พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 268 ยันต์ผิวหยก
บทที่ 268 ยันต์ผิวหยก
บทที่ 268 ยันต์ผิวหยก
อู่เวิ่นเงียบไปหลังจากได้ยินสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูด
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้น “หอการค้ายู่หลานของเรามียันต์ผิวหยกอยู่ 2 แผ่น แต่มูลค่าของยันต์ผิวหยกนั้นสูงกว่าโอสถวิญญาณบริสุทธิ์เล็กน้อย ข้าไม่รู้ว่าโอสถวิญญาณบริสุทธิ์ของท่านอยู่ในระดับใด ไม่แน่ว่าท่านอาจต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มเติม”
หลิงตู้ฉิงหยิบโอสถวิญญาณบริสุทธิ์ออกมา และยื่นให้อู่เวิ่น
อู่เวิ่นพูดอย่างตื่นเต้น “หืม โอสถวิญญาณบริสุทธิ์ นี่มีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ด้วยงั้นเหรอ? ถ้าเป็นเช่นนี้ด้วยมูลค่าของมันข้าจะให้ท่านแลกโอสถวิญญาณบริสุทธิ์ 1 เม็ดสำหรับ ยันต์ผิวหยก 1 แผ่น”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “นั่นไม่พอหรอก! เจ้าควรจะรู้โอสถวิญญาณบริสุทธิ์ระดับนี้ หากผู้เชี่ยวชาญที่อายุขัยใกล้จะหมดคนไหนได้มาเจอมันเข้า เจ้าคงจะทำกำไรจากมันได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ดังนั้นถ้าให้แลกกับแค่ยันต์ผิวหยก 1 แผ่นมันไม่พอ!”
อู่เวิ่นยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “งั้นเอาอย่างนี้ ข้าจะเพิ่มเหรียญคริสตัลระดับสวรรค์ให้ท่านอีก 2 เหรียญเป็นไง?”
เมื่อเขาเข้าใจว่าหลิงตู้ฉิงนั่นเข้าใจมูลค่าของโอสถนี้เป็นอย่างดี เขาจึงเลิกคิดตุกติกทันที
ด้วยสรรพคุณของโอสถชนิดนี้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ หากใช้มันพวกเขาก็สามารถยืดอายุได้หลายสิบปี และตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการยืดอายุให้ยืนยาวมันจะเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดอย่างแน่นอน ดังนั้นคำขอของหลิงตู้ฉิงจึงเป็นเรื่องปกติ
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเพิ่มเหรียญคริสตัลระดับสวรรค์ให้ข้า แค่เจ้าแบ่งเส้นด้ายสายรุ้งมาให้ข้าบ้างก็พอแล้ว”
อู่เวิ่น เมื่อได้ยินสิ่งที่หลิงตู้ฉิงต้องการเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าแขกผู้มีเกียรติจะเป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์สินะ? ท่านต้องการรับพู่กันด้วยไหม?”
หลิงตู้ฉิงไม่ได้ตอบตรง ๆ เขาแค่ส่ายหัว
ไม่นานต่อมาก็มีคนนำกล่องปักลวดลายงดงามเข้ามา และพูดกับหลิงตู้ฉิง “นี่คือ ยันต์ผิวหยกและเส้นด้ายสายรุ้งสำหรับท่านแขกผู้มีเกียรติของเรา!”
หลิงตู้ฉิงหันกลับมาและเก็บยันต์ผิวหยกและสิ่งของอื่น ๆ จากนั้นเขาก็มอบ โอสถวิญญาณบริสุทธิ์ 2 เม็ดให้อู่เวิ่น
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ยังไม่ได้จากไป แต่เขายังคงเดินดูสินค้าอื่น ๆ ในหอการค้า
หลังจากมองไปสักพัก เขาก็พูดกับอู่เวิ่น “เจ้ารู้ไหมว่าที่ไหนที่มียันต์ผิวหยกขายอีกบ้าง?”
อู่เวิ่นยิ้มและพูดว่า “ของอย่างยันต์ผิวหยก ปกติแล้วจะขายอยู่ในสถานที่ที่ขายของให้สำหรับเหล่าผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์เท่านั้น และภายในเมืองเจินไห่ มีเพียงหมู่ตึกหยูอี่เท่านั้นที่มียันต์ผิวหยกขายอยู่เป็นจำนวนมากกว่านี้ อันที่จริงพวกเขาไม่เพียงมีแต่ยันต์ผิวหยก แต่พวกเขายังมียันต์สั่งสวรรค์ด้วย”
หลิงตู้ฉิงเลิกคิ้วและถาม “มีแม้แต่ยันต์สั่งสวรรค์?”
อู่เวิ่นพยักหน้า
“ข้าเข้าใจแล้ว” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “เมื่อครู่ข้ารู้สึกสบายใจอะไรบางอย่าง อย่างบอกไม่ถูก ฉะนั้นข้าจะขายสมบัติวิเศษระดับราชวงศ์ให้ท่านอีกชิ้นก็แล้วกัน เดี๋ยวท่านก็ลองคำนวณราคามาให้ข้าหน่อยนะ!”
อู่เวิ่นมองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างประหลาดใจ ทำไมชายคนนี้ถึงมีสมบัติวิเศษติดตัวอยู่มากมายได้ขนาดนี้? แถมยังมีโอสถวิญญาณบริสุทธิ์ที่มีระดับคุณภาพอยู่ในระดับสูงอีกต่างหาก?
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดอะไร เขาทำเพียงแค่นำสมบัติที่หลิงตู้ฉิงกำลังจะขายให้เขามาตรวจสอบและจ่ายเงินเพื่อซื้อมัน
ไม่นานหลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็ได้เลือกซื้อของต่าง ๆ มากมาย บางส่วนเป็นวัตถุดิบระดับนภาและบางส่วนก็เป็นวัตถุดิบระดับวิญญาณ
หลังจากเลือกซื้อของเสร็จ หลิงตู้ฉิงและซือโถวเหวินหยวนก็เดินออกจากหอการค้ายู่หลาน
อู่เวิ่นจ้องไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาครุ่นคิด จนกระทั่งหลิงตู้ฉิงเดินออกไปจากหอการค้า
เขารู้ระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงได้อย่างรวดเร็วด้วยการมองเพียวปราดเดียวว่าหลิงตู้ฉิงยังอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณ
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณที่ครอบครองสิ่งของล้ำค่าต่าง ๆ มากมายได้ขนาดนี้มันถือว่าเป็นเรื่องที่แปลก ๆ อยู่แล้ว แต่มันก็ยังไม่แปลกเท่าว่าเหตุใดเขาจึงต้องซื้อของที่พิเศษเช่น ยันต์ผิวหยก ด้วย?
ยันต์ผิวหยก นั้นเป็นของที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาเท่านั้นที่จะใช้ได้ ลักษณะของมันนั้นบางเหมือนแก้ว แต่มีความอ่อนนุ่มเหมือนกระดาษและสามารถทนต่อพลังแห่งกฎระหว่างสวรรค์และโลกได้ ของสิ่งนี้จึงเป็นของยอดนิยมสำหรับบรรดาผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์เพราะพวกเขาสามารถเขียนอักขระที่ทรงพลังลงไปบนมันไว้ล่วงหน้าและปลดปล่อยอำนาจของมันออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ที่พวกเขาต้องการใช้งาน
ฉะนั้นสิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือด้วยระดับการบ่มเพาะที่อ่อนแอเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจะสามารถใช้ยันต์ผิวหยกได้ยังไง?
อย่างไรก็ตามนี่เป็นแค่ปัญหาที่ติดอยู่ในใจของเขาเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากในเวลานี้เขาเองก็พอใจแล้วที่ได้รับโอสถวิญญาณบริสุทธิ์คุณภาพสูงมา 2 เม็ด
อีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงและซือโถวเหวินหยวนที่ได้เดินออกมาจากหอการค้ายู่หลานมาได้สักพัก ซือโถวเหวินหยวนส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “นี่ถ้านายท่านตั้งใจหาเงิน ข้าคิดว่าแม้แต่ผู้นำมี่ก็คงไม่อาจรวยเทียบกับท่านได้”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไม่หรอก นี่เป็นสถานการณ์พิเศษสำหรับข้า แต่มี่ตั้วตั้วคือการดำเนินธุรกิจเพื่อหารายได้ เมื่อเขาขยายหอการค้า แม้ว่าข้าจะสร้างสมบัติวิเศษที่มีราคาแพงกว่านี้ ข้าก็ยังไม่สามารถแข่งขันความสามารถในการหาเงินกับเขาได้”
ในขณะที่หลิงตู้ฉิงกำลังพูดเขาก็โยนเหรียญคริสตัลระดับสวรรค์ไปที่ซือโถวเหวินหยวน เพื่อใช้คืนสำหรับค่าเช่าเรือนที่เขาจ่ายออกไปก่อนหน้านี้
“ข้ารับใช้ชราผู้นี้ยินดีจะรับมัน!” ซือโถวเหวินหยวนหัวเราะเบา ๆ
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
“นายท่าน ยันต์ผิวหยก 2 แผ่นนี้ ท่านจะเขียนอักขระเวทย์ลงไปงั้นเหรอ?” ซือโถวเหวินหยวนถามอีกครั้ง
หลิงตู้ฉิงตอบกลับว่า “เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้ว่านอกจากการเขียนอักขระเวทย์ลงไปบนมันแล้ว ยันต์ผิวหยกมันยังสามารถทำอะไรอย่างอื่นได้อีกเช่นกัน”
ซือโถวเหวินหยวนรู้สึกงุนงงจน เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“น่าเสียดายที่ไม่มี ‘ยันต์สั่งสวรรค์’ ไม่เช่นนั้นเราจะสามารถผ่านเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้โดยไม่มีสิ่งใดมากีดขวางเราได้ทั้งนั้น!” หลิงตู้ฉิงพูดต่อ “เจ้าลองไปถามรอบ ๆ ดูว่าหอการค้าหยูอี่อยู่ที่ไหน และพวกเขามีกระดาษยันต์สั่งสวรรค์เหลืออีกรึเปล่า? และถ้ายังเหลืออยู่จงถามมาด้วยว่ามันราคาเท่าไหร่? มันจะดีที่สุดถ้าเรามียันต์สั่งสวรรค์นี้ ไม่เช่นนั้นเวลาเราเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ปีศาจและสัตว์ประหลาดมากมายจะพุ่งเข้ามาหาเรา”
ซือโถวเหวินหยวนยิ้มอย่างขมขื่น เขาพยักหน้าและพูดว่า “นายท่าน ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
การได้รับกุญแจเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับนั้นหมายความว่าเขามีคุณสมบัติพอที่จะสามารถเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ แต่การที่จะเข้าไปได้จริง ๆ นั้นมันก็ยังมีปัจจัยที่ต้องระวังอยู่อีก 2 ปัจจัย
นอกจากจะต้องเผชิญกับผู้คนมากมายที่ต้องการแย่งกุญแจไปจากมือแล้ว เขายังต้องเผชิญกับบรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ที่คอยขัดขวางผู้คนอื่น ๆ ไม่ให้เข้าไปด้านในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเพื่อไปแย่งสมบัติกับเหล่าบุตรหลานของตัวเอง
เพราะแม้ว่าพวกผู้คนเหล่านี้จะเข้าไปไม่ได้ แต่ลูกหลานของพวกเขาก็สามารถทำได้
พูดอีกนัยหนึ่งแม้ว่าสวรรค์จะมอบโอกาสอันดีงามนี้ให้กับคนที่มีกุญแจ แต่ก็ไม่แน่ว่าคนผู้นั้นจะสามารถคว้าโอกาสเอาไว้ได้หรือเปล่า?
เหตุผลที่หลิงตู้ฉิงตั้งใจจะอยู่ที่เมืองเจิ่นไห่ นั่นก็เพราะเขาต้องการเตรียมการเพื่อเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเอาไว้ก่อน
ตอนนี้เขาไม่มีทั้งหลิงจู้หรือรถม้า ดังนั้นพลังอำนาจที่เขาสามารถแสดงออกมาได้มันจึงถูกลดน้อยลง นอกจากนี้ถึงแม้เขาจะมีหลิงจู้และรถม้าก็ตาม แต่มันก็คงยังไม่เพียงพอที่จะต่อต้านเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์จำนวนมากได้อยู่ดีเช่นกัน
ดังนั้นเขาต้องเตรียมการล่วงหน้า
และเนื่องจากที่นี่มีวัสดุมากมายที่ไม่มีในทะเลชางหมาง ยกตัวอย่างเช่น ยันต์สั่งสวรรค์ หรือ ยันต์ผิวหยก
ซึ่งในตอนนี้เขามียันต์ผิวหยกและเส้นด้ายสายรุ้งแล้ว ด้วยพวกมันเขาจึงพอจะมีพลังในการปกป้องตัวเองมากขึ้นหลังจากปรับแต่งพวกมันเสร็จเรียบร้อย
เมื่อกลับไปที่สวนอี้หลาน หลิงตู้ฉิงเปิดใช้ค่ายกลควบแน่นวิญญาณเพลิงทันทีเพื่อหลอมโลหะทมิฬและส่วนผสมอื่น ๆ เข้าด้วยกัน
ในขณะเดียวกัน เขาก็นำเส้นด้ายสายรุ้งมาทอขึ้นให้กลายเป็นผืนธงขนาดเท่ากับ 1 ตารางฟุต จากนั้นเขาก็ใช้โลหะทมิฬที่พึ่งถูกหลอมให้ขึ้นรูปเป็นด้ามธงและนำพวกมันเข้ามารวมกันจนกลายเป็นธงที่สมบูรณแบบ
หลังจากนั้นเขาก็วาดอักขระและรูปสลักต่าง ๆ ลงบนธงจนเสร็จสมบูรณ์
หลังจากปักธงค่ายกลที่เสร็จสมบูรณ์ลงในสวนอี้หลานแล้ว ทั้งสวนอี้หลานก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น โดยมีการปรากฎของเมฆจาง ๆ ลอยอยู่เหนือสวนอี้หลาน
หลังจากเสร็จเรื่องธงแล้ว หลิงตู้ฉิงก็หยิบยันต์ผิวหยกออกมาและเตรียมที่จะใช้มัน