พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 219 ทะลวงขอบเขต
บทที่ 219 ทะลวงขอบเขต
ไม่นานหลังจากที่อู่หยุนจี๋ และคนอื่น ๆ ปรากฏตัวในวังของเหลียงซาน หลิงเจิ้งสงก็มาที่คฤหาสน์สราญรมย์อย่างลับ ๆ
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิง หลิงเจิ้งสงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “ตอนนี้กำลังเสริมของเหลียงซานมาถึงที่นี่แล้ว! ข้าได้รับข่าวว่ามีผู้เชี่ยวชาญจำนวนหลายพันคนพึ่งมาถึงที่อาณาจักรของเราและพวกเขาทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราหรือสูงกว่า ข้าได้ข่าวว่าคนพวกนี้ที่มาถึงล้วนแล้วแต่เป็นทหารจากกองทัพและยังมีผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่งติดตามพวกเขามาด้วย จากการคาดเดาของข้ามันน่าจะเป็นกองกำลังที่เหลียงซานได้ไปขอความช่วยเหลือมาเพื่อจัดการกับเจ้า หลังจากที่เขาถูกเจ้าหยามเกียรติจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพระราชวัง”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าบทเรียนที่ข้าได้สอนเขาไปในครั้งล่าสุด เขาจะไม่เก็บเอาไปคิดในสมองเขาเลยสินะ”
“ตอนนี้เจ้าว่าปู่ควรเตรียมการอย่างไรดีเพื่อรับมือกับบรรดากองกำลัง และผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาช่วยเหลือเหลียงซาน?” หลิงเจิ้งสงถาม
“ท่านไม่ต้องกังวลหรอก ปล่อยให้พวกเขาลงมือก่อนได้เลย!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ตอนนี้ข้าได้เตรียมวิธีการจัดการพวกเขาไว้เรียบร้อยแล้ว”
หลิงเจิ้งสงพยักหน้าเข้าใจ เขาพูดด้วยสีหน้าหนักใจ “เจ้ามีกองกำลังเพียง 750 คน ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามตอนนี้มีจำนวนถึงหลายพันคน ยิ่งไปกว่านั้นกองกำลังของฝั่งตรงข้ามที่มีหลายพันคนเหล่านั้นล้วนอยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา และคนนับพันเหล่านั้นล้วนเป็นทหารที่ประจำการอยู่ในกองทัพ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องเชี่ยวชาญการใช้กระบวนรบแน่นอน ข้าเกรงว่าหากปะทะกันขึ้นมาจริง ๆ ค่ายกลในคฤหาสน์นี้อาจจะไม่สามารถต้านทานพวกเขาได้”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ท่านปู่จะเอาไปเทียบอย่างนั้นไม่ได้ นอกจากนี้ท่านยังประเมินกองทัพของข้าต่ำเกินไป เดี๋ยวท่านจะรู้เองเมื่อทหารของข้าแสดงฝีมือ ส่วนการมาถึงของคนเหล่านั้นจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อสถานการณ์การเมืองปัจจุบันของอาณาจักรจันทรา ตัวข้าเองไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ท่านในฐานะแม่ทัพใหญ่ หากท่านได้รับคำสั่งจากเหลียงซานให้เคลื่อนทัพเพื่อออกไปทำภารกิจ ท่านจะต้องปฏิเสธคำสั่งนั้นไปทันที”
หลิงเจิ้งสงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “จากการแสดงออกของเหลียงซาน ตอนนี้เขาไม่มีทางอะลุ้มอล่วยกับเจ้าแน่นอน และเมื่อเป็นเช่นนี้ตำแหน่งแม่ทัพของข้าก็คงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว เมื่อมีโอกาสข้าจะสละตำแหน่งทันที!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ก็ดีเหมือนกัน! นอกจากนี้เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง ถ้าไม่มีเหตุอะไรที่จำเป็นท่านก็จงเก็บตัวบ่มเพาะอยู่แต่ในคฤหาสน์ และเมื่อถึงเวลาที่ทางฝั่งของท่านถูกโจมตี ถึงตอนนั้นข้าจะส่งคนไปสนับสนุนท่าน”
หลิงเจิ้งสงพยักหน้า จากนั้นเขาก็ลอบจากไปอย่างเงียบ ๆ
เมื่อหลิงเจิ้งสงจากไป เหลียงเฟ่ยเอ๋อก็พูดกับหลิงตู้ฉิงทันที “สามี ท่านปู่ของข้ากำลังจะลงมือแล้วงั้นเหรอ?”
“ก็เป็นไปได้” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
“ถ้าอย่างนั้นสามีต้องระวังให้ดี โดยนิสัยของท่านปู่ข้า หากเขาเริ่มเคลื่อนไหวเช่นนี้แล้ว นั่นก็แปลว่าเขาได้เตรียมการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยและมั่นใจมากว่าทุกอย่างจะต้องสำเร็จไปตามแผนที่เขาวางเอาไว้” เหลียงเฟ่ยเอ๋อเตือนเขา
“จักรพรรดิทั้งหมดล้วนเป็นเช่นนี้ ช่วงเวลาที่พวกเขาลงมือย่อมเป็นช่วงที่พวกเขาคิดว่าพวกเขามั่นใจที่สุด” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “แต่ปู่ของเจ้านั้นหยิ่งผยองยิ่งกว่าจักรพรรดิคนอื่น ๆ ที่ข้าเคยเจอมาแล้วมากจริง ๆ!”
“แล้วสามีได้ตัดสินใจแล้วหรือยังว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?” เหลียงเฟ่ยเอ๋อถาม
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ท้องฟ้าและพูดว่า “เฮ้อ…ข้าคิดว่ามันคงถึงเวลาที่ข้าจะต้องทะลวงขอบเขตประสานทะเลปราณแล้ว!”
เมื่อเขาพูดจบ พลังวิญญาณที่อยู่บริเวณรอบ ๆ คฤหาสน์ก็เริ่มรวมตัวเข้าหาเขาอย่างบ้าคลั่ง พลังวิญญาณจำนวนมหาศาลนี้ควบแน่นกันเป็นของเหลวและเติมลงไปในทะเลแห่งจิตวิญญาณอันกว้างใหญ่ของเขา ซึ่งปรากฎการณ์นี้บ่งบอกว่าหลิงตู้ฉิงได้ก้าวเข้ามาอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณเรียบร้อยแล้ว
เหลียงเฟ่ยเอ๋ออุทานด้วยความประหลาดใจ “สามี ท่านทะลวงขอบเขตได้แล้วงั้นเหรอ?”
ทุกคนในคฤหาสน์สราญรมย์ต่างคิดว่าวิธีการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงนั้นดูแปลกมาก ๆ ตอนที่ออกจากเมืองฟีนิกซ์ ระดับการบ่มของหลิงตู้ฉิงอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตควบแน่นลมปราณ
และพอ 5 ปีผ่านไประดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงก็ยังคงอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตควบแน่นลมปราณเช่นเดิม สิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ คือหลิงตู้ฉิงซึ่งอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตควบแน่นลมปราณ เขาไม่เคยทำการบ่มเพาะใด ๆ ให้คนอื่นเห็นเลย แต่มันกลับมีเหตุการณ์แปลก ๆ บางอย่างที่ในบางครั้งที่พลังวิญญาณจำนวนมากจะไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างหาสาเหตุไม่ได้
ที่สำคัญที่สุดในช่วง 5 ปีนี้ทุกครั้งที่เขาได้มีอะไรกับภรรยาของเขา พลังงานวิญญาณจะปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งจนทำให้เขาต้องหยุดกิจกรรมที่เขากำลังทำร่วมกับภรรยาของเขาทันที เพื่อยับยั้งพลังวิญญาณเหล่านั้นไม่ให้พวกมันทำให้เขาทะลวงขอบเขตถัดไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พลังวิญญาณอันมหาศาลได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของหลิงตู้ฉิงจนหมด ความผันผวนของพลังวิญญาณที่เกิดขึ้นรอบ ๆ คฤหาสน์มันก็หายไป
เมื่อเหลียงเฟ่ยเอ๋อรู้ว่าหลิงตู้ฉิงเข้าสู่ขอบเขตประสานทะเลปราณแล้ว เหลียงเฟ่ยเอ๋อก็มีความสุขมาก “ข้าดีใจกับท่านด้วยนะ!”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม
ตั้งแต่เริ่มต้นการบ่มเพาะในชีวิตนี้ หลิงตู้ฉิงตั้งเป้าหมายไปก่อนแล้วว่าเขาจะต้องสร้างรากฐานการบ่มเพาะของเขาให้แข็งแกร่งกว่าชาติที่แล้วให้ได้ เขาจึงข่มการทะลวงขอบเขตของตัวเองไว้ให้นานที่สุดและใช้พลังวิญญาณส่วนเกินทั้งหลายมาพัฒนารากฐานของเขาแทน
และในที่สุดเมื่อ 2 ปีก่อนเขาก็รู้สึกได้ว่ารากฐานการบ่มเพาะของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าชีวิตก่อนหน้านี้แล้ว และเขาสามารถทะลวงไปยังขอบเขตถัดไปได้โดยไม่มีปัญหาในอนาคตแน่นอน
แต่เขากลับเลือกที่จะยังไม่ทะลวงขอบเขตอีกครั้ง เนื่องจากเขาเริ่มมีความหลงใหลที่จะทำให้รากฐานการบ่มเพาะของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นอีกไปเรื่อย ๆ ระยะหลังมานี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารากฐานการบ่มเพาะของเขากว้างใหญ่แค่ไหน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ภัยคุกคามที่เขาเผชิญนั้นมันเกินกว่าที่เขาจะรับมือไหวหากระดับการบ่มเพาะของเขายังอยู่ที่ขอบเขตควบแน่นลมปราณ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทะลวงขอบเขต ซึ่งหากไม่มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น เขาคงเลือกที่จะเลื่อนการทะลวงขอบเขตต่อไปอย่างแน่นอน
พลังวิญญาณจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามาในร่างของหลิงตู้ฉิงก่อนหน้านี้ พวกมันได้รวมตัวกันเป็นหยดของเหลว และค่อย ๆ เติมลงไปในแอ่งทะเลแห่งพลังวิญญาณของเขาที่อยู่ในจุดตันเถียน อย่างไรก็ตามด้วยขนาดของทะเลแห่งพลังวิญญาณของเขามันกว้างใหญ่จนเกินไปคล้ายกับไม่มีที่สิ้นสุด ถึงแม้พลังวิญญาณที่เข้ามาในร่างของเขาจะไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แต่มันก็ยังห่างไกลจากคำว่าเพียงพอสำหรับเขาอยู่ดี เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เขาจึงหันไปหาเหลียงเฟ่ยเอ๋อ และพูดว่า “เฟ่ยเอ๋อ ไปบ่มเพาะร่วมกันสักรอบสองรอบกันเถอะ!”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อเหลือบมองหลิงตู้ฉิงและถามอย่างเขินอายว่า “คราวนี้สามีจะไม่หยุดกลางคันอีกเหรอ?”
“ไม่หยุด! คราวนี้หากเจ้าต้องการบ่มเพาะแบบคู่เป็นเวลานานก็ย่อมได้” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
เหลียงเฟ่ยเอ๋อพูดด้วยความเสน่ห์หาทันที “ถ้าอย่างนั้นข้าจะทำให้สามีของข้าถึงใจเลยล่ะ”
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินหายเข้าไปในห้อง เมื่อการบ่มเพาะแบบคู่เริ่มต้นขึ้น พลังวิญญาณระหว่างสวรรค์และโลกก็รวมตัวกันอย่างรุนแรงบนร่างกายของหลิงตู้ฉิง หยดของเหลวที่ถูกควบแน่นจากพลังวิญญาณก็เริ่มเติมลงสู่แอ่งทะเลวิญญาณของหลิงตู้ฉิง แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับพลังวิญญาณอันไม่มีที่สิ้นสุด แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อใดจะเติมเต็ม
ในพริบตา 1 ชั่วโมงผ่านไป…. 2 ชั่วโมงผ่านไป
แต่ความบ้าคลั่งของพลังวิญญาณที่อยู่รอบ ๆ ยังคงไม่หยุดนิ่ง ด้วยเหตุนี้ จ้าวเหมิงลู่ มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยต่างก็ตกตะลึง
ทำไมคราวนี้ใช้เวลานานขนาดนี้?
ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาในด้านประสบการณ์บนเตียงของพวกนางกับหลิงตู้ฉิงนั้น พวกนางไม่เคยที่จะเต็มอิ่มกับมันได้สักเท่าไหร่
เนื่องจากปกติหลังจากทำกันได้เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ของการบ่มเพาะแบบคู่ หลิงตู้ฉิงจะหยุดกลางคันทันทีที่พลังวิญญาณในร่างของเขาเริ่มปะทุขึ้น ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้มันทำให้พวกนางรู้สึกไม่พอใจทุกครั้ง
เขาแก้ปัญหานี้ได้แล้วงั้นหรือ? หญิงสาวทั้งสามมองหน้ากัน
มี่ไลถามด้วยรอยยิ้ม “พี่หญิงเหมิงลู่ เราควรเข้าไปดูดีไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”
จ้าวเหมิงลู่กัดริมฝีปากและกระซิบ “เอ่อ…ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าไม่เข้าไปดูก่อนแล้วค่อยมาบอกข้าว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้หลิงตู้ฉิงกำลังบ่มเพาะแบบคู่กับเหลียงเฟ่ยเอ๋อ ถ้านางถือวิสาสะเข้าไปขัดจังหวะตอนนี้มันจะดีงั้นเหรอ?
ตอนที่นางยังเป็นเด็ก ครูสอนพิเศษประจำตระกูลมักสอนเรื่องนี้ให้นางเข้าใจถึงความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ฉะนั้นนางจึงไม่กล้าที่จะทำตามใจตัวเอง
“งั้นข้าไปดูเอง!” หลิวเฟ่ยเฟ่ยพูด
นางมาจากพื้นเพธรรมดา ดังนั้นนางจึงไม่สนใจมารยาทเหล่านี้!
นางวิ่งไปที่ห้องของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ และหลังจากนั้นไม่นานนางก็วิ่งกลับมาและพูดว่า “พี่หญิงเหมิงลู่ สามีของพวกเราตอนนี้ได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตประสานทะเลปราณแล้ว และตอนนี้เขากำลังใช้การบ่มเพาะแบบคู่เพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเขา แถมตอนนี้เฟ่ยเอ๋อก็กำลังจะไม่ไหวแล้ว นางกำลังขอความช่วยเหลือจากพวกเราอยู่ พี่หญิงเหมิงลู่ข้าคิดว่าตอนนี้เราควรจะรีบไปช่วยนางโดยเร็วที่สุดพวกเรา”
“สามีทะลวงขอบเขตแล้ว?” จ้าวเหมิงลู่และมี่ไลต่างรู้สึกประหลาดใจกันอย่างมาก ทั้งคู่เข้าใจว่าการทะลวงขอบเขตของหลิงตู้ฉิงหมายถึงอะไร
จ้าวเหมิงลู่รีบผลักมี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยให้เดินไปข้างหน้าและพูดว่า “รีบไปช่วยน้องหญิงของพวกเรากัน!”
มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยเหลือบมองไปที่จ้าวเหมิงลู่ จากนั้นก็หันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าแปลกประหลาดบนใบหน้า จากนั้นพวกนางก็รีบวิ่งไปที่ห้องของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ พวกนางทั้งสองเป็นภรรยาน้อย ดังนั้นพวกนางจึงไม่สนใจที่จะปรนนิบัติหลิงตู้ฉิง พร้อม ๆ กัน บางครั้งพวกนางยังเล่นกลเม็ดอื่น ๆ กับหลิงตู้ฉิงเพื่อมัดใจให้เขาไปหาที่ห้องบ่อย ๆ
จ้าวเหมิงลู่เฝ้าดูขณะที่ทั้งสองคนวิ่งจากไป นางลูบแก้มที่ร้อนผ่าวและย่ำเท้ามุ่งหน้าไปที่ห้องของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ
“ในเมื่อสามีได้ทะลวงไปถึงขอบเขตประสานทะเลปราณแล้ว เขาจะต้องพึ่งการบ่มเพาะแบบคู่เป็นอย่างมากในการเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเขา แล้วข้าที่สามารถช่วยเหลือเขาได้ยังจะมาอายอะไรอีกแบบนี้กัน?” จ้าวเหมิงลู่คิด