พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 184 สองผัวเมียประหลาด
บทที่ 184 สองผัวเมียประหลาด
โจวจื่อซินยังคงตามกองคาราวานไปยังอาณาจักรจันทราต่อไป
แต่ยิ่งนางเข้าใกล้อาณาจักรจันทรามากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น
ความคิดปลอบใจเพียงอย่างเดียวที่นางมีคือ ตราบใดที่นางผ่านประตูเมืองไปได้ และได้เข้าสู่สถาบันราชวงศ์นางก็จะปลอดภัยตามคำสัญญาของหลิงตู้ฉิง
เมื่อถึงช่วงเวลาที่นางจะต้องผ่านประตูเมือง มันคงเป็นความโชคดีของนางหรืออาจเป็นเพราะกลิ่นเหม็นบนร่างกายของนาง จึงทำให้ทหารยามที่ประตูเมืองต่างมองนางอย่างรังเกียจและปล่อยให้นางผ่านเข้าประตูเมืองไปโดยไม่ได้ตรวจสอบอะไรตัวนาง
“สาวน้อย ข้าคิดว่าเจ้ากับข้าเราควรแยกทางกันตรงนี้เถอะ” ชายวัยกลางคนแซ่หมิงพูดกับโจวจื่อซิน “จากนี้ไปข้าจะแยกไปหาครอบครัวของข้า ส่วนเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะดูแลตัวเองให้ดี”
“ขอบคุณ ท่านหมิง!” โจวจื่อซินโค้งคำนับและหันหลังจากไปทันที
หลังจากที่นางแยกกับกองคาราวานแล้ว นางจึงเดินถามไปรอบ ๆ เกี่ยวกับการรับสมัครนักศึกษาของสถาบันราชวงศ์ ซึ่งได้ความว่าการเปิดรับสมัครจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้
เมื่อรู้กำหนดการแน่ชัด นางจึงรีบไปหาที่ซ่อนตัวเพื่อที่จะเอาตัวรอดในคืนสุดท้ายและรอวันสำคัญที่กำลังจะใกล้มาถึง
ชายวัยกลางคนแซ่หมิงมองไปที่โจวจื่อซินที่เดินจากไปและส่ายหัว เขาหันหน้าไปและสั่งกองคาราวานว่า “เอาล่ะ ข้ายังคงต้องรบกวนพวกเจ้าให้ช่วยส่งของของข้าไปที่คฤหาสน์สราญรมย์ต่ออีก เมื่อถึงที่นั่นข้าจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับพวกเจ้า”
เมื่อคนที่เหลือในขบวนได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็รีบพูดว่า “ท่านหมิง ข้าเกรงว่าเราคงเข้าไปในคฤหาสน์สราญรมย์ไม่ได้อย่างที่ท่านต้องการหรอก”
ชายวัยกลางคนแซ่หมิงยิ้มและพูดว่า “ภรรยาและลูกสาวของข้าอยู่ที่นั่น นั่นคือบ้านของลูกเขยข้า ดังนั้นแค่ไปส่งข้าและสัมภาระของข้าเข้าไปในคฤหาสน์เพียงเท่านั้นพอ ข้ารับประกันว่าพวกเจ้าจะไม่มีปัญหาใด ๆ”
เมื่อคนอื่น ๆ ในกองคาราวานได้ยินเรื่องนี้พวกเขาก็แสดงสีหน้าอิจฉา จากนั้นพวกเขาก็ทำตามคำสั่งโดยมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์สราญรมย์ทันที
เมื่อมาถึงทางเข้าคฤหาสน์สราญรมย์ หุ่นเชิดที่ยืนเฝ้าหน้าประตูมองพวกเขาด้วยแววตาไร้จิตวิญญาณ มันไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว
ชายวัยกลางคนแซ่หมิงเมื่อเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ จากหุ่นเชิดตัวนี้ เขายิ้มให้มันและพูดว่า “โปรดแจ้งนายของเจ้าว่าหมิงเทียนลี่มาเยี่ยม”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของหมิงเทียนลี่ หุ่นเชิดก็ไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ และยังคงยืนขวางไม่อนุญาตให้เขาเข้าไป
หมิงเทียนลี่ส่ายหัวและหัวเราะ เขาพูดขึ้นอีกรอบ “ถังชี่หยุน เป็นภรรยาของข้าและหมิงจู้นางเองก็เป็นลูกสาวของข้า ทั้งคู่อยู่ที่นี่นอกจากนี้ลูกเขยของข้าชื่อหลิงยู่ชาน”
เมื่อหุ่นได้ยินแบบนี้มันจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “รออยู่ที่นี่ก่อน นายหญิงกำลังออกมาพบเจ้า”
หมิงเทียนลี่พยักหน้าและบอกให้ทุกคนรอที่ประตู
ไม่นานนักจ้าวเหมิงลู่ก็ออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเองที่ฝั่งด้านในของประตู
เนื่องจากถังชี่หยุนที่สร้างผลงานไว้มากมายที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ และหมิงจู้ที่เป็นลูกสะใภ้ของนาง เมื่อนางได้ยินว่าเป็นพ่อของหมิงจู้มาขอเข้าพบที่หน้าประตู นางจึงต้องออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเองเพื่อเป็นการให้เกียรติ
“ท่านคงเป็นท่านหมิง ครูถังและหมิงจู้ ทั้งคู่อยู่ที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ ท่านโปรดเข้ามารอพวกเขาที่ด้านในก่อน” จ้าวเหมิงลู่ยิ้ม
แม้ว่านางจะออกมาต้อนรับหมิงเทียนลี่ แต่นางก็ไม่ได้ก้าวขาออกจากพื้นที่คฤหาสน์สราญรมย์แม้แต่ก้าวเดียว
เนื่องจากหลิงตู้ฉิงเคยย้ำกับนางไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่านางจะไม่มีอันตรายใด ๆ แน่นอนตราบใดที่นางยังอยู่ภายในอาณาเขตของคฤหาสน์สราญรมย์ และด้วยไหวพริบของนาง นางจึงสำนึกได้เสมอว่ามีหลายคนที่สามารถคุกคามนางได้ ดังนั้นนางจะไม่ก้าวออกไปจากเขตของคฤหาสน์โดยไม่จำเป็น
หมิงเทียนลี่ยิ้มและพูดว่า “คุณนายหลิง ของชิ้นใหญ่พวกนี้ข้าไม่สามารถเก็บมันลงไปในแหวนมิติได้ ดังนั้นข้าขออนุญาตวางพวกมันทิ้งไว้ตรงนี้ก่อนจะได้ไหม เมื่อไหร่ที่ภรรยาและลูกของข้ากลับมา ข้าจะคุยกับพวกเขาและข้าจะค่อยให้พวกเขาตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับพวกมันต่อดี”
จ้าวเหมิงลู่พยักหน้า “ท่านไม่ต้องกังวลต่อให้วางมันไว้แบบนี้ก็ไม่มีใครกล้าเอาไปหรอก”
หมิงเทียนลี่พยักหน้าตอบจ้าวเหมิงลู่ และจากนั้นเขาหันกลับไปส่งขบวนคาราวานให้กลับไป และปล่อยให้ของสัมภาระกองโตของเขาวางไว้ที่หน้าประตูคฤหาสน์
จ้าวเหมิงลู่เชิญหมิงเทียนลี่เข้ามาด้านในคฤหาสน์พลางคิดในใจอย่างสงสัย
เป็นไปได้ไหมที่หมิงเทียนลี่ต้องการย้ายครอบครัวทั้งหมดของเขาไปจากที่นี่?
แต่ถึงแม้จะสงสัยแต่นางก็ไม่ได้ถามออกมา และนางก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับตัวตนของหมิงเทียนลี่ในตอนนี้
หลังจากนำหมิงเทียนลี่เข้าสู่คฤหาสน์สราญรมย์ จ้าวเหมิงลู่จึงอยู่คุยกับเขาโดยไม่กลัวว่าหมิงเทียนลี่จะมีเจตนาแฝงอะไร
เมื่อถึงเวลาช่วงค่ำเมื่อหลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ กลับมาจากศาลาศักดิ์สิทธิ์ ถังชี่หยุนเห็น หมิงเทียนลี่ นางรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากและจึงถามด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ “ทำไมท่านถึงมาที่นี่?”
และโดยไม่ทันรอได้รับคำตอบจากหมิงเทียนลี่ ถังชี่หยุนก็แนะนำเขาว่า “ท่านหลิง นี่คือสามีของข้า หมิงเทียนลี่”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและมองไปที่หมิงเทียนลี่โดยไม่พูดอะไร
หมิงเทียนลี่พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าคิดถึงพวกเจ้า ดังนั้นข้าจึงมาหา นอกจากนี้ข้ารู้สึกว่าข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นข้าจึงมาหาเจ้า”
“อันตรายอะไร?” ถังชี่หยุนถาม
“ไม่รู้สิ!” หมิงเทียนลี่ส่ายหัว “แต่ข้าสัมผัสได้ว่า ถ้าหากข้ามาที่เมืองหลวงข้าจะปลอดภัยขึ้น ดังนั้นข้าจึงย้ายมา ข้ากำลังจะปรึกษาเจ้าเรื่องสถานที่ที่เราควรซื้อเรือนสักหลังและปักหลักที่นี่”
ถังชี่หยุนมองไปที่หลิงตู้ฉิงเมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่ได้ว่าอะไร นางจึงพูดกับหมิงเทียนลี่ว่า “ท่านก็ซื้อเรือนหลังเล็ก ๆ สำหรับตัวเอง ข้าจะแวะไปหาบ้าง เพราะเวลาที่เหลือข้ายังต้องสอนที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์”
หมิงเทียนลี่พยักหน้าและพูดว่า “ใช่ ข้าหมายความเช่นนั้น และเมื่อไหร่ที่ข้าซื้อเรือนและตกแต่งมันเสร็จแล้วข้าจะมารับพวกเจ้าให้ไปอยู่ด้วยกันกับข้าตกลงไหม?”
ถังชี่หยุนยิ้มและพูดว่า “ท่านไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราสองแม่ลูกหรอก เพราะว่าข้ากับหมิงจู้คงจะไม่มีเวลากลับไปหาท่านมากนัก พวกเรายังคงต้องอยู่ที่นี่เป็นส่วนใหญ่และยังต้องไปที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะตัวข้าเองหากข้าต้องไปอยู่กับท่านข้าเกรงว่าภายในระยะเวลา 10 ปีนี้ข้าคงไม่อาจพัฒนาเต๋าของตัวเองไปได้มากเท่าที่ควร”
หลังจากได้ยินคำพูดของถังชี่หยุน หลิงตู้ฉิงจึงพูดกับนางว่า “อันที่จริงถ้าหากสามีของท่านต้องการ ข้าจะอนุญาตให้เขาอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ร่วมกับท่านได้ แต่ข้ามีข้อแม้คือพวกท่านทั้งคู่จะต้องไปสอนที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ร่วมกัน โดยพวกท่านทั้งสองคนจะต้องผลัดกันสอน และข้าจะลดระยะเวลาในสัญญาให้ท่านที่ต้องอยู่สอนลูกข้าจาก 10 ปีเหลือเพียง 5 ปี จากนั้นพวกท่านสองคนจงรีบออกเดินทางไปตามทางของพวกท่านเองซะ”
ถังชี่หยุนมองไปที่หมิงเทียนลี่และพูดว่า “ท่านจะเอายังไง ท่านจะอยู่ที่นี่กับพวกเราหรือต้องการจะไปซื้อเรือนอยู่ข้างนอกเอาเอง ซึ่งข้าคงไม่มีเวลาไปหาท่านมากนัก แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อน การบรรยายนั้นเหนื่อยมากและอาจทำให้ท่านต้องอาเจียนเป็นเลือด!”
หมิงเทียนลี่หัวเราะ “เจ้านี่ก็นะ! ในเมื่อท่านหลิงใจดีขนาดนี้แล้วข้าจะไม่ยอมรับได้ยังไง มา! เราสองคนสามีภรรยามาช่วยกันร่วมสอนเหล่าลูก ๆ ของท่านหลิงให้กลายเป็นยอดคนกันเถอะ!”
หลังจากนั้นไม่นานหมิงเทียนลี่ก็ย้ายข้าวของสัมภาระที่นำมาไปที่เรือนของถังชี่หยุน
หลังจากที่คู่สามีภรรยาคู่นั้นจากไปแล้ว จ้าวเหมิงลู่และคนอื่นก็ถามหลิงตู้ฉิงว่า “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าครอบครัวหมิงดูแปลกมาก?”
หลิงตู้ฉิงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เช่นเดียวกับสำนักยอดเขาหยกจักรพรรดิ เหล่าคนของสำนักเที่ยงธรรมก็เป็นเหล่าคนแปลก ๆ เช่นเดียวกัน พวกเขามีกฎของพวกเขาเองที่สืบต่อกันมาและพวกเขามักจะมีจุดจบอันน่าสยดสยอง”
พวกผู้หญิงมองหน้ากัน พวกนางไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงหมายถึงอะไร แต่พวกนางก็ไม่ได้คิดที่จะถามอะไรต่อ
หลิงตู้ฉิงพูดกับจ้าวเหมิงลู่ “ในเมื่อตอนนี้เรามีคนบรรยายชั้นยอดเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว ต่อไปเจ้าก็ควรไปที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์บ่อยขึ้นเพื่อฟังพวกเขาบรรยายบทเรียนพิเศษที่ต่อไปนี้จะเพิ่มรอบขึ้นจากการร่วมมือของพวกเขาสองคน”
จ้าวเหมิงลู่พยักหน้า อย่างไรก็ตามนางรู้สึกว่าหลิงตู้ฉิงดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบหมิงเทียนลี่เล็กน้อย ซึ่งอาการเช่นนี้ของหลิงตู้ฉิงแม้แต่เด็ก ๆ ยังสังเกตเห็นได้
หลิงยู่ชานถึงกับถามว่า “ท่านพ่อ ท่านมีปัญหากับลุงหมิงงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงถอนหายใจและพูดว่า “ผู้คนจากสำนักเที่ยงธรรมนั่นมีชะตาชีวิตที่อันตราย โดยเฉพาะหากพวกเขาได้มาอยู่ร่วมกันมากกว่าหนึ่งคนด้วยแล้วมันจะยิ่งไปกันใหญ่ ต่อไปพวกเจ้าทุกคนไม่ต้องไปยุ่งกับพวกเขาอีก ข้ารับประกันได้ว่าหมิงเทียนลี่คนนี้จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน พวกเจ้าต้องอยู่ให้ห่างจากเขา เขาจะได้ไม่ลากเจ้าลงไปกับเขาเวลาเขาตาย”
หลิงยู่ชานถามอย่างเป็นห่วง “แล้ว หมิงจู้ล่ะ…”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ไม่ต้องกังวลกับนาง แม่และพ่อของนาง พวกเขาจะสร้างเส้นแบ่งระยะห่างจากหมิงจู้ด้วยตัวเอง”
“อื้ม!” หลิงยู่ชานพยักหน้าบ่งบอกว่าเขาเข้าใจ อย่างไรก็ตามเขายังคงไปที่เรือนของถังชี่หยุนเพื่อแสดงความเคารพต่อถังชี่หยุนและหมิงเทียนลี่
เมื่อเห็นหลิงยู่ชาน หมิงเทียนลี่รู้สึกซาบซึ้งใจมาก เขาพูดว่า “ยู่ชาน หมิงจู้ช่างโชคดีจริง ๆ ที่จะได้แต่งงานกับเจ้า แม้ว่าตอนนี้หมิงจู้จะยังไม่ได้เป็นภรรยาของเจ้าอย่างเต็มตัว แต่ข้าต้องรบกวนฝากเจ้าให้นับแต่นี้ช่วยดูแลนางต่อจากพวกเราที”
หลิงยู่ชานตกใจและใบหน้าของหมิงจู้ก็แดงก่ำ
หมิงเทียนลี่พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าไม่รู้ว่าพ่อของเจ้าได้อธิบายเรื่องเกี่ยวกับพวกเราสองผัวเมียไปแล้วหรือยัง แต่ข้าจะบอกกับพวกเจ้าอีกครั้ง พวกเราสองผัวเมียต่างก็เหมือนถูกสาปจากสวรรค์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราไม่สามารถหาเส้นทางบ่มเพาะของตัวเองได้ ดังนั้นอย่าเข้ามาใกล้เรามากเกินไป”
“หมิงจู้ ตอนนี้เจ้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว พวกเราสองคนเสียใจ แต่พวกเราจำเป็นต้องยุติความรับผิดชอบในฐานะพ่อแม่ของเจ้าตั้งแต่วันนี้แล้ว จากนี้ไปเจ้าจงติดตามยู่ชานไปอยู่ที่เรือนของเขา แต่ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทำอะไรเกินเลยล่วงหน้าก่อนงานสมรสของพวกเจ้า ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะปฏิบัติตามที่พวกเราบอก”
หมิงจู้รู้สึกจนใจไม่รู้ควรทำอะไร แต่หลิงยู่ชานที่เคยได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิงมาก่อน ดังนั้นเขาจึงเข้าใจสิ่งที่หมิงเทียนลี่พูดได้มากกว่า
เขาพยักหน้าและดึงหมิงจู้เข้ามาอยู่ข้างกายอย่างองอาจและโค้งคารวะพ่อแม่ของนาง เพื่อเป็นการว่าเขาได้ทำการสู่ขอล่วงหน้าและตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดตามที่หมิงเทียนลี่และถังชี่หยุนต้องการ จากนั้นเขาดึงหมิงจู้กลับไปที่เรือนของเขาเองทันที
หลังจากหลิงยู่ชานและหมิงจู้จากไป หมิงเทียนลี่ก็มองไปที่ถังชี่หยุนและพูดว่า “ข้ารู้สึกว่าข้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึง 10 ปี ยิ่งข้าเข้าใจกฎของสวรรค์และโลกมากเท่าไหร่ช่วงเวลาของข้าก็ยิ่งสั้นลงเท่านั้น”
“ข้าเกรงว่าหากข้าต้องเป็นฝ่ายรอให้เจ้ากลับไปหาข้าในอีก 10 ปีต่อมา ข้ากลัวว่าข้าคงจะอยู่ไม่ทันเจอหน้าเจ้า ดังนั้นข้าจึงมาหาเจ้าก่อนเวลา สำหรับเราสามีภรรยาเมื่อข้าตาย บาปของเจ้าอาจจะบางเบาลงได้มาก ข้าหวังว่าเจ้าจะกลายเป็นปราชญ์คนแรกในรอบพันปีที่ของสำนักเที่ยงธรรมของเรา”
ถังชี่หยุนยิ้ม “มั่นใจได้เลยว่าข้าจะเป็นปราชญ์คนใหม่แน่นอน และข้าจะจดจำท่านตลอดไป”
หมิงเทียนลี่หัวเราะ “โชคดีที่ข้ายังไม่ตายตอนนี้ ข้ายังสามารถใช้ชีวิตอยู่มองหน้าเจ้าได้อีกหลายปี”