พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 15 วิชาดัชนีเพลิงดาวตก[รีไรท์]
บทที่ 15 วิชาดัชนีเพลิงดาวตก[รีไรท์]
จ้าวเหมิงลู่ออกจากเรือนตระกูลหลิง
เมื่อนางมา นางก็มาพร้อมกับความอยากรู้อยากเห็นและความลึกลับของหลิงตู้ฉิง และเมื่อนางจากไปนางก็ทิ้งความหวานและความภาคภูมิใจไว้
เห็นได้ชัดว่านางพอใจกับตัวเองมาก
เนื่องจากนางออกมาเพื่อภารกิจการบ่มเพาะ ซึ่งในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะก็เพิ่มขึ้นจากระดับ 3 กลายเป็นระดับ 7 แล้ว ผลลัพธ์เช่นนี้หากนางต้องบ่มเพาะด้วยตัวเองตามวิธีการปกตินางจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปี
แม้วิธีเลื่อนระดับจะทำให้นางไม่ค่อยพอใจ แต่ผลลัพธ์ของมันนั้นก็น่าทึ่งยิ่งนัก
สำหรับภารกิจนั้นจุดมุ่งหมายก็เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่ง ซึ่งตอนนี้นางอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 7 แล้ว จึงถือได้ว่านางสำเร็จภารกิจฝึกฝนนี้ไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นางไม่คาดคิดก็คือในช่วงเวลาสั้น ๆ นางจะเริ่มมีความรู้สึกกับชายคนนี้ ความมีน้ำใจ ความลึกลับและความแข็งแกร่งของหลิงตู้ฉิงนั้นทำให้นางเริ่มหวั่นไหว นอกจากพระคุณที่ช่วยชีวิตแล้ว พระคุณของการถ่ายทอดความรู้และการฝึกฝน ทั้งหมดนี้ทำให้นางเริ่มปรารถนาในตัวเขา
แต่ก็อย่างที่นางกล่าวไว้ก่อนจากมา นางต้องกลับบ้านและถามความเห็นของครอบครัวเกี่ยวกับเรื่องนี้
ยามจ้าวเหมิงลู่จากไป ไม่มีใครในตระกูลหลิงไปส่งจ้าวเหมิงลู่ออกจากเรือน
หลิงตู้ฉิงกำลังนอนอยู่บนเตียงและพักผ่อนเนื่องจากการสูญเสียพลังวิญญาณไปเป็นจำนวนมาก
ส่วนพ่อบ้านโม่ก็พากลุ่มเด็กๆ ไปซ่อมลานกลางเรือน
เด็กเหล่านี้ไม่เคยอิดออดกับหน้าที่ของตนเองที่ต้องทำ นอกเหนือจากหลิงไช่หยุนที่อายุน้อยที่สุด หลิงฟ่างหัวและหลิงยี่เทียนยังช่วยซ่อมแซมลานกลางเรือน เติมรอยหลุมและอัดดินเข้าไปให้แน่นอีกครั้ง จึงพอจะเรียกได้ว่าลานนั้นได้รับการซ่อมแซมให้ดีขึ้นคล้ายเหมือนเดิม
แม้ว่าพื้นดินมันจะยังไม่เรียบเสมอดี แต่มันก็สามารถใช้งานได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ
จากนั้นพวกเด็ก ๆ ก็นั่งดูพี่ใหญ่ของพวกเขาฝึกออกหมัดอย่างเงียบ ๆ ซึ่งพ่อของพวกเขาได้สั่งไว้ให้หลิงยู่ชานต้องฝึกออกหมัด 100 ครั้งต่อวัน
สำหรับเด็กคนอื่น ๆ นอกจากหลิงไช่หยุนที่ปลุกพรสวรรค์ของนางแล้ว เด็กที่เหลือยังไม่สามารถบ่มเพาะได้ ส่วนหลิงไช่หยุนผู้ซึ่งเริ่มบ่มเพาะได้แล้วนางได้เรียนรู้เพียงทักษะวิชาพลังชีพหวนคืนเท่านั้น ส่วนทักษะอื่น ๆ หลิงตู้ฉิงยังไม่ได้สอนให้นาง
หลิงตู้ฉิงพักฟื้นเป็นเวลา 2 วันจนร่างกายของเขาเริ่มดีขึ้น เขาจึงเดินออกจากห้องช้า ๆ เพื่อไปดูบรรยากาศความเป็นไปในลานกลางเรือน
“ท่านพ่อ ท่านหายดีแล้วหรือ?” หลิงยู่ชานรีบหยุดออกหมัดและถามขึ้น
เด็กคนอื่น ๆ ก็รวมตัวกันรอบ ๆ เพื่อสอบถามอาการของหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาเป็นห่วง
หลิงตู้ฉิงโบกมือให้กับหลิงยู่ชานและพูดว่า “เจ้าต้องมีสมาธิขณะฝึกฝน ออกหมัดต่อไป!”
ในเวลานี้หลิงว่านถิงได้นำเก้าอี้มาวางไว้ให้หลิงตู้ฉิงได้นั่ง จากนั้นนางก็พูดกับพ่อของนางว่า “ท่านพ่อ ข้าอายุมากกว่า 8 ขวบแล้ว และตอนนี้ท่านเองก็มีพลังมากขึ้น เมื่อไหร่ท่านจะเริ่มสอนวิธีฝึกฝนให้กับข้า ข้าอยากเป็นเหมือนพี่ใหญ่และไช่หยุน ที่สามารถบ่มเพาะได้”
หลิงเทียนหยุนและคนอื่น ๆ ก็มองหลิงตู้ฉิงอย่างใจจดใจจ่อเพราะพวกเขาต้องการที่จะเริ่มฝึกฝนเช่นเดียวกัน
พวกเขามั่นใจว่าพวกเขาต้องสามารถฝึกฝนได้เพราะขนาดหลิงไช่หยุนในตอนนี้ยังสามารถฝึกฝนได้ และนางก็มีอายุเพียงแค่ 3 ขวบเท่านั้น
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเจ้าจะได้ฝึกกันอย่างแน่นอน”
หลิงว่านถิงพูดอย่างกังวลใจ “ท่านพ่อ ในตอนแรกเราควรจะบ่มเพาะตั้งแต่ตอนอายุ 7 ขวบ แต่ตอนนี้อายุเราก็มากกว่า 7 ขวบไปแล้ว หากยิ่งช้าไปกว่านี้ระดับการบ่มเพาะของพวกเราจะตามผู้คนที่ได้ฝึกมาก่อนหน้าพวกเราได้ยังไง?”
“ไม่ต้องกังวล ต่อให้เจ้าจะพลาดโอกาสตอนอายุ 7 ขวบ แต่เมื่อไหร่ที่พวกเจ้าได้เริ่มฝึกฝน ความเร็วในการบ่มเพาะของพวกเจ้าย่อมไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนทั่วไปจะเทียบได้หรอก” หลิงตู้ฉิงปลอบโยนนาง “ชีวิตยังมีหนทางอีกยาวไกล ต่อให้เจ้าเริ่มช้าไปบ้างนั่นก็ไม่ได้สำคัญอันใด”
“ยกตัวอย่างข้า พ่อของพวกเจ้า ข้าเพิ่งมาจะเริ่มบ่มเพาะเอาเมื่อก็อายุปาเข้าไป 25 ปี แต่ด้วยความเร็วในการบ่มเพาะของข้ามีกี่คนที่เปรียบเทียบกับข้าได้ เช่นเดียวกับพี่ใหญ่ของพวกเจ้าเขาเริ่มบ่มเพาะเมื่ออายุ 9 ขวบ แต่ข้ากล้าที่จะกล่าวได้แล้วเลยว่าในอนาคตจะมีเพียงไม่กี่ตัวตนเท่านั้นที่สามารถอยู่เหนือพี่ใหญ่เจ้าได้”
“ดังนั้นอย่าวุ่นวายใจไปเพราะเพียงแค่เจ้าเริ่มช้ากว่าผู้อื่น ในตอนนี้พ่อรู้ถึงศักยภาพของพวกเจ้าแล้ว แต่เพียงแค่ในเวลานี้พ่อยังไม่พร้อมที่จะปลุกพรสวรรค์ของพวกเจ้าที่เหลือให้ตื่นขึ้นมาได้”
“แน่นอนในกลุ่มของพวกเจ้าตอนนี้น่าจะมีเพียงเจ้าและน้องสามของเจ้าที่รากฐานทางจิตวิญญาณปรากฎขึ้นมาแล้ว แต่การฝึกฝนรากฐานทางจิตวิญาณของพวกเจ้าในตอนนี้แบบปกติเหมือนคนธรรมดาทั่วไปนั้นมันยังไม่มีประโยชน์อะไร แถมยังอาจจะทำให้พรสวรรค์ที่ยังไม่ถูกปลุกของเจ้าเสียหายไปอีกด้วยซ้ำ ฉะนั้นจงฟังพ่อ ให้เวลาพ่อเตรียมตัวให้เสร็จเสียก่อนพวกเจ้าทุกคนจะได้กลายเป็นเซียนกันทุกคนแน่นอน”
หลิงไช่หยุนปีนเข้าไปในอ้อมแขนของหลิงตู้ฉิง และถามขึ้นว่า “ท่านพ่อ เมื่อไหร่ท่านจะสอนวิชาอื่น ๆ ให้ข้าอีก ข้าเบื่อจะตายอยู่แล้วที่มีวิชาฝึกเพียงแค่วิชาเดียว”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “พ่อจะสอนวิชาใหม่ให้เจ้าตอนนี้เลย พ่อจะสอนหนึ่งในวิชา ที่อยู่ในชุดทักษะมหามนตราเพลิงศักดิ์สิทธิ์ให้กับเจ้า วิชานี้เรียกว่า ‘ดัชนีเพลิงดาวตก’ แต่พ่อขอเตือนเข้าไว้ก่อนนอกเหนือจากศัตรูเจ้าไม่สามารถใช้วิชานี้โจมตีคนธรรมดาได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
“ท่านพ่อ ข้าฉลาดมากนะ ทำไมข้าจะไม่เข้าใจ รีบสอนข้าตอนนี้เลย!”
“เอาล่ะ พ่อจะสอนเจ้าตอนนี้เลย จงฟังอย่างตั้งใจ!” หลังจากหลิงตู้ฉิงพูดเสร็จ เขาก็เริ่มสอนหนึ่งในวิชาของชุดทักษะมหามนตราเพลิงศักดิ์สิทธิ์ วิชาดัชนีเพลิงดาวตก ให้กับลูกสาวของเขา
และด้วยพรสวรรค์อันเป็นเลิศของหลิงไช่หยุน เพียงแค่หลิงตู้ฉิงอธิบายเพียงครั้งเดียวนางก็เข้าใจ นางจึงกระโดดออกจากอ้อมแขนของหลิงตู้ฉิงทันทีและเริ่มโคจรพลังวิญญาณตามเคล็ดวิชาที่หลิงตู้ฉิงพึ่งสอนไป ผ่านไปไม่นานเปลวเพลิงก็ลุกขึ้นจากร่างของนางทำให้ดูเหมือนว่านางถูกไฟคลอก และก็เช่นเคยเสื้อผ้าของหลิงไช่หยุนเองในตอนนี้ก็ถูกเผาจนเป็นจุลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลิงว่านถิงปิดหน้าผากของนางและพูดอย่างสิ้นหวัง “เสื้อผ้าของไช่หยุนไหม้จนไม่เหลืออีกแล้ว หากเป็นเช่นนี้นางจะสามารถใช้วิชาต่อหน้าผู้อื่นได้ยังไงกัน ตอนนี้นางยังคงเป็นเด็กอยู่คงไม่เป็นไร แต่ในอนาคตเมื่อนางเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ถึงตอนนั้นพวกเราจะทำอย่างไรดี?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “นั่นเป็นเรื่องง่าย ๆ เมื่อเวลานั้นมาถึง พ่อจะสร้างชุดสวมใส่ที่ทนเพลิงของนางได้ให้กับนางเอง!”
หลิงไช่หยุนที่กำลังฝึกฝน วิชาดัชนีเพลิงดาวตก โดยไม่สนใจว่าเสื้อผ้าของนางจะไหม้ไปกับเปลวเพลิงหมดแล้ว ในเวลาไม่นานนางก็เริ่มก้าวหน้าขึ้นจนสามารถสร้างลูกไฟ ลูกเล็ก ๆ ออกมาจากนิ้วของนาง และนางได้บังคับลูกไฟนั้นให้หมุนไปรอบ ๆ ร่างกายของนางอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
แววตาของหลิงว่านถิงและเด็กคนอื่น ๆ ต่างเต็มไปด้วยความชื่นชม แต่หลิงยู่ชานผู้ที่กำลังฝึกฝนการออกหมัดอยู่นั้น ไม่สนใจพวกเขาเพราะเขาจำเป็นต้องฝึกมันเป็นร้อยครั้งและเขาเพิ่งทำได้เพียง 53 ครั้ง หากเขาไม่เพิ่มความเร็วมากกว่านี้มันอาจจะเสร็จไม่ทันฟ้ามืด
หลังจากหลิงไช่หยุนฝึกดัชนีเพลิงดาวตกจนเบื่อนางก็รีบไปหาหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ท่านพ่อข้าฝึกเสร็จแล้ว!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ดีมาก ไปหาเสื้อผ้าใหม่ของเจ้ามาใส่ก่อนเถอะ เมื่อเจ้าตัดสินใจที่จะเข้าสู่เส้นทางการบ่มเพาะ เจ้าต้องรับผิดชอบเรื่องของตัวเองให้ได้อีกด้วยเช่นกัน!”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ท่านพ่อ” หลิงไช่หยุนพยักหน้าและรีบวิ่งกลับไปที่ห้องของนาง
หลิงว่านถิงและคนอื่น ๆ ทำได้แค่เพียงอิจฉานางเท่านั้น
ขณะที่หลิงตู้ฉิงกำลังต้องการที่จะปลอบโยนเด็กคนอื่น ๆ จู่ ๆ ก็มีกลุ่มควันอันหนาแน่นลอยออกมาจากห้องของหลิงไช่หยุน