พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 254 เตรียมตัว
บทที่ 254 เตรียมตัว
เมื่อเหลียงเฟ่ยเอ๋อออกจากเรือนตระกูลเหลียง นางก็กลับไปที่คฤหาสน์สราญรมย์ทันทีและพบหลิงตู้ฉิงซึ่งกำลังรื้อชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเหรียญตราผนึกสวรรค์
“สามี สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อพูดอย่างจริงจัง “มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เข้ามาในทะเลชางหมาง!”
ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ไม่สามารถเข้าสู่ทะเลชางหมางได้ แต่ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์จากภายนอกปรากฏตัวขึ้น ดังนั้นสถานการณ์นี้จึงถือว่าร้ายแรงมาก
หลิงตู้ฉิงตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าทันที “ข้าเข้าใจ!”
“สามี ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ถูกสังหารโดยกองทัพของลุงสาม จะเป็นอย่างไรถ้าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์มาที่อาณาจักรจันทรามากกว่านี้” เหลียงเฟ่ยเอ๋อถามอย่างเป็นห่วง “นอกจากนี้เรายังมีความแค้นกับอาณาจักรอ้าวเทียน สันเขาหมื่นอสูร หมู่บ้านราตรีทมิฬ และยอดเขาหยกจักรพรรดิ ถ้าพวกเขาต่างพากันมาที่นี่ทั้งหมดพร้อม ๆ กันเรายังสามารถจัดการผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์จำนวนมากขนาดนี้ได้รึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าคิดอยู่เสมอว่าทะเลชางหมางถูกผนึกโดยใครสักคน ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ไม่สามารถเข้ามาได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าพอจะเข้าใจแล้วว่าพลังปริศนาที่ผนึกไว้มันมีเงื่อนไขของมันคือขึ้นอยู่กับความสมดุลย์ของพลังแห่งกฎในอาณาเขตของทะเลชางหมาง และถ้ามันเป็นอย่างที่ข้าคิดจริง ๆ ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับสูงสุดที่สามารถเข้าสู่ทะเลชางหมางได้คงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ที่สามารถใช้พลังระดับสวรรค์สามัญ”
“บอกยี่เทียนเรื่องนี้และให้พวกเขาระวังเอาไว้ นอกจากนี้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคนของเราไม่ได้ออกจากคฤหาสน์สราญรมย์ พวกเขาต้องมีความแข็งแกร่งอยู่ในขอบเขตสวรรค์เมื่อพวกเขาต้องการจากไป สำหรับข้า ในที่สุดข้าก็ได้คิดหาวิธีที่จะช่วยให้เจ้าได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากเหรียญตราผนึกสวรรค์ได้สักที”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลิงตู้ฉิงคิดแก้ปัญหากับเรื่องของเหรียญตราผนึกสวรรค์นี้มาโดยตลอด
หากได้รับการปรับแต่งจนมีระดับสูงเกินไป เหลียงเฟ่ยเอ๋อจะไม่สามารถใช้งานได้ แต่ถ้าหากได้รับการปรับแต่งให้เป็นระดับต่ำเกินไป มันก็จะไม่เป็นประโยชน์อะไรเลยกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อ แถมยังจะเป็นการทำลายเหรียญตราผนึกสวรรค์ไปโดยเปล่า ๆ
แต่ด้วยแรงบันดาลใจจากผนึกแห่งความสมดุล จู่ ๆ หลิงตู้ฉิงก็มีความคิดใหม่ หลังจากที่เขาปรับแต่งเหรียญตราผนึกสวรรค์เสร็จแล้วมันจะสามารถกลายเป็นสมบัติวิเศษอันทรงพลังได้อย่างแน่นอน
เขาจึงมุ่งความสนใจไปที่การปรับแต่งในทันทีและสั่งให้เหลียงเฟ่ยเอ๋อบอกให้ทุกคนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลชางหมาง และบอกให้ทุกคนรู้ว่าตอนนี้ผนึกของทะเลชางหมางได้อนุญาตให้พลังของสวรรค์สามัญสามารถเข้ามาได้แล้ว
ตอนนี้หลิงตู้ฉิงแทบไม่สนใจพฤติกรรมของเด็ก ๆ อีกต่อไป เพราะแม้แต่หลิงไช่หยุนที่อายุน้อยที่สุดก็กำลังจะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความประพฤติของนางว่านางจะดูแลตัวเองในด้านการใช้ชีวิตอยู่ประจำวันได้หรือไม่ สิ่งเดียวที่เขากังวลคือการฝึกฝน
ภายใต้คำเชิญของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ หลิงยี่เทียนรีบมาที่คฤหาสน์สราญรมย์และถามอย่างสงสัย “น้าเฟ่ย ท่านมีอะไรงั้นเหรอ?”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อได้บอกเขาเกี่ยวกับทะเลชางหมางจนหมด ซึ่งหลิงยี่เทียน เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ข้าแค่ต้องพาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ 2-3 คนไปไหนมาไหนด้วย แค่นั้นก็คงจะเพียงพอ”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อเตือนขึ้นอีกว่า “แม้ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ แต่เจ้าก็ประมาทไม่ได้ หากต้องเผชิญกับการจู่โจมจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เจ้าต้องระวังให้ดี”
“อืม ข้าจะระวัง” หลิงยี่เทียนหัวเราะ
เหลียงเฟ่ยเอ๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า “เมื่อวานนี้เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้าต้องการที่จะจัดการเรื่องที่เหล่าเสนาบดีบังคับให้แต่งงานงั้นเหรอ?”
หลิงยี่เทียนหัวเราะอย่างมีความสุขและพูดว่า “ข้าแก้ไขได้แล้ว! ข้าขอให้พวกเขาเรียกลูกสาวของพวกเขามาที่พระราชวังและพวกเขาก็หน้าชื่น จากนั้นเมื่อลูกสาวของพวกเขาเข้ามา ข้าก็สั่งให้ข้ารับใช้ของข้าที่มีภรรยาแล้ว ให้เรียกภรรยาของพวกเขาเข้ามาให้เลือกสาวใช้ของพวกนาง ส่วนบรรดาผู้หญิงที่เหลือข้าก็เอ่ยให้พวกนางแต่งงานกับบรรดาแม่ทัพที่ข้าพึ่งจะแต่งตั้งขึ้นมาได้ไม่นาน และจากนั้นข้าก็หาทางให้ผู้หญิงทุกคนหลบหนี เมื่อเจอกับกลเม็ดนี้เข้าไปพวกเขาก็เงียบลง ไม่เซ้าซี้ข้าอีกต่อไป!”
หลิงยี่เทียนหัวเราะออกมาดัง ๆ เมื่อเขานึกถึงหน้าตาที่ตกตะลึงของเสนาบดีเหล่านั้น
แม้ว่าหลิงยี่เทียนจะเป็นจักรพรรดิ แต่ในอีกด้านหนึ่งเขาก็เป็นแค่เพียงเด็กหนุ่มที่เพิ่งอายุครบ 15 ปีในปีนี้
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้ฝึกฝนเต๋าดวงใจจักรพรรดิ และเขาก็ไม่ได้เย็นชาเหมือนจักรพรรดิทั่วไป เมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาภูมิใจ เขาจึงแสดงธรรมชาติความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมาอย่างเปิดเผย
เหลียงเฟ่ยเอ๋อยิ้มและส่ายหัว นางสามารถเข้าใจความคับข้องใจของเสนาบดีเหล่านั้นได้ เดิมทีพวกเขาต้องการให้บุตรสาวของตนเป็นนางสนมขององค์จักรพรรดิ แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดล้มเหลว
หลังจากคุยกับหลิงยี่เทียนและหัวเราะอยู่พักหนึ่ง เหลียงเฟ่ยเอ๋อมองไปที่หลิงยี่เทียนและพูดช้า ๆ ว่า “คนจากยอดเขาหยกจักรพรรดิได้ถูกข้าสังหารไปแล้ว ขอบคุณที่เจ้าให้โอกาสสมาชิกในตระกูลของข้าอีกครั้ง แต่ถ้าหากในอนาคตพวกเขามีเจตนาแฝงอีก เจ้าก็ไม่ต้องบอกข้าอีกต่อไป เจ้าสามารถทำลายจุดตันเถียน ทำให้พวกเขาพิการและปล่อยให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาไปได้เลย!”
หลิงยี่เทียนหัวเราะ “น้าเฟ่ยไม่ต้องกังวล ถึงพวกเขาจะก่อเรื่องแต่มันก็ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ด้วยอำนาจทางการทหารที่ข้ากุมไว้อยู่ในมือ ซึ่งนับได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักร มันก็ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงหรอก แล้วเมื่อไหร่ที่ข้าแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ ข้าตั้งเป้าหมายไว้ว่าข้าจะนำทัพออกไปปราบปรามสำนักยอดเขาหยกจักรพรรดิเพื่อให้พวกเขาต้องยอมก้มหัวให้กับข้า”
“ยอดเขาหยกจักรพรรดิไม่ง่ายที่จะปราบปรามขนาดนั้นหรอก” เหลียงเฟ่ยเอ๋อหัวเราะแห้ง ๆ จากนั้นนางก็พยักหน้าอย่างจริงจังและพูดว่า “แต่ไม่ว่าจะยังไง น้าก็ต้องขอบคุณเจ้าที่ผ่อนปรนให้พวกเขา”
หลิงยี่เทียนพยักหน้า “เพื่อเห็นแก่ท่าน ข้าจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอาล่ะ ข้าขอกลับวังก่อน ข้ากำลังวางแผนเรื่องบางอย่าง เมื่อข้าทำสำเร็จเมื่อไหร่มันจะไม่มีใครหน้าไหนกล้ามาที่เมืองหลวงและทำตัวกำแหงได้แน่นอน”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็กลับวังภายใต้การคุ้มกันของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ 2 คน
หลังจากเข้าไปในวังแล้ว เขาพูดกับคน 2-3 คนที่รอเขาอยู่ “ในอนาคตพวกเจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป คนที่อยู่เหนือขอบเขตสวรรค์จะไม่มายุ่งย่ามกับที่นี่”
ลั่วหาว จูเหยียน หลูหลิง เกาหยู จิ๋นชาน และเหมยจู้ พวกเขาเป็นคนที่หลิงตู้ฉิงให้ความสำคัญมากที่สุด คนเหล่านี้ถูกหลิงยี่เทียนเรียกมาจากศาลาศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับภารกิจที่สำคัญ
“พี่ลั่วหาว ข้าอยากให้ท่านตั้งสถาบันค้นคว้าพิษเพื่อศึกษาพิษที่ร้ายแรง ข้าอยากให้ท่านหาวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อใช้กับศัตรูของเรา และในเวลาเดียวกันท่านก็จงศึกษาหาวิธีป้องกันหรือคิดยาถอนพิษทุกชนิดเพื่อปกป้องคนของเราไปด้วยในตัว
ส่วนท่าน พี่ลั่วหาวและพี่สาวหลูหลิง ท่านทั้งสองต้องใช้เต๋าแห่งภาพวาดและการปักลายค่ายกลเพื่อสนับสนุนอาณาจักรของเรา โดยการหาวิธีประสานมันเข้ากับการป้องกันกำแพงเมือง และวิธีประสานการรุกของกองทัพ
ส่วนอีกสามคน ความสามารถของพวกท่านค่อนข้างพิเศษ สิ่งที่พวกท่านต้องทำก็คือเร่งเพิ่มระดับการบ่มเพาะให้แข็งแกร่งขึ้น และจากนั้นในอีก 5 ปีข้างหน้า เมื่อการเตรียมพร้อมทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ ข้าจะส่งพวกท่านทั้งสามให้แยกกันโจมตีทวีปต่าง ๆ เพื่อรวบรวมดินแดงของพวกเขาให้มาเป็นของเรา ซึ่งมันจะทำให้เรามีทรัพยากรบ่มเพาะที่เพิ่มมากขึ้น และข้าจะแบ่งทรัพยากรเหล่านั้นให้กับพวกท่านด้วยเช่นกัน” หลิงยี่เทียนสั่ง
ทุกคนพยักหน้า
บุคคลที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือนักศึกษาร่วมคณะเดียวกันกับพวกเขาและยังเป็นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรจันทรา ด้วยความสัมพันธ์ที่พวกเขามีต่อกันเช่นนี้พวกเขาจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ นอกเหนือจากนั้นพวกเขาจะได้ทรัพยากรการบ่มเพาะสำหรับตัวเอง นี่ถือเป็นข้อตกลงที่ดี
หลังจากจิ๋นชาน หลูหลิง และลั่วหาวฟังเสร็จทั้งสามคนก็ขอตัวลาทันที
หลิงยี่เทียนมองไปที่คนทั้งสามที่ยังไม่จากไป ซึ่งเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าทั้งสามคนนี้จะช่วยเขาหรือเปล่า
“ฝ่าบาทข้าหิว!” เกาหยูพูดขึ้น
เมื่อได้ยินประโยคนี้ลอยเข้าหู หลิงยี่เทียนก็รู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาทันที!