พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 283 ความลับ
บทที่ 283 ความลับ
บทที่ 283 ความลับ
“ข้าได้ยินมาว่ามีแต่เฉพาะตัวตนที่อยู่ในตำนานเท่านั้นที่สามารถสร้างยันต์สั่งสวรรค์ได้ นี่เป็นครั้งแรกในตลอดชีวิตของข้าที่ได้เห็นยันต์สั่งสวรรค์” เสี่ยวเยว่เฟิงถอนหายใจ
ทุกคนหันไปหาหลิงตู้ฉิงโดยหวังว่าเขาจะอธิบายถึงรายละเอียดและการใช้งานของยันต์สั่งสวรรค์
เมื่อถูกจ้องมองโดยสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนอื่น ๆ หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เฟิงพูดถูกแล้ว ยันต์สั่งสวรรค์ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับสูงมาก ๆ เกินกว่าพวกเจ้าจะเข้าใจถึงจะสามารถสร้างสิ่งนี้ได้ เพราะที่จริงเจ้านี่ไม่ใช่ ‘กระดาษ’ แต่เป็นส่วนหนึ่งของกฎแห่งสวรรค์และโลก”
“อย่างไรก็ตามแก่นแท้ของมันยังคงเป็นกฎของสวรรค์และโลก แต่มันถูกปรับแต่งให้สามารถควบคุมได้ง่ายขึ้น”
“เหตุผลที่ยันต์สั่งสวรรค์มีค่ามากนั้น เป็นเพราะถ้าเขียนคำสั่งใดลงไปในยันต์สั่งสวรรค์ มันจะมีอำนาจทำให้คำสั่งนั้นกลายเป็นความจริง นอกจากนั้นมันยังมีความสามารถลักษณะแปลก ๆ อื่น ๆ อีก”
“ตัวอย่างเช่น หากมีคนประทับภาพร่างของเฟิงบนยันต์สั่งสวรรค์ และต้องการที่จะฆ่านาง ไม่ว่านางจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะอยู่ไกลเท่าไหร่ ตราบใดที่ผู้ถือยันต์สั่งสวรรค์ต้องการฆ่านาง เขาเพียงแค่ทำลายภาพร่างของนางที่ถูกประทับในยันต์สั่งสวรรค์ก็พอ จากนั้นนางจะต้องถูกลงทัณฑ์จากความพิโรธของสวรรค์และนางจะต้องตายถ้านางไม่มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อต้านมัน”
พอทุกคนที่ได้ยินเช่นนี้ต่างแสดงสีหน้าตกตะลึง ยันต์สั่งสวรรค์นี่มันมีอำนาจขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?
นี่มันไม่ได้หมายความว่าตราบใดที่ภาพร่างของพวกเขาถูกประทับอยู่บนยันต์สั่งสวรรค์ พวกเขาจะถูกฆ่าได้ตลอดเวลางั้นเหรอ?
หลิงตู้ฉิงพูดต่อว่า “แต่พวกเจ้าไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะคนที่มีความสามารถในการประทับภาพร่างเงาของพวกเจ้านั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาย่อมเลือกที่จะสังหารพวกเจ้าด้วยวิธีการอื่นที่ง่ายกว่าการใช้ยันต์สั่งสวรรค์ เนื่องจากการประทับภาพร่างบนยันต์สั่งสวรรค์เป็นงานที่ยาก และมันยังเป็นการสิ้นเปลืองยันต์สั่งสวรรค์โดยใช่เหตุ”
“ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยันต์สั่งสวรรค์ คือเป็นการนำมันมาบันทึกวิชาหรือกระบวนท่า”
“ซึ่งถ้าหากวิชาที่บันทึกลงไปมีความลึกล้ำและผู้บันทึกอยู่ในระดับสูงประกอบกับยันต์สั่งสวรรค์ถูกสร้างมาจากผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งมากพอ อำนาจของมันก็เพียงพอที่จะทำลายทวีปได้ทั้งทวีปเพียงแค่การใช้งานเพียงครั้งเดียว”
หลังจากฟังคำอธิบายของหลิงตู้ฉิง ทุกคนก็รู้สึกตกตะลึง เนื่องจากตามคำบอกเล่าของหลิงตู้ฉิง วัตถุที่สามารถทำลายได้แม้กระทั่งทวีปทั้งทวีปได้มาอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
“ท่านพ่อ แล้วบุคคลระดับใดที่สามารถสร้างยันต์สั่งสวรรค์นี้ขึ้นมาได้?” หลิงเทียนหยุนถามอย่างสงสัย
หลิงตู้ฉิงยิ้มด้วยความพึงพอใจ “ผู้ที่สามารถมันได้ต้องอยู่ในระดับวิถีสวรรค์สูงสุดเท่านั้น!”
เสี่ยวเยว่เฟิงอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึก คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจว่าระดับสวรรค์เลิศล้ำคืออะไร แต่นางรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่าระดับวิถีสวรรค์สูงสุดคือจุดสูงสุดของขอบเขตสวรรค์ชั้นเก้า และในตอนนี้นางอยู่ในระดับแรกซึ่งคือระดับสวรรค์สามัญเท่านั้น หากนางต้องการไปถึงระดับสวรรค์เลิศล้ำ นางจะต้องบรรลุไปอีกถึง 8 ระดับ และนางอาจจะต้องใช้เวลาเป็นพันปีถึงจะทำได้สำเร็จ
“นายท่าน ของล้ำค่าเช่นนี้ สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์จะมอบให้กับท่านแบบนี้จริง ๆ งั้นเหรอ?” เสี่ยวเยว่เฟิงอุทาน
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าพวกเขาเต็มใจอยากจะมอบยันต์นี้ให้กับข้าหรอก แต่บังเอิญว่าพวกเขาเองก็หมดหนทางที่แก้ปัญหานี้ ฉะนั้นถ้าพวกเขาต้องการที่จะให้ข้าแก้ปัญหาให้พวกเขาก็ต้องจำยอมมอบมันให้ข้า เจ้าต้องเข้าใจว่าถึงแม้ของสิ่งนี้มันจะล้ำค่ามาก ๆ แต่เพื่อความอยู่รอดของสำนักแล้วพวกเขาก็จำเป็นต้องสละมันไป”
เมื่อฟังจบ หลิวเฟ่ยเฟ่ยรีบพูดขึ้นทันที “สามี แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งแค่ไหนแต่การที่พวกเขาสามารถครอบครองสมบัติที่สูงส่งเช่นนี้ได้ พวกเขาย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่นอน แล้วการที่สำนักที่แข็งแกร่งเช่นนี้ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาของพวกเขาเองได้ ท่านก็ควรจะไม่เสี่ยงเช่นกัน”
“ข้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านหญิงหลิวพูด!” เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้าอย่างจริงจัง “สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขานั้นมีชื่อเสียงที่โด่งดังมานับหมื่นปีแล้ว และทุกคนก็รู้ดีว่าพวกเขาเป็นขุมกำลังใหญ่ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้น ๆ หากพวกเขายังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ มันจะเป็นการดีที่สุดที่นายท่านจะไม่ไป มันคงจะเป็นอันตรายเกินไป แม้ว่านายท่านจะมีทักษะที่ลึกล้ำอยู่มากมาย แต่ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของนายท่านก็ยังอ่อนแอเกินไป”
ทุกคนพยายามเกลี้ยกล่อมหลิงตู้ฉิงไม่ให้ไปที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “ข้ายอมรับสิ่งของของพวกเขามาแล้ว ดังนั้นข้าก็ต้องไป…”
เมื่อมาถึงจุดนี้หลิงตู้ฉิงก็หัวเราะออกมาดัง ๆ และพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “นอกจากนี้แม้ว่าพวกเขาจะไม่เชิญข้า แต่เมื่อข้ารู้ข่าวนี้ข้าก็ยังจะไป!”
“หืม?” ทุกคนมองไปที่หลิงตู้ฉิง ข่าวอะไร?
เมื่อสังเกตเห็นความสับสนของทุกคน หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “คนอื่นไม่รู้ แต่เฟิง เจ้าไม่รู้อะไรบ้างเหรอที่จงขุยพูดว่าการป้องกันรอบยันต์สั่งสวรรค์สะท้อนให้เห็นพลังแห่งกฎของพื้นที่แปลก ๆ นั่น และสิ่งที่สะท้อนให้ข้าเห็นมันก็คือ ‘เขตแดน’ ตอนนี้เจ้าคิดถึงอะไรบางอย่างได้รึยัง?”
เมื่อถูกฝูงชนจ้องมอง เสี่ยวเยว่เฟิงพูดด้วยความอับอาย “ข้าขอโทษนายท่าน ข้าไม่รู้ว่าเขตแดนที่ท่านว่าหมายถึงอะไร”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่ว่าจะยังไงเจ้าก็มาจากภูเขาฟีนิกซ์ แต่ทำไมเจ้าถึงไม่รู้ว่าเขตแดนคืออะไร?”
“ตอนที่ข้าออกจากภูเขาฟีนิกซ์ข้ามีอายุเพียง 200 ปี และอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 6 เท่านั้น ดังนั้นนายท่านโปรดชี้แนะข้า ว่าเขตแดนนั้นคืออะไรด้วยเถิด”
“อะไรนะเฟิง นี่เจ้าอายุเกิน 200 ปีแล้วงั้นเหรอ?” มี่ไลและหลิวเฟยเฟยต่างก็ตะโกน และแม้แต่หลิงเทียนหยุนก็ประหลาดใจเช่นกัน
เสี่ยวเยว่เฟิงพูดอย่างเขินอาย “ข้าอายุมากกว่า 300 ปีแล้ว…”
มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยตกตะลึง ทั้งสองมองหน้ากัน
หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “พวกเจ้าอย่าแปลกใจเลย ข้ากลัวว่าอายุของพ่อบ้านโม่จะแก่กว่าเฟิงซะอีก! เฟิงนั้นยังถือว่าอายุยังน้อย นางยังมีชีวิตอยู่ได้อีกกว่าพันปี!”
“ส่วนเฟิง เจ้าที่ไม่เคยได้ยินคำว่า ‘เขตแดน’ มาก่อน มันช่าง…. เฮ้อ เอางี้ถ้าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์มีอาณาเขตสวรรค์ แล้วอาวุธล่ะ? อาวุธวิเศษระดับสูง ๆ นั้นก็มีเขตแดน ของมันเองเช่นกัน มันคือ ‘สุดยอดอาวุธศักดิ์สิทธิ์’ ของจริง!”
คราวนี้เสี่ยวเยว่เฟิงเข้าใจแล้ว ตาของนางกะพริบไม่หยุดและท่าทีของนางก็แปลกไป นางพูดว่า “นายท่านกำลังบอกว่ามีสุดยอดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ปรากฎอยู่ใกล้กับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์?”
“ถูกต้อง!” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างอิ่มเอมใจ “ข้าไม่รู้ว่าทำไมพวกสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ถึงได้โง่เง่าไม่เห็นมัน แต่มันต้องเป็นสุดยอดอาวุธศักดิ์สิทธิ์แน่นอน”
เสี่ยวเยว่เฟิงหัวเราะเบา ๆ “นายท่าน ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเราก็ควรไปจริง ๆ! ด้วยสุดยอดอาวุธศักดิ์สิทธิ์นั่นมันคงสามารถทำให้ท่านไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวใครทั้งหมดได้ พวกสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์นั้นโง่เกินกว่าโง่จริง ๆ”
ทันใดนั้นหลิงตู้ฉิงก็เงียบลงเช่นกัน ในตอนแรกเขารู้สึกปลาบปลื้มใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดด้วยท่าทางที่ค่อนข้างหดหู่ว่า “น่าเสียดายที่มันไม่ใช่อาวุธระดับเทวะ ดูเหมือนว่าข้าคงต้องไปรออีก 3,000 ปี ถึงจะสามารถเอาอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี่มาครอบครองได้”
คนอื่น ๆ ที่ได้ยินเช่นนี้ต่างก็งุนงง มันก็แค่การครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เหรอ?
เขาบ่มเพาะมาเพียงไม่กี่สิบปี ระดับการบ่มเพาะของเขาก็มาอยู่ในถึงระดับนี้แล้ว
ไม่ต้องพูดถึงเวลา 3,000 ปี เอาแค่เวลา 1,000 ปีนับไปจากนี้ หลิงตู้ฉิงคงจะกลายเป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวกว่านี้เป็นล้านเท่า แล้วเขายังไม่สามารถนำมันมาครอบครองได้อีกงั้นเหรอ?
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและไม่พูดอะไรอีก เขาไม่มีความสุขเหมือนเดิมอีกต่อไปหลังจากคิดถึงเรื่องเกี่ยวอาวุธชิ้นนี้
มันเกินความสามารถในปัจจุบันของเขามากเกินไป และในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมแม้แต่ความแข็งแกร่งทั้งหมดของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถจัดการกับมันได้