พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 17 ตระกูลมี่[รีไรท์]
บทที่ 17 ตระกูลมี่[รีไรท์]
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง ยามเฝ้าหน้าประตูตระกูลมี่จ้องมองหลิงตู้ฉิงอย่างดุร้าย
แม้ว่าเขาจะแสดงสีหน้าไม่พอใจ แต่เขาก็หันหลังเดินกลับไปรายงาน
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจ เขารอที่ประตูอย่างเงียบ ๆ หลังจาก 7-8 นาทีผ่านไป ยามผู้นั้นก็เปิดประตูและพูดกับหลิงตู้ฉิงอย่างรวดเร็ว “เข้ามา! คุณหนูใหญ่จะพบเจ้า!”
“คุณหนูใหญ่? ผู้นำตระกูลของพวกเจ้าล่ะเขาอยู่ที่ไหน?” หลิงตู้ฉิงถาม
“ผู้นำของเรายุ่งมากไม่มีเวลาพบเจ้า แค่เจ้าได้พบคุณหนูใหญ่ก็ดีถมไปแล้ว!” ยามเฝ้าหน้าประตูตะคอกกลับ
ถึงแม้เขาจะไม่พอใจกับท่าทีและคำพูดของหลิงตู้ฉิง แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากคุณหนูใหญ่ได้ตกลงที่จะพบกับหลิงตู้ฉิงแล้ว เขาจึงได้แต่จำใจนำทางเข้าไป
ภายใต้การนำทางของยามเฝ้าประตู หลิงตู้ฉิงจึงได้มาถึงหน้าห้องหนึ่งที่บานประตูถูกแกะสลักเป็นสัตว์นำโชคชนิดต่าง ๆ อย่างวิจิตรสวยงาม
เมื่อยามผู้นั้นเปิดประตูและพาหลิงตู้ฉิงเข้ามายังด้านใน ภายในห้องทำงานอันโอ่อ่าหรูหรา หลิงตู้ฉิงสังเกตเห็นหญิงสาวที่ดูสง่านางหนึ่งนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานที่สร้างมาจากไม้หอมอายุพันปี ดูจากลักษณะภายนอก นางอายุราว 20 ต้น ๆ ใบหน้าของนางงดงามแววตาแฝงไปด้วยความมั่นใจ ผิวพรรณของนางงดงามขาวผ่องตามแบบฉบับลูกผู้ดีมีชาติตระกูล ซึ่งเมื่อดูจากลักษณะเช่นนี้แล้ว หลิงตู้ฉิงนั้นไม่ต้องเดาให้ลำบากเลยว่านางเป็นใคร แน่นอนนางคือคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมี่!
“ท่านสามารถเรียกข้าได้ว่า มี่ไล” หญิงสาวจากตระกูลมี่โบกมือให้บ่าวรักษาประตูออกไปและในขณะเดียวกัน นางส่งยิ้มและผายมือเชื้อเชิญให้หลิงตู้ฉิงนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะทำงานของนาง
“ครั้งสุดท้ายตอนที่ข้าไปดูน้องชายทำการทดสอบเข้าสำนักหงส์เพลิง ข้าก็ได้เห็นท่าน ส่วนตอนนี้ข้าสงสัยว่าธุรกิจใดที่ท่านต้องการเสนอความร่วมมือกับตระกูลของข้า?” มี่ไลถามอย่างไม่อ้อมค้อม
หลิงตู้ฉิงตอบตรง ๆ ว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อมาหาผู้นำตระกูลมี่ บิดาของเจ้า แต่ถ้าหากเจ้าจะคุยกับข้าโดยตรง ข้าขอถามเจ้าสักหนึ่งอย่างก่อน แม่นางมี่เจ้าสามารถตัดสินใจแทนบิดาของเจ้าได้หรือไม่?”
“หากเป็นเรื่องการค้าธรรมดา ๆ ข้าสามารถตัดสินใจแทนบิดาข้าได้แน่นอน! และต่อให้ท่านจะอยากเจอบิดาข้าสักแค่ไหน ข้าเกรงว่าท่านคงจะต้องผิดหวังแล้วในวันนี้ เนื่องจากตอนนี้พ่อของข้าไม่ได้อยู่ที่เมืองฟีนิกซ์” มี่ไลยิ้มและพูดต่อ
“แต่ถ้าหากข้อเสนอของท่านหลิงนั้นน่าสนใจจริง ๆ ข้ารับปากท่านว่าข้าจะส่งข่าวไปให้ท่านพ่อของข้ารับรู้ในภายหลังจากที่เราคุยกันจบแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เห้อ…ยุ่งยากเสียจริง! เอาล่ะข้าจะให้โอกาสตระกูลเจ้าสักครั้ง อย่างน้อย ๆ ตระกูลเจ้าก็ยังดีกว่าพวกหอการค้าอื่น ๆ นั่นที่ตาบอดไม่สนใจในข้อเสนอของข้า!”
มี่ไลหัวเราะ “อันที่จริง ตระกูลเจิ้นนั้นได้ส่งข้อความถึงทางเราเช่นกัน พวกเขายื่นข้อเสนอให้เราปฏิเสธที่จะร่วมมือกับท่านหลิงและเสนอผลประโยชน์ที่เราจะได้รับมากมาย ตระกูลเจิ้นสัญญาจะลดค่าวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ตระกูลมี่ของข้าต้องนำเข้าให้กว่าสามส่วนเป็นเวลา 10 ปี”
“ท่านหลิง ท่านเข้าใจใช่ไหมว่าข้อเสนอทางการค้าที่ตระกูลเจิ้นเสนอมาให้ข้านั้นมีความสำคัญแค่ไหนกับตระกูลมี่ของข้า แต่ตอนนี้ในเมื่อท่านหลิงเองก็ต้องการที่จะร่วมมือกับข้าเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นท่านหลิงช่วยลองเสนอผลประโยชน์ของท่านมาให้ข้าฟังหน่อยได้ไหม ว่ามันจะคุ้มค่ากับที่ข้าจะต้องปฏิเสธข้อเสนอของตระกูลเจิ้นหรือไม่”
หลิงตู้ฉิงเหยียดออกสามนิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจกับมี่ไลว่า “ถ้าเจ้าร่วมมือกับข้า ตระกูลมี่จะได้รับประโยชน์สามประการ ประการแรกตระกูลมี่จะกลายเป็นสมาคมการค้าที่ใหญ่ที่สุด ประการที่สอง พวกเจ้าบางคนในตระกูลจะมีโอกาสได้รับการชี้แนะด้านการบ่มเพาะจากข้าและประการสุดท้ายคือ ตระกูลมี่จะได้รับความคุ้มครองจากข้าและสามารถใช้ชื่อของข้าเพื่อข่มขู่ผู้อื่นได้!”
มี่ไลตกตะลึงหลังได้ฟังคำพูดของหลิงตู้ฉิง นางมองดูสามนิ้วของหลิงตู้ฉิงที่เหยียดขึ้น ริมฝีปากของนางค่อย ๆ อ้ากว้างขึ้นและกว้างขึ้น พลางคิดพึมพำในใจ
อะ อะ อะไรนะ?
เจ้า…หลิงตู้ฉิง เจ้าเป็นแค่ชนชั้นสูงตกอับที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองฟินิกซ์ เจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน จะทำให้สมาคมการค้าตระกูลข้ากลายเป็นสมาคมที่ใหญ่ที่สุดในทวีป? นอกจากนั้นจะให้คำชี้แนะด้านการบ่มเพาะแก่คนในตระกูลข้าเนี่ยนะ? ตัวเจ้าเองกว่าจะเริ่มบ่มเพาะได้ก็ปาเข้าไปอายุ 25 ปี! คุณสมบัติแบบนี้มันจะไปมีปัญหาสอนอะไรใครได้? และสุดท้ายเจ้ายังบอกว่าตระกูลข้าต้องพึ่งพิงเจ้าอีกเนี่ยนะ?
มี่ไลคิดอย่างอึ้ง ๆ อยู่เป็นเวลานานก่อนที่นางจะส่ายหัวและหัวเราะ “ท่านหลิง เวลาของข้านั้นมีค่า ข้าไม่มีเวลาว่างฟังเรื่องตลกของท่านได้นานนักโปรดช่วยตอบคำถามของข้าอย่างจริงจังสักหน่อยหรือพอจะมีอะไรที่ท่านสามารถพิสูจน์ความสามารถของท่านได้บ้างในขณะที่ตระกูลข้าต้องเสียผลประโยชน์จากที่ตระกูลเจิ้นเสนอให้ แถมตระกูลข้ายังต้องกลายเป็นศัตรูกับพวกเขา”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้ว เขามองไปที่มี่ไลและพูดว่า “เจ้าอยู่ในขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 3 หากข้าต้องการฆ่าเจ้า ข้าสามารถทำได้เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วมือ!”
มี่ไลส่ายหัว “ข้าได้เห็นความสามารถของท่านหลิงในการต่อสู้กับคนที่มีระดับพลังสูงกว่าของท่านที่สำนักหงส์เพลิงแล้ว ข้าเชื่อว่าท่านหลิงมีความสามารถที่จะเอาชนะข้าได้ อย่างไรก็ตามข้าเป็นเพียงแม่ค้าที่ไม่ชอบการตีรีนฟันแทง ฉะนั้นระดับการบ่มเพาะของข้าหากเทียบกับผู้เชี่ยวชาญในทวีปเทียนหยวนแล้วข้าเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับต่ำที่มีอยู่ดาษดื่น หากท่านจะใช้ความแข็งแกร่งของท่านมาเทียบกันข้าเพื่อพิสูจน์ตัวเองนั้น ข้าถือว่าท่านคงยังไม่สามารถพิสูจน์ตนเองได้เพียงพอ”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วแน่นขณะที่เขาพูด “ข้าสามารถทำให้ระดับการบ่มเพาะของเจ้าเพิ่มไปถึงขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 10 ได้ภายใน 1 เดือน และข้ายังทำให้เจ้าไปถึงขอบเขตประสานทะเลปราณได้ภายในครึ่งปี และทะลวงไปถึงขอบเขตรวมแสงดาราได้ภายใน 10 ปี!”
ตอนนี้หลิงตู้ฉิงเริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เขามาหาตระกูลมี่เนื่องจากตระกูลมี่มีความสามารถที่จะช่วยเหลือเขาได้มากกว่าตระกูลอื่น ๆ และด้วยความร่ำรวยของตระกูลมี่ยังทำให้เขาสามารถรับมือกับตระกูลเจิ้นได้สะดวกยิ่งขึ้น
แต่มีสิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดไว้ก็คือ ตอนนี้ตระกูลมี่กลับมามีข้อต่อรองกับเขา และต้องการให้เขาพิสูจน์ตัวเอง
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง มี่ไลก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
หลิงตู้ฉิงกล้าที่จะกล่าวว่าสามารถฝึกนางไปจนถึงขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 10 ได้ภายใน 1 เดือนและถึงขอบเขตประสานทะเลปราณภายในครึ่งปี? นี่เขาพูดจาล้อเล่นอะไรกัน?
นอกจากนี้นางไม่เคยคิดที่จะบรรลุไปถึงขอบเขตรวมแสงดารามาก่อนเลยในชีวิตของนาง แต่หลิงตู้ฉิงกล้าพูดว่านางทำได้?
นี่เขาแค่ต้องการจะพูดโอ้อวดเช่นนั้นหรือ?
แต่ถ้าหากมันเป็นความจริงล่ะ?
มี่ไลครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองหลิงตู้ฉิงและพูดอย่างจริงจังว่า “ตอนนี้ท่านไม่จำเป็นที่จะต้องชี้แนะกับข้า! อย่างไรก็ตามหลังจากปีใหม่ตระกูลมี่ของข้าจะจัดงานประมูลครั้งใหญ่ในเมืองหลวง เพื่อยกระดับชื่อเสียงของเราและทำให้ทั่วทั้งทวีปรู้จักตระกูลมี่ หากท่านสามารถช่วยข้าจัดงานประมูลนี้ให้ประสบความสำเร็จได้ ข้าจะยอมตกลงที่จะทำงานร่วมกับท่าน!”
“กว่าจะถึงปีใหม่มันนานเกินไป!” หลิงตู้ฉิงดูส่ายหัว “ข้าต้องการเงินตอนนี้และข้าก็จำเป็นต้องซื้อของบางอย่างด้วย”
มี่ไลพูดช้า ๆ “ท่านต้องการเท่าไหร่?”
“เยอะมาก!” หลิงตู้ฉิงมองมี่ไล
“เอาแบบนี้ เจ้าจงจัดหาวัตถุดิบที่ใช้หลอมโอสถมาให้ข้า ข้าจะได้หลอมโอสถต่าง ๆ ขึ้นมาให้เจ้านำพวกมันไปขายซะ โอสถทุกชนิดที่ขายได้ ข้าจะแบ่งให้ตระกูลเจ้าสามส่วน เจ้าตกลงไหม?”
“ท่านสามารถหลอมโอสถได้ด้วยงั้นเหรอ?” มี่ไลถามขึ้น
“แน่นอนข้าหลอมโอสถเป็น!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
มี่ไลขมวดคิ้วและลองถามหยั่งเชิง “การทะลวงเข้าสู่ขอบเขตประสานปราณทะเลปราณ จำเป็นต้องใช้โอสถผสานลมปราณ ท่านหลอมมันได้ไหม?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว
เขาไม่เคยต้องการโอสถผสานลมปราณ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยศึกษาเกี่ยวกับมัน และเมื่อเขาไม่รู้จักสูตรของมันเขาจะหลอมมันได้อย่างไร
“แล้วโอสถบำรุงลมปราณล่ะ?” มี่ไลถามอีกครั้ง “โอสถนี้เป็นโอสถที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหลอมรวมลมปราณนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะ ท่านควรรู้วิธีการหลอมมันจริงไหม?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวอีกครั้ง เขาไม่รู้สูตรของเหล่าโอสถระดับต่ำพวกนี้!
มี่ไลเริ่มถามอย่างขุ่นเคือง “ท่านพูดว่าตัวท่านเองสามารถหลอมโอสถต่าง ๆ ได้ แต่ทำไมแค่โอสถระดับต่ำเหล่านี้ท่านถึงไม่สามารถหลอมพวกมันได้กัน? แล้วแบบนี้ท่านจะให้ข้าร่วมมือทำการค้ากับท่านได้ยังไง?”
เป็นไปได้ไหมว่าคำพูดก่อนหน้านี้เป็นแค่การโกหกคำโตเพื่อล่อหลอกนางเล่น?
หลิงตู้ฉิงกล่าวอย่างเริ่มหมดความอดทน “เมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานปราณทะเลต้องการทะลวงขอบเขตไปยังรวมแสงดารา ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นจะต้องใช้โอสถดาราประสานเป็นตัวช่วยในการทะลวงขอบเขต ซึ่งโอสถชนิดนี้ข้าสามารถหลอมมันได้! แต่ถ้าเจ้าต้องการที่จะให้ข้าหลอมโอสถผสานลมปราณหรือโอสถบำรุงลมปราณแล้วล่ะก็ เจ้าจะต้องนำสูตรโอสถเหล่านั้นมาให้กับข้าแล้วข้าถึงจะสามารถหลอมพวกมันให้เจ้าดูได้”
โอสถดาราประสานเป็นโอสถระดับต่ำที่สุดที่เขาสามารถจะหลอมได้ ซึ่งโอสถระดับนี้ในชาติก่อนเขาไม่เคยสนใจหรือแม้แต่กระทั่งจะเหลียวมองพวกมัน!
มี่ไลแทบจะทรุดลงไปกับพื้นนางพูดว่า “โอสถดาราประสานงั้นเหรอ!? โอสถระดับนี้อย่างน้อย ๆ ท่านก็ต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์นักหลอมโอสถถึงจะสามารถหลอมมันขึ้นมาได้ หลิงตู้ฉิง ท่านคิดว่าท่านเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถหรือยังไงถึงได้กล้าเอ่ยว่าจะหลอมพวกมันออกมา?”
“โอสถระดับแค่นี้มันมีอะไรให้น่าพูดถึงกัน? กับอีแค่โอสถระดับนี้ ที่ข้ารู้วิธีหลอมมันก็เพราะว่าเมื่อก่อนสัตว์วิเศษของข้าต้องกินมันทุกวันก็เท่านั้นเอง!” หลิงตู้ฉิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ