พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 1005 ข้าจะทำให้เจ้าเป็นจักรพรรดิเทพ!
เจ้าแห่งพรตเต๋าหันไปมองผู้เชี่ยวชาญที่เพิ่งมาฟ้องเรื่องของหลิงตู้ฉิงที่เพิ่งฆ่าจางซิงอี้ไปด้วยสายตาไม่พอใจ
เขารู้อยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่คนผู้นี้กลับยกประเด็นนี้ขึ้นมาหวังยืมมือเขาฆ่าคนงั้นเหรอ?
เจ้าแห่งพรตเต๋าตอบกลับทันทีด้วยสีหน้าเย็นชา “หุบปาก! เจ้าคิดว่าข้าไม่เห็นเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น? ศิษย์ชั่วของข้าในเมื่อมันไม่ฟังคำสั่งของข้ามันก็สมควรตายแล้ว บางทีการไปเกิดใหม่อาจจะทำให้มันเป็นคนที่ดีขึ้นมาบ้าง ส่วนเจ้า! ข้าไม่สนใจว่าในหัวของเจ้ามีเรื่องอะไรอยู่ แต่คราวหลังอย่างได้ทำอะไรแบบนี้กับข้าอีก ไม่งั้นข้าบอกเลยว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ไปเกิดใหม่!”
จากนั้นเจ้าแห่งพรตเต๋าหันไปพูดกับหลิงตู้ฉิงต่อ “ไอ้แก่ ในเมื่อเจ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นข้าจะพาศิษย์ของข้ากลับล่ะ!”
หลิงตู้ฉิงรีบพูดขัดทันที “เดี๋ยวก่อน! เจ้าจะรีบกลับไปทำไมกัน ว่านถิงยังไม่มีอาวุธเต๋าเลย เจ้าจงนำผลึกแก่นแท้เต๋า 100 ก้อนนี้ไปช่วยว่านถิงและศิษย์คนอื่น ๆ ของเจ้าสร้างอาวุธเต๋าซะ”
คนอื่น ๆ เมื่อเห็นภาพที่จู่ ๆ หลิงตู้ฉิงก็ควักเอาผลึกแก่นแท้เต๋าออกมา 100 ก้อนพวกเขาต่างก็ตกตะลึงจนตาค้าง
เจ้าแห่งพรตเต๋ามองไปที่ผลึกแก่นแท้เต๋ามากมาย เขาถอนหายใจอย่างขมขื่นและพูดว่า “เฮ้อ…เอาเป็นว่าข้าขอบคุณก็แล้วกัน!”
เจ้าแห่งพรตเต๋ารู้ดีว่าผลึกแก่นแท้เต๋า 100 ก้อนนี้มันมีความหมายมากกว่าการให้มาเฉย ๆ สาเหตุที่หลิงตู้ฉิงมอบของล้ำค่าให้กับเขามากขนาดนี้เพราะมันคือการจ่ายราคาสำหรับลูกศิษย์ของเขาหลิงว่านถิง ซึ่งในอนาคตหลิงตู้ฉิงจะต้องนำตัวนางไปแน่นอน ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะปฏิเสธไม่ยอมรับผลึกแก่นแท้เต๋าเหล่านี้ ในท้ายที่สุดเขาก็ต้องเสียลูกศิษย์ไปอยู่ดี แถมถ้าเขาไม่รับพวกมันและพยายามรั้งตัวหลิงว่านถิงเอาไว้มันจะยิ่งเป็นการสร้างหนี้กรรมให้กับตัวเองต่อลูกศิษย์มากเข้าไปใหญ่ ดังนั้นเพื่อเป็นการดีกับทุกฝ่าย เขาจึงตัดสินใจรับผลึกแก่แท้เต๋าเหล่านี้มาเพื่อเป็นการปลดเปลื้องพันธะที่หลิงว่านถิงมีต่อเขาตั้งแต่เนิ่น ๆ เผื่อเอาไว้เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากลากัน เขา หลิงตู้ฉิงและหลิงว่านถิงจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก
“ข้าเองก็ขอบคุณเช่นกัน!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
เจ้าแห่งพรตเต๋าตอบกลับด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “ถ้าเจ้าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก โลกเบื้องบนก็คงไม่วุ่นวายขนาดนี้!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มแต่เขาก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร
ทางด้านของเจ้าแห่งพรตเต๋าก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหันและพาหลิงว่านถิงรวมไปถึงคนของเขาทั้งหมดจากไปในทันที
หลังจากเจ้าแห่งพรตเต๋าจากไป หลิงตู้ฉิงหันไปหาราชันแห่งมวลมนุษย์และพูดว่า “เจ้าก็ด้วยเหมือนกัน ผลึกแก่นแท้เต๋า 100 ก้อนข้ามอบให้เจ้า”
ก่อนที่จะรับผลึกแก่นแท้เต๋ามา ราชันแห่งมวลมนุษย์ถามหลิงตู้ฉิงขึ้นก่อนด้วยสีหน้าสงสัย “ทำไมท่านถึงมีผลึกแก่นแท้เต๋ามากมายขนาดนี้? แม่น้ำมหาดาราอุดมสมบูรณ์มากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?”
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิด!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
ราชันแห่งมวลมนุษย์ถอนหายใจและพูดว่า “เฮ้อ ช่างเถอะอย่างน้อย ๆ ข้าก็ไม่ต้องห่วงลูกชายของข้าอีกต่อไป ข้ามั่นใจว่าภายใต้การดูแลของท่าน ยี่เทียนจะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน สิ่งที่ข้าเสียดายก็คงมีแค่เรื่องเดียว ซึ่งก็คือข้าคงไม่อาจให้กำเนิดลูกชายที่สมบูรณ์แบบอย่างยี่เทียนได้อีกแล้ว!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและเอ่ยว่า “เจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายแสนปี ข้าเชื่อว่าหากเจ้าพยายามจริง ๆ มันก็คงจะมีลูกชายของเจ้าสักคนที่มีพรสวรรค์เพียงพอให้เจ้าภูมิใจ”
หลังจากราชันแห่งมวลมนุษย์จากไป หลิงตู้ฉิงหันไปมอบผลึกแก่นแท้เต๋าให้กับเผ่าเงานิรันดร์และเผ่าเทพมิติเช่นกัน และถัดมาหลิงตู้ฉิงก็เดินเข้าไปหาจักรพรรดิมังกรและพูดว่า “เจ้าก็เหมือนกัน ข้าจะมอบผลึกแก่นแท้เต๋าให้เจ้า 100 ก้อน”
เมื่อหลิงตู้ฉิงเดินเข้ามาใกล้ ๆ จักรพรรดิมังกรสัมผัสได้ทันทีว่าสายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของหลิงตู้ฉิงนั้นไม่ต่างอะไรกับของเขาเลย เขาขมวดคิ้วและถามกลับทันที “ใครเป็นพ่อแม่ของเจ้าในชีวิตนี้กัน?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและถามกลับจักรพรรดิมังกรด้วยสีหน้าหยอกล้อ “เจ้าถามแบบนี้ไม่กลัวว่าเผ่ามังกรของเจ้าจะต้องเปลี่ยนจักรพรรดิคนใหม่งั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดิมังกรไม่ถามอะไรต่ออีก เขารับผลึกแก่นแท้เต๋ามาและพาหลิงว่านจุนกลับไปในทันที
ต่อมาหลิงตู้ฉิงขี่กิเลนออกจากเมืองมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือพร้อมกับ จักรพรรดินีฟีนิกซ์ หลิงไช่หยุน และคนอื่น ๆ ของภูเขาฟีนิกซ์ทั้งหมด
จากเมืองมหาดารา ภูเขาฟีนิกซ์และตำหนักไร้หทัยนั้นอยู่ในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงร่วมเดินทางไปด้วยกันก่อน
ตลอดทางที่พวกเขาเดินทาง จักรพรรดินีฟีนิกซ์มองไปที่หลิงตู้ฉิงอยู่เรื่อย ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแบบมีเลศนัย
แน่นอนว่านางสัมผัสได้เช่นกันว่าตอนนี้ในร่างของหลิงตู้ฉิงมีสายเลือดฟีนิกซ์ไหลเวียนอยู่ ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าพ่อแม่ของหลิงตู้ฉิงในชีวิตนี้เป็นใคร แต่สิ่งที่หนึ่งที่นางมั่นใจได้ก็คือในชีวิตนี้หลิงตู้ฉิงได้กลายเป็นคนของเผ่านาง ซึ่งหมายความว่าหากเผ่าของนางมีปัญหาอะไรหลิงตู้ฉิงจำเป็นต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือ!
“ข้าจะมอบผลึกแก่นแท้เต๋าให้ 150 ก้อน” หลิงตู้ฉิงมองไปที่จักรพรรดินีฟีนิกซ์และเอ่ยขึ้น
จักรพรรดินีฟีนิกซ์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดินีฟีนิกซ์ไม่ยอมถาม หลิงตู้ฉิงจึงจำเป็นต้องเอ่ยอธิบายด้วยตัวเอง “นอกจากไช่หยุน ข้ายังมีภรรยาอีกคนที่เป็นฟีนิกซ์เช่นกัน ดังนั้นเพื่อเป็นการชดเชยข้าจึงมอบให้เจ้าเพิ่มอีก 50 ก้อน”
จักรพรรดินีฟีนิกซ์พยักหน้า แต่นางก็ยังไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ
“อันที่จริงมีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากได้จากเจ้า ข้าอยากได้เมล็ดพันธ์ต้นไม้ฟีนิกซ์” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขอขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดินีฟีนิกซ์ถอนหายใจและตอบกลับ “เพื่อเห็นแก่ลูกของข้า ข้าจะให้เมล็ดพันธุ์กับเจ้า แต่ว่าข้าสงสัยอยู่อย่างหนึ่งจากที่ข้าเห็นเจ้าในตอนนี้ มันเป็นไปได้ยังไงที่เจ้าพิสูจน์เต๋าล้มเหลว?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าไม่เคยบอกว่าข้าพิสูจน์เต๋าล้มเหลวสักหน่อย พวกเจ้าเข้าใจกันไปเองทั้งนั้น จริง ๆ แล้วข้าพิสูจน์เต๋าสำเร็จ แต่ท้ายที่สุดข้าเลือกที่จะถอยหลังกลับมาเพราะข้ารู้สึกว่ามันยังไม่ถูกต้อง เจ้าลองคิดดูสิหากข้าพิสูจน์เต๋าไม่สำเร็จสวรรค์จะยังปราณีข้าอยู่แบบนี้รึเปล่า?”
จักรพรรดินีฟีนิกซ์ถอนหายใจ “ข้าอยากมีโอกาสได้ออกไปเห็นข้างนอกนั่นจริง ๆ!”
“ตัวเจ้าเองคงไม่มีโอกาสนั้นแล้วล่ะ” หลิงตู้ฉิงยิ้ม
หลังจากนั้นเมื่อเดินทางร่วมกันไปได้ราว 2 เดือน หลิงไช่หยุนและกลุ่มของจักรพรรดินีฟีนิกซ์ก็แยกตัวกลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ เหลือแต่หลิงตู้ฉิงและกิเลนที่ยังคงต้องเดินทางต่อเพื่อกลับไปที่ตำหนักไร้หทัย
หลิงตู้ฉิง ในขณะนี้ยิ่งเขาเข้าใกล้กับตำหนักไร้หทัยมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกขัดแย้งในความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งมันไม่ต่างอะไรกับจิ๋นหลงและเสี่ยวเฟิงเช่นกันที่กำลังรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก เมื่อคิดว่าหลิงตู้ฉิงกำลังใกล้จะกลับมาถึงแล้ว
แต่แล้วในท้ายที่สุดในระหว่างที่ทุกคนยังคงคิดไม่ออกว่าเมื่อเจอหน้ากันแล้วจะทำตัวยังไง กิเลน ซึ่งไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวว่าในตอนนี้คนอื่น ๆ รู้สึกยังไงกันก็ใช้ความเร็วสูงสุดกลับไปถึงตำหนักไร้หทัยก่อนที่ทุกคนจะทันคิดออกด้วยซ้ำว่าต้องทำตัวยังไงกันดี
ที่ด้านในตำหนักไร้หทัย ต้วนฉิงรีบเดินออกจากตำหนักไปทักทายหลิงตู้ฉิงที่เพิ่งกลับมาถึงทันที “ศิษย์ขอคารวะท่านอาจารย์ ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของท่านในชีวิตนี้!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขามอบผลึกแก่นแท้เต๋าทั้งหมดที่เหลืออยู่ราว 500 ก้อนให้กับต้วนฉิงเก็บเอาไว้เป็นสมบัติของตำหนักไร้หทัย
แม้แต่ต้วนฉิงที่ไม่ค่อยจะมีอารมณ์ความรู้สึกสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเขาเห็นผลึกแก่นแท้เต๋าจำนวนเยอะขนาดนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น “มากขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาเดินไปหาจิ๋นหลงและเสี่ยวเฟิง ซึ่งทั้งคู่กำลังกระสับกระส่ายไม่รู้ว่าจะวางตัวยังไงดี
“เอ่อ…จิ๋..ไม่สิ…ท่าน…ท่านพ่อ….ท่านแม่…เฮ้อ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน พวกเราจงคิดซะว่าอดีตคืออดีตอย่าไปสนใจมัน ตอนนี้พวกเราต้องอยู่กับปัจจุบันและปัจจุบันตอนนี้พวกเจ้าคือพ่อแม่ของข้า ไม่ใช่ศิษย์ของข้าอีกต่อไป ดังนั้นหลังจากนี้ข้าจะนับถือพวกเจ้าเป็นพ่อและแม่ของข้า!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าแน่วแน่
จิ๋นหลงและเสี่ยวเฟิงต่างมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพวกเขาหันมาพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “หากพูดกันอย่างเป็นธรรม พวกเราใกล้ชิดกับชีวิตก่อนของท่านมากกว่า ชีวิตนี้ของท่านถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นผู้ให้กำเนิด แต่พวกเราก็แทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ซึ่งต่อให้ท่านจะเป็นลูกของพวกเรา แต่พวกเราก็คงไม่กล้าเรียกท่านว่าลูกได้อย่างเต็มปาก และที่สำคัญพวกเราเองก็ยังคงจำเป็นต้องได้รับการชี้แนะจากท่านต่อไป เอาเป็นว่านับจากนี้พวกเรานับกันเป็นญาติทางสายเลือดก็แล้วกัน แบบนั้นมันน่าจะดูเหมาะสมที่สุด…”
“เอาแบบนั้นก็ดี แบบนั้นมันดูเหมาะสมที่สุดแล้ว!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะเสียงดังลั่นด้วยความโล่งอก
กิเลน ซึ่งฟังอยู่ไม่ไกลตอนนี้มันรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าลำดับอาวุโสในตอนนี้มันยิ่งยุ่งเหยิงมากกว่าเดิมไปอีกไม่ใช่รึไง?
เมื่อจบเรื่องยุ่งยากเรื่องนี้ไปแล้ว หลิงตู้ฉิงเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เขาพูดกับทุกคนว่า “เมื่อตอนที่อยู่โลกเบื้องล่าง ข้าได้ประกาศสงครามกับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ไป หลังจากนี้เมื่อพวกเราเตรียมตัวเสร็จข้าจะพาพวกเราทุกคนไปเยือนสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เพื่อไปดูสักหน่อยว่าพวกเขาจะปากเก่งเหมือนตอนที่อยู่โลกเบื้องล่างรึเปล่า แต่ก่อนที่จะไปเยือนพวกเขา แน่นอนว่าข้าจะช่วยพวกเจ้าทะลวงระดับให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเทพกันก่อน”
จิ๋นหลงและเสี่ยวเฟิงนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทวะราชาขั้นสูงสุดมานานแล้ว ซึ่งถ้าพูดถึงเรื่องรากฐานการบ่มเพาะ ตอนนี้รากฐานของพวกเขามั่นคงเพียงพอแล้วที่จะทะลวงระดับ แต่ว่าการทะลวงระดับไปเป็นขอบเขตจักรพรรดิเทพได้นั้นมันไม่ได้ใช้แค่พลังที่สั่งสมอยู่ในร่างเท่านั้น มันต้องมีวาสนาและโอกาสที่เป็นใจอีกด้วย ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถทะลวงระดับขึ้นไปได้
จิ๋นหลงและเสี่ยวเฟิงถามกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้นทันที “พวกเราสามารถเป็นจักรพรรดิเทพได้จริง ๆ งั้นเหรอ!?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “พวกเจ้าเป็นได้แน่นอน ในอดีตข้าสังหารจักรพรรดิเทพตายไป 12 คน ดังนั้นมันไม่มีปัญหาอะไรเลยที่ข้าจะคืนจักรพรรดิเทพให้กับโลก 2 คน”
กิลเลน ซึ่งกำลังฟังอยู่เมื่อได้ยินเช่นนี้มันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ถ้างั้นเจ้านายของมันก็คงสามารถทำให้มันกลายเป็นจักรพรรดิเทพได้ด้วยจริงไหม?
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามันจะตื่นเต้นและอยากที่จะเป็นจักรพรรดิเทพมากขนาดไหน มันก็ไม่ได้พูดขอร้องให้หลิงตู้ฉิงได้ยินแม้แต่ครึ่งคำ
มันรู้นิสัยเจ้านายของมันดี เจ้านายของมันจะให้รางวัลกับมันเมื่อถึงเวลาที่มันสมควรได้รับเท่านั้น
หลิงตู้ฉิงเหล่มองไปที่กิเลนและพูดว่า “หากเมื่อครู่เจ้าเอ่ยอะไรขึ้นมาแม้แค่เพียงครึ่งคำเจ้าจะหมดสิทธิ์ในการติดตามข้าทันที แต่ตอนนี้ในเมื่อเจ้าไม่เอ่ยอะไรออกมา นับจากนี้เจ้าจงตั้งใจทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี ในอนาคตเจ้าจะได้รับโอกาสของเจ้าแน่นอน!”
กิเลนอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นเมื่อมันได้สติมันรีบพยักหน้าทันทีด้วยความตื่นเต้น!