ่งกับชื่อเสียงของผู้อาวุโสกระบี่ทั้ง 13 จากตำหนักกระบี่ที่สั่นสะเทือนไปทั่วจักรวรรดิ แต่เจ้าเป็นคนเดียวที่ไม่คู่ควรเลยสักนิด!”
“เจ้า..”เจี้ยนซุยเฟิงกำหมัดแน่นและคำราม”เทียนอวี่ ไป!’
“แต่ผู้อาวุโสแปด ท่านต้องสู้เพื่อเกียรติของตำหนักกระบี่เราต่อให้เราช่วยหนิงเอ๋อร์ไม่ได้ การไปแบบนี้…”
“เงียบ!เจ้าบอกไม่ได้หรือไงว่าเขากำลังเยาะเย้ยเรา?นี่คือถิ่นของโหยวหมิงกู่ ชนะหรือแพ้ที่นี่จะทำให้ตำหนักกระบี่ตกที่นั่งลำบาก!”
เขาจ้องโหยวกุ่ยฉีอีกครั้งและพูดกับเซี่ยเทียนหยางว่า”เทียนหยาง จำฉายาของโหยวกุ่ยฉีและความเจ้าเล่ห์เขาให้ดี ครั้งหน้าที่เจ้าพบเขา เจ้าอย่าลืมเผชิญหน้ากับเขาด้วยการเตรียมการที่เพียงพอ”
เซี่ยเทียนหยางจ้องเสวี่ยหนิงเซียงและพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่”ข้ารู้ แต่ถ้าข้าไม่ช่วยนางวันนี้ ข้าจะเสียใจไปตลอดชีวิต”
“ฮ่าๆๆ ช่างเป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้ความโหดร้ายของโลก!ในเมื่อนายน้อยของตำหนักกระบี่เป็นพวกวีรบุรุษอยากช่วยสาวงาม ข้าก็จะยอมให้โอกาสเจ้า ถ้าเจ้าช่วยนางได้ ข้าจะปล่อยตระกูลนางด้วย กปล่อยให้นางรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อเจ้า”
โหยวกุ่ยฉีปรบมือและผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกสี่คนก็ดึงไม้กางเขนขนาดใหญ่สี่อันออกมา พร้อมด้วยคนตระกูลเสวี่ยทั้งหมดที่โดนตอกตะปูยึดติดกับพวกมัน ตั้งแต่คนแก่ถึงคนหนุ่ม
“ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านพี่!”
เสวี่ยหนิงเซียงคร่ำครวญ จ้องโหยวกุ่ยฉี”ผู้อาวุโสเจ็ด เจ้าทำอะไร?”
“แสดงบทบาทเป็นตัวร้ายนะสิ”
จากนั้นโหยวกุ่ยฉีก็แสยะยิ้ม”แล้วนายน้อยจะเล่นบทวีรบุรุษยังไง?”
จากนั้นเขาก็คำราม”โจมตี!”
ผู้บ่มเพาหลอมกระดูกดึงตะขอออกมา และฝังพวกมันเข้าตัวสมาชิกตระกูลเสวี่ย
เลือดไหลรินเหมือนฝน และเสียงร้องของพวกเขาก็ดังก้องในอากาศ พวกเขายังพบเรียวแรงที่จะตะโกนจนสุดปอดตอนตะขอดึงออกจากตัวพวกเขา ไม่แม้แต่เสวี่ยติงเถียน ยอดฝีมือระดับนภาที่จะทนการทรมานนี้ได้
เสวี่ยหนิงเซียงร้องไห้ออกมาและตะโกน”โหยวกุ่ยฉี หยุดซะ ไม่งั้นข้าจะฆ่าตัวตาย!”
“งั้นข้าจะฆ่าพวกมันให้หมด!’โหยวกุ่ยฉีคำราม
เสวี่ยหนิงเซียงยืนนิ่ง ไร้อำนาจที่จะบรรเทาเสียงร้องเจ็บปวดของตระกูลนาง เข่าของนางอ่อนยวบ นางทรุดตัวลงเช่นเดียวกับจิตใจนาง
โหยวหมิงหัวเราะข้างหูนาง”สาวน้อย ลงหลังเสือซะ เจ้าไม่อยู่ในตำแหน่งที่จะเรียกร้องอะไรได้ เขาคือปีศาจเจ้าเล่ห์ จอมปราชญ์อันดับหนึ่งแห่งโหยวหมิงกู่ มีคนมากมายจากเจ็ดตระกูลใหญ่ที่ตกอยู่ภายใต้อุบายของอาจารย์ข้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะเขาได้หรือ?”
“ฮ่าๆๆ ข้าจะให้เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วย มันเพราะเจ้าทำให้เขาโกรธ เขาถึงเลือกทำแบบนี้ เจ้าอาจมีหมากต่อรอง แต่น่าเสียดาย เจ้าไร้เดียงสาเกินไป และอย่าลืมว่าเขาเองก็มีหมากต่อรองเช่นกัน”
เสวี่ยหนิงเซียงเงยหน้าขึ้นแต่ดวงตาของนางกลับเอ่อล้น
มันเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความทรมาน!
นางเสียสละตัวเองเพื่อช่วยตระกูลนาง แต่นางไม่มีทางเอาชนะจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวนี้ได้ มันกลับทำให้เขาโกรธและตอนนี้เขากำลังระบายมันใส่ทั้งตระกูลนาง
“ทั้งหมดเป็นความผผิดของข้า!”นางตำหนิตัวเอง
“ตอนนี้ใครจะช่วยข้าได้?”เสวี่ยหนิงเซียงพึมพำขณะแหงนมองฟ้า”ใครจะช่วยเราได้บ้าง?”
“ฮึ่ม ยัยโง่!”โหยวหมิงหัวเราะเยาะแต่แล้วก็ยักไหล่”ไม่ว่าจะโง่หรือไม่ เตาหลอมก็ยังมีประโยชน์”
เซี่ยเทียนหยางเห็นเสวี่ยหนิงเซียงเสียสติและหัวใจของเขาก็แทบหลั่งเลือด เจี้ยนซุยเฟิงหยุดเขาจากการพุ่งไป
“ยิ่งเราอยู่ให้ห่างจากโหยวกุ่ยฉีก็ยิ่งดี”
“แต่ผู้อาวุโสแปด”คำพูดของเซี่ยเทียนหยางสะดุดตอนมือของเจี้ยนซุยเฟิงที่บีบไหล่เขาแรงขึ้น
ปึก!
เซี่ยเทียนหยางคุกเข่า จิตวิญญาณของเขาแหลกสลาย ความภาคภูมิใจในฐานะอัจฉริยะเปลี่ยนเป็นน้ำตาแห่งความอัปยศอดสู ผู้หญิงที่เขาชอบกำลังทนทุกข์ทรมานต่อหน้าเขาและเขาก็ไร้อำนาจจะทำอะไรได้
จากนั้นเขาก็นึกถึงคำพูดของจั๋วฝาน
[ถ้าเจ้าไป เจ้าจะทำได้แค่ดู ไร้อำนาจทำอะไรทั้งนั้น!]
มันกลายเป็นว่าจั๋วฝานพูดถูก เวี่ยเทียนหยางเชื่อว่าเขาทำอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่าเขาอ่อนแอเพียงใด
“ดูเหมือนข้าจะเป็นคนขี้ขลาดมาตลอด!”เขาพึมพำ
“จั๋วฝาน ไอสารเลว เจ้าไปมุดหัวอยู่ไหน?”จากนั้นเซี่ยเทียนหยางก็ร้องไห้เอาน้ำตาลูกผู้ชายออกมาและชกพื้นจนกระทั่งหมัดของเขาช้ำ
เจี้ยนซุยเฟิงเข้าใจความเจ็บปวดของเขาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ทันใดนั้น แหวนของเซี่ยเทียนหยางกับเสวี่ยหนิงเซียงก็แลบ ครั้งนี้มันแข็งแกร่งมาก คล้ายกับตอนที่แหวนสายฟ้าสามวงอยู่ใกล้กัน
“เขามาแล้ว!”เซี่ยเทียนหยางมองไปรอบๆด้วยความหวัง
เสวี่ยหนิงเซียงตัวสั่นสะท้าน ดวงตาของนางเริ่มชัดเจน นางพึมพำขณะมองแหวนสายฟ้า”พะ-พี่ใหญ่จั๋ว”
ครื่น!
ทันใดนั้นเอง สายฟ้าก็แลบผ่านท้องฟ้าสว่างสดใส มันฟาดผ่าลงท่ามกลางสมาชิกตระกูลเสวี่ยที่ถูกตรึงและทำลายยอดฝีมือหลอมกระดูกตรงนั้น
ฝุ่นก่อตัวขึ้น สายฟ้ายังคงแลบในอากาศและตอนนี้ทุกคนก็พยายามเพ่งมองผ่านมัน
เมื่อฝุ่นจางลง มันก็เผยให้เห็นจั๋วฝาน
“โหยวกุ่ยฉี การต่อสู้ครั้งก่อนข้าแพ้ แต่ศึกของเรายังไม่จบ!”