พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 287 ค่ายกลกระบี่เหินเมฆา
บทที่ 287 ค่ายกลกระบี่เหินเมฆา
บทที่ 287 ค่ายกลกระบี่เหินเมฆา
ในที่สุดหมู่ตึกหยูอี่ก็มีพนักงานต้อนรับอย่างเป็นทางการ นั่นก็คือ หยุนจื่อรุ่ย และ เปียนเฉียวเฉียว
เมื่อเห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ สองคนที่ทางเข้า ผู้นำตระกูลหลายคนก็ถอนหายใจและพลางคิดว่า ‘ถ้ารู้ว่าเขาชอบเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบนี้ตั้งแต่แรกข้าคงจะส่งลูกคนเล็กไปให้!’
ตอนนี้ไม่ว่าพวกเขาจะถอนหายใจถี่แค่ไหนพวกเขาก็พลาดโอกาสไปแล้ว
หลายคนจ้องมองไปที่ตระกูลเย่ และคาดเดาว่าครั้งนี้ตระกูลเย่จะได้รับผลประโยชน์มหาศาลแน่นอน เพราะเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสองนั้นเป็นของขวัญที่มาจากตระกูลเย่
และหลังจากได้รับข่าวนี้ ตระกูลจื่อและตระกูลจางต่างก็หวาดกลัว และพยายามเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดสำหรับการมาของตระกูลเย่กับหลิงตู้ฉิง
แต่เมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายวันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในตระกูลเย่และไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในหมู่ตึกหยูอี่
อันที่จริงตระกูลเย่เองก็พยายามไปขอเข้าพบหลิงตู้ฉิงที่หมู่ตึกหยูอี่เช่นกัน แต่พวกเขาก็ถูกปฏิเสธและไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของหลิงตู้ฉิง
ซึ่งหลังจากนั้นหมู่ตึกหยูอี่ก็ได้ติดป้ายประกาศไว้ว่าจะงดรับแขกชั่วคราว
ในเวลานี้หลิงตู้ฉิงกำลังยุ่งอยู่ในสวนหลังหมู่ตึกหยูอี่
หลิงตู้ฉิงยุ่งอยู่กับการปรับแต่งค่ายกลกระบี่บิน ซึ่งค่ายกลนี้หลิงตู้ฉิงลงทุนใช้วัสดุระดับสวรรค์และผลึกปฐพีเวหาเพื่อเพิ่มอำนาจการป้องกันของมันให้ยิ่งสูงขึ้น
“นายท่าน นี่ท่านใช้ผลึกปฐพีเวหากับค่ายกลนี้ด้วยงั้นเหรอ?” เสี่ยวเยว่เฟิงพูดอย่างประหลาดใจ
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ต่อไปข้าจะทำการปรับแต่งยันต์สั่งสวรรค์ และขั้นตอนการปรับแต่งยันต์สั่งสวรรค์จะถูกขัดจังหวะไม่ได้ ไม่งั้นข้าจะล้มเหลว ข้าจึงต้องปรับแต่งค่ายกลให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อเป็นการป้องกัน นอกจากนี้ในระหว่างขั้นตอนการปรับแต่ง ยันต์สั่งสวรรค์มันจะดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นจำนวนมาก ซึ่งข้ากังวลว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งจะเข้ามารบกวนได้”
เสี่ยวเยว่เฟิงหัวเราะ “นายท่าน ตอนนี้ข้ายังเหลือลูกธนูอีกสองดอก ต่อให้พวกผู้เชี่ยวชาญระดับสามัญหลุดพ้นจะเข้ามา พวกเขาก็ต้องตายแน่นอน และอีกอย่างในเมืองเจินไห่นี้ก็ไม่น่าจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือกว่านั้นอยู่อีกแล้วไม่ใช่งั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและพูดว่า “ปัญหามันอยู่ที่เจ้าเองก็จะไม่ว่างเช่นกัน เนื่องจากข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าในขั้นตอนการปรับแต่งยันต์สั่งสวรรค์ด้วย ดังนั้นเจ้าจะไม่สามารถต่อสู้ได้!”
ในที่สุดเสี่ยวเยว่เฟิงก็เข้าใจ นางพยักหน้าเบา ๆ และพูดว่า “เช่นนั้นข้าจะช่วยนายท่านอย่างดีที่สุด”
“ในขณะที่ข้าอยู่ในขั้นตอนการปรับแต่งค่ายกลกระบี่บิน เจ้าเองก็จงหลอมรวมสมบัติระดับสวรรค์เข้ากับอาณาเขตสวรรค์ของเจ้าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งเจ้าแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ยันต์สั่งสวรรค์ที่ปรับแต่งสมบูรณ์จะสามารถปลดปล่อยพลังได้มากขึ้นเท่านั้น” หลิงตู้ฉิงสั่ง
ในท้ายที่สุดปัญหาของระดับการบ่มเพาะก็ย้อนกลับเข้ามาเป็นอุปสรรคกับแผนการของหลิงตู้ฉิง
หากการบ่มเพาะของเขาสูงพอเขาก็คงไม่กลัวใคร
อีกเหตุผลหนึ่งคือ ถ้าหลิงตู้ฉิงปรับแต่งยันต์สั่งสวรรค์ด้วยตัวของเขาเองคนเดียว อำนาจของมันที่จะสามารถปลดปล่อยออกมาได้นั้นมันแทบจะไม่แตกต่างจากความแข็งแกร่งของตัวเขาเลย
ฉะนั้นในบรรดากลุ่มคนของหลิงตู้ฉิง คนที่มีระดับการบ่มเพาะสูงสุดคือเสี่ยวเยว่เฟิง นางจึงต้องเป็นส่วนสำคัญในการปรับแต่งยันต์สั่งสวรรค์ในครั้งนี้
หลังจากได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง เสี่ยวเยว่เฟิงก็รีบพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ดูท่านปรับแต่งค่ายกลแล้ว ข้าจะรีบไปบ่มเพาะต่อก่อน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า เขาใช้เวลามากกว่า 1 เดือนในการปรับแต่งผลึกปฐพีเวหา ซึ่งจะใช้เป็นแกนหลักความแข็งแกร่งของค่ายกล ในเวลานี้ผลึกปฐพีเวหามีขนาดเท่าฝ่ามือแล้ว และมีลวดลายอักขระมากมายปรากฎอยู่บนมัน
จากนั้นหลิงตู้ฉิงจึงเริ่มทำการสร้างกระบี่บินเล่มเล็ก ๆ อีกหลายเล่มต่ออีกทันที กระบี่บินแต่ละเล่มมีความยาวเพียง 3 นิ้ว และระดับของมันล้วนอยู่ในระดับอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์
และเมื่อกระบวนการปรับแต่งค่ายกลและสร้างกระบี่บินเสร็จ ขณะนี้จึงมีกระบี่บินทั้งหมด 49 เล่ม ที่หลิงตู้ฉิงได้จัดวางพวกมันเป็นรูปขบวนค่ายกลอยู่ในสวนหลังหมู่ตึกหยูอี่
เมื่อมองดูค่ายกลที่เขาวางด้วยความพึงพอใจเล็กน้อย หลิงตู้ฉิงจึงการเรียกมี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ย และแม้แต่หลิงเทียนหยุนให้มาหาทันที
เมื่อทุกคนมาถึง หลิงตู้ฉิงจึงส่งเหรียญตราควบคุมค่ายกลให้กับมี่ไลและบอกกับทุกคนว่า “ในช่วงเวลาต่อไปนี้ พวกเจ้าทั้งสามคนต้องแบ่งหน้าที่ผลัดกันมาควบคุม ‘ค่ายกลกระบี่เหินเมฆา’ นี้ เพื่อป้องกันอาณาเขตโดยรอบของหมู่ตึกหยูอี่นี่ทั้งหมด จงจำไว้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามตราบใดที่พวกเขากล้าที่จะบุกเข้ามา ให้พวกเจ้าใช้ค่ายกลกระบี่นี้ฆ่าพวกเขาทันที”
“ทราบแล้ว สามี/ท่านพ่อ!” มี่ไล และอีกสองคนพยักหน้า
หลังจากหลิงตู้ฉิงสั่งงานกับกลุ่มของมี่ไลเสร็จ เขาก็เรียกให้ซือโถวเหวินหยวนและกงหนิวเข้ามาหา และสั่งพวกเขากลับไปบ่มเพาะอยู่ในห้องของตัวเอง
“จงอยู่แต่ในห้องของตัวเองเท่านั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานี้ อย่าก้าวออกจากห้องเป็นอันขาด ตอนนี้บริเวณโดยรอบของหมู่ตึกหยูอี่ทั้งหมดถูกปกคลุมอยู่ในระยะอำนาจของค่ายกลกระบี่เหินเมฆา และทันทีที่ค่ายกลถูกเปิดใช้งาน หากเจ้าออกมาอยู่นอกห้อง พวกเจ้าจะถูกฆ่าทันที” หลิงตู้ฉิงพูดเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซือโถวเหวินหยวนและกงหนิวรู้สึกกลัวจนหนาวไปถึงขั้วกระดูก ทันทีที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ พวกเขาจึงรีบกลับไปที่ห้องของตนเองอย่างเชื่อฟังและปิดประตูไม่กล้าก้าวออกไปจากห้องอีก
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ออกเดินไปตามหาหยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียว และพูดกับพวกนางว่า “ช่วงเวลาต่อจากนี้ เจ้าทั้งสองควรออกไปอยู่ด้านนอกอาณาเขตของหมู่ตึกหยูอี่สักพัก มิฉะนั้นพวกเจ้าจะถูกลูกหลงและตายได้ง่าย ๆ ส่วนถ้าใครอยากจะบุกเข้ามา พวกเจ้าก็ไม่ต้องใส่ใจกับพวกเขา พวกเจ้าสามารถรอดูอยู่ที่ด้านนอกและดูการต่อสู้ได้ นอกจากนี้ข้าจะให้โอสถและเหรียญคริสตัลเหล่านี้กับพวกเจ้า พวกเจ้าจงไปเช่าห้องพักข้างนอกที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนี้เพื่อทำการบ่มเพาะเสริมรากฐานของตัวพวกเจ้าเองให้แข็งแกร่งมากขึ้นระหว่างที่รอให้เรื่องนี้จบลง”
“เข้าใจแล้ว นายท่าน!” หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวรีบพูด
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงได้สั่งการทุกอย่างกับทุกคนเรียบร้อยแล้ว หลิงตู้ฉิงก็เข้าไปหาเสี่ยวเยว่เฟิง และพูดกับนางว่า “เฟิงมากับข้า ส่วนเจ้าหลิงเฟิง ช่วงเวลาต่อจากนี้ เจ้าจงอยู่แต่ในห้องของตัวเองเพื่อทำการบ่มเพาะ อย่าก้าวออกมาแม้แต่ครึ่งก้าวไม่เช่นนั้นเจ้าจะโดนลูกหลงจากอำนาจของค่ายกลของข้า”
เสี่ยวเยว่เฟิงหันไปพูดกับน้องของนางด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน “หลิงเฟิง จนกว่าพี่จะมาเรียก เจ้าจงอยู่แต่ในห้องนี้เท่านั้นไม่งั้นข้าจะไม่นับเจ้าเป็นน้องสาวของข้าอีกต่อไป!”
“นายท่าน ข้าจะไม่ออกไปข้างนอกแน่นอน!” เสี่ยวหลิงเฟิงรีบพูดขึ้น
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลิงตู้ฉิงก็พาเสี่ยวเยว่เฟิงไปยังพื้นที่ว่างกลางสวนด้านหลังและเริ่มวางค่ายกลผันแปรกระแสวิญญาณ ซึ่งเป็นรูปแบบค่ายกลที่รวบรวมพลังวิญญาณในระดับที่สูงกว่าค่ายกลวิญญาณบรรจบ
เมื่อหลิงตู้ฉิงวางค่ายกลทุกอย่างเรียบร้อย พลังวิญญาณที่อยู่บริเวณโดยรอบก็เริ่มรวมตัวกันอย่างรวดเร็วในสวนด้านหลังหมู่ตึกหยูอี่จากทุกทิศทาง
เมื่อเห็นพลังงานวิญญาณมากมาย เสี่ยวเยว่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
หากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณดูดซับพลังวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ ระดับการบ่มเพาะของคนผู้นั้นจะต้องบรรลุไปถึงจุดสูงสุดอย่างรวดเร็วแน่นอน
นางอยากรู้ว่าทำไมก่อนหน้านี้ หลิงตู้ฉิงถึงไม่เลือกที่จะวางค่ายกลนี้เพื่อดูดซับพลังวิญญาณเหล่านี้มาบ่มเพาะให้ตัวเขาเอง?
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและพูดว่า “พลังวิญญาณนี้มีไว้สำหรับเจ้า ในฐานะผู้จัดสรรพลังวิญญาณของข้า อย่าคิดถึงสิ่งใดและอย่ามองไปที่ยันต์สั่งสวรรค์ ตัวเจ้ายังไม่พร้อมที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของมันและมันจะเป็นอันตรายต่อเจ้าเป็นอย่างยิ่ง”
เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ
“เข้ามาในอ้อมแขนของข้า!” หลิงตู้ฉิงสั่ง
ในเวลาเดียวกัน เขาได้นำยันต์สั่งสวรรค์ออกมาแล้วและปล่อยให้มันลอยอยู่ตรงหน้าเขา
เสี่ยวเยว่เฟิงมองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างประหม่า แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงต้องการทำอะไร แต่นางก็ยังคงหลับตาอย่างเชื่อฟังและเดินมานั่งตักและอยู่ในอ้อมแขนของเขา ในความคิดของนางมันไม่สำคัญว่านางจะต้องทำอะไร แต่นางก็ยังทำด้วยความเต็มใจ
หลิงตู้ฉิงใช้มือหนึ่งโอบเอวนางไว้และใช้อีกมือหนึ่งจับมือของเสี่ยวเยว่เฟิง ตามองไปที่ยันต์สั่งสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยสายตาจริงจัง
“มี่ไล เปิดใช้งานค่ายกลกระบี่เหินเมฆาเดี๋ยวนี้!” หลิงตู้ฉิงสั่ง “เตรียมตัวให้เพร้อมข้ากำลังจะเริ่มแล้ว!”