พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 30 เคล็ดวิชาฝนใบไม้ผลิ[รีไรท์]
บทที่ 30 เคล็ดวิชาฝนใบไม้ผลิ[รีไรท์]
หลิงตู้ฉิง ถังชี่หยุน และคนอื่น ๆ ที่กำลังพูดคุยกันอยู่ก็เห็นโม่หยูถังและมี่ไลเดินเข้ามา
หลิงตู้ฉิงเมื่อเห็นมี่ไลก็ขมวดคิ้วและถามขึ้น “เจ้าต้องการอะไรอีก?”
โม่หยูถังหัวเราะ “นายท่าน พ่อของนางส่งนางมาที่นี่เพื่อให้นางมาเป็นแม่บ้านให้กับนายท่าน”
มี่ไลคำนับให้หลิงตู้ฉิง และพูดอย่างตะกุกตะกัก “ข้าได้ถูกส่งมาเป็นหนึ่งในผู้ดู…เอ้ย คนรับใช้ของท่าน ต่อจากนี้ไป…ข้าจะเชื่อฟังคำสั่งของนายท่าน”
มี่ไลซึ่งยังไม่คุ้นชินกับการเป็นบ่าวรับใช้ให้ใคร ดังนั้นนางจึงพูดตะกุกตะกัก
คิ้วของหลิงตู้ฉิงกระตุก เขากำลังคาดคะเนและถามว่า “แล้วเจ้ารู้รึเปล่าว่าหน้าที่ของเจ้าต้องทำอะไรบ้าง?”
มี่ไลตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “นายท่าน ข้าสามารถทำธุรกิจได้! ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ข้าเริ่มเข้ามาช่วยดูแลธุรกิจของตระกูล ในปัจจุบันส่วนหนึ่งในธุรกิจตระกูลมี่ดำเนินงานตามคำสั่งของข้า”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าไม่ได้มีความตั้งใจที่จะพัฒนาธุรกิจ นอกจากนี้ข้ายังมีพ่อบ้านโม่ที่รับผิดชอบในเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว”
มี่ไลกัดริมฝีปากของนางแล้วก้มศีรษะลง “ข้ารู้วิธีปูเตียงนอน! แต่ถ้าท่านต้องการให้ข้าทำอย่างอื่นอีกข้าก็สามารถเรียนรู้ได้! ข้าจะ…นายท่านวางใจได้เลยความสามารถในการเรียนรู้ของข้ายอดเยี่ยมมาก ข้าสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญข้านั้นฉลาดมาก ๆ”
นางตั้งใจที่จะลองทำงานรับใช้หลิงตู้ฉิง ดังนั้นนางต้องนำเสนอตัวเองได้ดีที่สุด นางหวังเป็นอย่างมากให้หลิงตู้ฉิงตอบตกลงรับนางเป็นแม่บ้าน
นอกจากนี้นางยังแอบได้ยินหลิงตู้ฉิงยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวท ซึ่งตรงกับที่พ่อของนางคาดเดาเอาไว้ได้ถูกต้อง ดังนั้นนางจึงไม่อาจจากไปได้อย่างแน่นอน
นางกัดฟันและเกือบจะพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการอุ่นเตียง แต่มีผู้คนจำนวนมากในลานกลางเรือน นางจึงอายเกินกว่าจะพูดได้
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรกับเตียงข้า แต่มีบางอย่างที่ข้าต้องการให้เจ้าดูแล เห็นเจ้าพูดว่าความสามารถในการเรียนรู้ของเจ้านั้นดีมาก ดังนั้นข้าจะสอนทักษะเกี่ยวกับวิญญาณให้กับเจ้าเพื่อไปดูแลต้นไผ่เซียนสวรรค์ให้ข้า หน้าที่ของเจ้าคือคอยดูแลต้นไผ่เซียนสวรรค์ให้โตให้ไวที่สุดเพราะข้ามีความจำเป็นต้องใช้มันเป็นอย่างมากในเร็ว ๆ นี้”
หลังจากพูดจบเขาก็พามี่ไลไปที่สวนหลังเรือนบริเวณที่เขาปลูกต้นไผ่เซียนสวรรค์ จากนั้นเขาก็อธิบายต่อไปว่า “ต่อไปข้าจะสอน เคล็ดวิชาเรียกฝนใบไม้ผลิ ให้เจ้า หลังจากที่เจ้าสำเร็จวิชาฝนใบไม้ผลิแล้ว เจ้าจะต้องใช้มันเพื่อหล่อเลี้ยงต้นไผ่เซียนสวรรค์อย่างน้อย 4 ชั่วยามต่อวัน”
“เอาล่ะแล้วอีกอย่าง เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าไปในแปลงเพาะปลูก เจ้าต้องใช้วิชาฝนใบไม้ผลิจากด้านนอกแปลงเท่านั้น หน้าที่ของเจ้าจะมีเพียงเท่านี้ หลังจากเสร็จแล้วเจ้าอยากจะไปทำอะไรก็ตามใจเจ้า”
หลังจากพูดจบแล้วเขาก็เริ่มอธิบายเคล็ดวิชาให้มี่ไลฟัง ในขณะที่มี่ไลยังคงตกตะลึง
ทำไมนางถึงได้เรียนรู้วิชาเรียกฝนใบไม้ผลิทันทีหลังจากเข้าสู่เรือนตระกูลหลิง เคล็ดวิชาเรียกฝนใบไม้ผลิคืออะไรทำไมนางไม่เคยได้ยินมาก่อน?
เมื่อดูมี่ไลที่กำลังสับสน หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและถาม “เจ้าจำที่ข้าสอนได้หรือไม่?”
เสียงของหลิงตู้ฉิงทำให้มี่ไลตื่นจากภวังค์ เมื่อมองไปที่หลิงตู้ฉิง นางพูดด้วยความอับอาย “ขออภัยด้วยนายท่าน ทักษะนี้ลึกซึ้งเกินไปข้ายังไม่เข้าใจในตอนนี้!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าหลงคิดว่าผู้หญิงคนนั้นโง่ที่สุดแล้ว แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะโง่กว่านางเสียอีก! ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังอีก 3 ครั้ง ถ้ายังจำไม่ได้เจ้าควรกลับไปตระกูลเจ้าและหาคนที่ฉลาดกว่าเจ้ามาให้ข้า!”
มี่ไลรู้สึกสงสัยถึงตัวตน ‘ผู้หญิง’ ที่หลิงตู้ฉิงกล่าวถึงเมื่อครู่ นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยแต่เมื่อได้ยินสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูดว่าจะไล่นางกลับไปหัวใจของนางก็สั่นเทา นางหยุดคิดถึงสิ่งอื่นทันทีและเริ่มตั้งใจฟังคำอธิบายของหลิงตู้ฉิง
นางรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่สำคัญมาก ถ้านางพลาดไปนางอาจจะต้องเสียใจไปจนวันตาย
หลังจากที่นางนั่งฟังด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน นางเริ่มเข้าใจทักษะนี้หลังจากหลิงตู้ฉิงอธิบายให้ฟังเป็นครั้งที่สาม
อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะดีใจ หลิงตู้ฉิงพูดต่อว่า “จงเรียนรู้และใช้มันให้ได้ใน 2 วัน จากนั้นรีบทำให้ต้นไผ่เซียนสวรรค์โตให้เร็วที่สุด! บุตรคนรองของข้าต้องการต้นไผ่เซียนสวรรค์นี้เพื่อปลุกพรสวรรค์” พูดจบหลิงตู้ฉิงก็หันหลังกลับและเดินออกไป
เมื่อมองหลิงตู้ฉิงที่กำลังเดินจากไป หัวใจของมี่ไลยิ่งสับสน นางอยากบอกพ่อของนางว่า “ท่านพ่อ ท่านขอให้ข้ายั่วยวนเขางั้นเหรอ? ข้าเกรงว่าข้าจะไม่มีเวลาทำแบบนั้นหรอก!”
เมื่อคิดถึงเส้นตาย 2 วัน นางก็ไม่สนใจสิ่งสกปรกในสวนหลังเรือนและนั่งลงกับพื้น
อีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงกลับไปที่หน้าเรือนและเห็นคนที่โม่หยูถังจ้างมากำลังเปลี่ยนประตูใหม่ ประตูใหม่นี้ทำจากทองแดงคุณภาพดี ประตูนี้ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตควบแน่นลมปราณก็ไม่อาจทำลายได้
ขณะนี้บรรยากาศภายในลานกลางเรือนทุกอย่างกลับไปเหมือนปกติ หลิงยู่ชานยังคงฝึกออกหมัดต่อเพราะยังออกหมัดไม่ครบจำนวน หลิงเทียนหยุนก็ยังคงหาเงาต่อไปเนื่องจากยังหาเงาไม่ครบ หลิงฟ่างหัวก็ยังเดินผ่านเข้าออกประตูเพราะยังไม่ถึงร้อยครั้ง
ส่วนหลิงไช่หยุนก็หยุดฝึกหลังจากที่นางถูกขัดจังหวะ ตอนนี้นางอยู่ในอ้อมแขนของหลิงตู้ฉิงและมองหลิงตู้ฉิงรุกฆาตพี่ชายสองคนของนางบนกระดานหมากรุก
ในตอนนี้มีผู้ชมเกมหมากรุกเพิ่มมาอีก 2 คน หนึ่งคือหลิงว่านถิงและสองคือถังชี่หยุน
เมื่อมองไปที่น้องชายทั้งสองที่แพ้อย่างน่าสังเวช หลิงว่านถิงก็อดไม่ได้นอกจากต้องคิดหาวิธีช่วยพวกเขา
วิธีของนางคือเข้าไปหาหลิงตู้ฉิง และชวนพ่อของนางคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในการเดินหมาก เพื่อให้พ่อของนางไม่มีสมาธิและเปิดโอกาสให้น้องของนางชนะได้บ้าง
“ท่านพ่อ พี่สาวมี่เป็นถึงบุตรสาวคนโตของตระกูล แต่กลับอยากจะมาเป็นแม่บ้านของเรา ท่านคิดบ้างไหมว่านางอาจจะมีแรงจูงใจแอบแฝงบางอย่าง?” หลิงว่านถิงถาม
หลิงตู้ฉิงไม่ได้เงยหน้าขึ้น เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ใครจะสนใจว่านางตั้งใจจะทำอะไร พ่อเพิ่งจะขาดคนดูแลต้นไผ่เซียนสวรรค์ นางมาในเวลาที่เหมาะพอดี เจ้าควรไปดูการฝึกทักษะของนางนะเพราะต้นไผ่เซียนสวรรค์นั่นเกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะของเจ้าโดยตรง”
เมื่อหลิงว่านถิงได้ยินว่าการฝึกของนางมีส่วนเกี่ยวข้องกับต้นไผ่เซียนสวรรค์ นางจึงรีบออกตัววิ่งไปที่สวนหลังบ้านทันที อย่างไรก็ตามเมื่อนางวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็คิดได้ว่านางยังคงต้องช่วยน้องชายทั้งสอง นางจึงหยุดฝีเท้าอย่างกระทันหัน
“ท่านพ่อ ครูถังเพิ่งย้ายมาที่เรือนของเราและเรายังจะมีผู้คนมากมายเข้ามาอาศัยในตระกูลเพิ่มอีก ข้าว่าในเมื่อตอนนี้เรามีฐานะที่ดีกว่าแต่ก่อนมาก เราควรหาร้านอาหารเพื่อฉลองกันสักหน่อยดีไหมท่านพ่อ?” หลิงว่านถิงถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ความคิดของเจ้าดีมาก! ไว้คนพวกนั้นมาถึงครบแล้วพ่อจะพาพวกเราทุกคนออกไปฉลองพร้อมกันในวันพรุ่งนี้ พวกเจ้าควรคิดไว้เลยว่าพรุ่งนี้มื้อค่ำพวกเจ้าอยากจะกินอะไร”
หลิงว่านจุนที่กำลังเล่นหมากรุกเริ่มนึกอะไรไม่ออกนอกจากคิดถึงอาหารอร่อย ๆ ชวนน้ำลายไหล
แต่ในพริบตาเขาก็ตระหนักว่าตัวเองได้พ่ายแพ้อีกครั้ง!
หลิงว่านจุนเด้งตัวยืนขึ้นทันทีและมองไปที่หลิงว่านถิงอย่างฉุนเฉียว เขาตะโกนว่า “ท่านพี่! ท่านอย่าก่อกวนข้าได้ไหม? ข้ากำลังพยายามเอาชนะท่านพ่ออยู่นะ! ท่านพี่เอาแต่ถามนู่น นี่ นั่น อยู่ได้ นี่มันทำให้ข้าไม่มีสมาธินะท่านพี่! คนอื่น ๆ เขาก็กำลังฝึกกันอยู่ พี่ยู่ชานก็ยังฝึกหมัดไม่เสร็จ พี่สามก็ยังตามหาเงาอยู่และส่วนน้องห้าก็เดินเข้าออกประตูยังไม่ครบร้อยครั้งเลย ท่านแค่ช่วยออกไปจากที่นี่ได้ไหม?”
เมื่อหลิงว่านถิงเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเลวร้ายอย่างที่หลิงว่านจุนพูด นางจึงหยุดพูดและมองพ่อของนางอย่างไม่พอใจจากนั้นก็ถลึงตาใส่หลิงว่านจุน ก่อนจะหันเดินกลับไปตามหามี่ไล