พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 311 การจากไปของเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่ทรงพลัง
บทที่ 311 การจากไปของเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่ทรงพลัง
บทที่ 311 การจากไปของเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่ทรงพลัง
เมื่อได้ยินคำสั่งของหลิงตู้ฉิง เย่ชิงเฉิงก็เงียบลง
เหตุผลที่แม่ของนางทิ้งเศษเสี้ยวจิตวิญญาณไว้กับนางก็คือเพื่อปกป้องนาง
แต่ตอนนี้ ชายผู้นี้กลับต้องการให้แม่ของนางจากไปงั้นหรือ?
พูดตามตรงไม่ว่าจะเป็น อาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิ หรือ โองการจักรพรรดิ หากไม่มีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของแม่นางนั้นในเวลาที่นางนำมันออกมาใช้งาน อำนาจของพวกมันจะลดลงอย่างมาก
“จุดประสงค์หลักที่แม่ข้าทิ้งเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของนางไว้ก็คือปกป้องข้า ไม่มีเหตุผลอื่น!” เย่ชิงเฉิงพูด “ถ้าไม่ใช่เพราะการมีอยู่ของเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของแม่ข้า คนอื่น ๆ จะต้องพากันเข้ามาปล้นชิงอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิของข้าแน่นอน และนี่ยังไม่รวมกับที่ข้ามีกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอีก เมื่อถึงเวลานั้นถึงแม้ฐานะของข้าจะไม่ธรรมดาแต่มันก็คงไม่เพียงพอที่จะข่มความโลภของคนเหล่านั้นได้ มีเพียงให้เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของแม่ข้าอยู่ด้วยเท่านั้นข้าถึงจะปลอดภัย”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ถ้างั้นก็รอจนกว่าข้าจะปรับแต่งค่ายกลกระบี่เสร็จ แม่ของเจ้าจะรู้เองว่าควรเลือกอะไร”
เย่ชิงเฉิงมองไปที่หลิงตู้ฉิงและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเราค่อยคุยกันอีกที หลังจากค่ายกลกระบี่ของเจ้าเสร็จสิ้น ถ้าหากแม่ข้ายินดีจากไป ข้าก็ไม่ขัดข้องอะไรอีก”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
“เจ้าต้องการให้ข้าอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอ?” เย่ชิงเฉิงลองถามอีกครั้ง “ข้าไม่อยู่ที่นี่ไม่ได้เหรอ? เจ้ามั่นใจได้เลยถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าที่นี่ ข้าจะรีบมาช่วยเจ้าทันที”
หลิงตู้ฉิงไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่มองไปที่เย่ชิงเฉิงและหยิบเศษดาวหางทองคำออกมาเพ่งดู
เศษดาวหางทองคำเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่อัดแน่นไปด้วยพลังของกฎแห่งโลหะ การใช้งานหลัก ๆ ของมันคือการนำมันมาหลอมรวมกับอาวุธอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความคมและความทนทาน
ส่วนวิธีการตัดแบ่งเศษดาวหางทองคำออกนั้น ผู้ตัดจะต้องใช้สมบัติธาตุไฟระดับสูงเพื่อตัดมันหรือไม่ก็ต้องใช้กฎแห่งสวรรค์และโลกในการตัดมันแทน
ซึ่งเรื่องนี้หลิงตู้ฉิงจึงปล่อยมันให้เป็นหน้าที่ของเสี่ยวเยว่เฟิงเป็นผู้จัดการ
“เฟิงช่วยข้าที” หลิงตู้ฉิงบอก “ใช้ขนนกไฟของเจ้าหั่นมันเป็น 49 ชิ้น!”
เนื่องจากตอนนี้เขามีอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิอยู่ในครอบครอง และเย่ชิงเฉิงก็มีสมบัติติดตัวที่แข็งแกร่งมาก หลิงตู้ฉิงจึงกล้าถอนกระบี่บินทั้งหมดในค่ายกลกระบี่เหินเมฆาออกมา
ขณะนี้ระดับของกระบี่บินทั้งหมดนั้นอยู่ในระดับราชวงศ์ขั้นสูงสุด แต่เมื่อไหร่ที่พวกมันได้รับการหลอมรวมเข้ากับเศษดาวหางทองคำแม้เพียงเล็กน้อย ระดับของกระบี่บินทั้งหมดจะสามารถพัฒนาไปสู่ระดับสมบัติสวรรค์ได้ทันที
และเมื่อรวมกับการที่แกนกลางของค่ายกลกระบี่คือ อาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิ กระบี่บินเหล่านี้ในอนาคตก็จะมีการพัฒนาพลังของมันเองขึ้นเรื่อย ๆ
“จริง ๆ แล้วข้ายังมีพวกมันอีก!” เย่ชิงเฉิงพูดและส่งเศษดาวหางทองคำอีกก้อนให้หลิงตู้ฉิง “ถ้าเจ้ายังต้องการมันอีก ข้าก็สามารถหามันมาเพิ่มให้กับเจ้าได้!”
“หืม?” หลิงตู้ฉิงมองไปที่เย่ชิงเฉิงอย่างแปลกประหลาด จากน้ำเสียงของนางดูเหมือนว่านางจะรู้จักใครบางคนที่สามารถจัดหาเศษดาวหางทองคำจำนวนมากให้นางได้!
เย่ชิงเฉิงเหลือบมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและพูดว่า “สีเป่ยเซียะมีตัวตนอีกอย่างคือ นางเป็นหนึ่งในศิษย์หลักของสำนักเบญจธาตุ และเศษดาวหางทองคำนั้นก็ถือได้ว่าเป็นวัสดุขึ้นชื่อของสำนักของนาง”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ตอนนี้ยังไม่จำเป็น”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงวางกระบี่บินทั้ง 49 เล่มไว้ตรงหน้าแล้ว เริ่มกระบวนการหลอมรวมเศษดาวหางทองคำเข้ากับพวกมัน
จากนั้นเมื่อผ่านไปสักพัก กระบี่บินที่หลอมรวมเข้ากับเศษดาวหางทองคำได้สำเร็จแล้วพวกมันต่างสำแดงรัศมีวูบวาบออกมา
หลิงตู้ฉิงเมื่อเห็นว่ากระบี่บินพร้อมแล้ว เขาจึงนำพวกมันกลับไปจัดวางตามตำแหน่งค่ายกลเช่นเดิมพร้อมกับเปลี่ยนแกนกลางให้เป็นอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิ เพื่อเป็นแหล่งพลังของค่ายกลและเริ่มเชื่อมต่อกับกระบี่บิน
สำหรับสมบัติวิเศษระดับเซียนอันเดิมที่ใช้เป็นแกนกลาง เขาโยนมันไปให้เย่ชิงเฉิงและพูดว่า “ส่งมันกลับคืนไปให้สำนักอักขระวิญญาณ!”
“หืม?” เย่ชิงเฉิงพูดด้วยสีหน้าแปลก ๆ “เจ้าไม่ต้องการเก็บมันไว้เหรอ?”
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “พวกคนที่มาที่นี่เพื่อแย่งยันต์สั่งสวรรค์ในตอนแรกพวกเขาก็ได้ตายไปแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่สาสมเพียงพอ ส่วนสมบัตินี่ที่ข้ายึดมันมาตอนแรกเพราะข้ายังขาดสมบัติระดับสูงไว้ใช้งาน แต่ในเมื่อตอนนี้มันไม่จำเป็นอีกต่อไป มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ข้าจะคืนมันกลับไปให้เจ้าของ สำหรับข้าแล้วสมบัติวิเศษระดับนี้มันไม่ใช่ของที่มีค่าอะไรมากเลย”
“ข้าก็นึกว่าเจ้าโกรธพวกเขาและยึดสมบัติวิเศษของพวกเขาไว้เพื่อชดใช้ความผิดของพวกเขาซะอีก!” เย่ชิงเฉิงหัวเราะ
หลิงตู้ฉิงแสยะยิ้ม “นี่คงเป็นวิธีที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าทำบ่อย ๆ ใช่ไหมล่ะ? ถ้างั้นสิ่งที่กำลังเกิดกับสำนักของเจ้ามันก็คงจะใช่ว่าไม่มีเหตุผลแล้วล่ะ”
เย่ชิงเฉิงพูดอย่างรวดเร็วว่า “เฮ้ นี่ไม่ใช่ว่าข้าอยู่ข้างเดียวกับเจ้าไม่ใช่เหรอ ไหงเจ้ากลับมาตำหนิสำนักของข้าแบบนี้กัน?”
แม้ว่านางจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของหลิงตู้ฉิง แต่นางก็ค่อนข้างชื่นชมแนวทางของหลิงตู้ฉิง
คนประหลาดที่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าพบเป็นวัสดุระดับสูงกับทุก ๆ คนที่ขอเข้าพบ แต่กลับต้องการคืนสมบัติวิเศษระดับเซียนให้กับเจ้าของซึ่งเป็นสำนักที่มาล่วงเกินตัวเองก่อน นี่นับว่าเป็นมุมด้านที่ดีที่คาดไม่ถึง!
อย่างไรก็ตามเมื่อนางคิดถี่ถ้วนกว่าเดิม และนึกไปถึงอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิที่เขาเอาของนางไป นางก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตา มันอาจเป็นเพราะเขามีสมบัติวิเศษที่ดีกว่า เขาจึงไม่ได้สนใจมันมากกว่าก็แค่นั้นซะล่ะมั้ง?
“เจ้าอย่าได้ทำเช่นนั้นเหมือนกับสำนักของเจ้าอีกในอนาคต!” หลิงตู้ฉิงกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เพคะ…….” เย่ชิงเฉิงลากเสียงตอบกลับพลางเหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิง “เดี๋ยวข้าจะให้คนของข้าไปคืนสมบัติระดับเซียนอันนี้ให้กับสำนักอักขระวิญญาณเอง และจะได้ไปบอกพวกเขาด้วยว่าพวกเขาไม่ต้องเอาสมบัติของสำนักมามอบให้เจ้าอีก ซึ่งข้าคิดว่าอย่างมากสิ่งที่พวกเขาจะเอามาให้มันก็คงเป็นสมวิเศษระดับราชันล่ะนะ ข้าเดาว่าเจ้าก็คงไม่สนใจมันอยู่ดี”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ จากนั้นเขาจึงเรียกมี่ไลและคนอื่น ๆ ให้มาหาและเรียกคืนเหรียญตราควบคุมค่ายกล จากนั้นหลิงตู้ฉิงจึงให้มี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ย หลิงเทียนหยุน หยดเลือดของพวกเขาลงไปในเหรียญตราอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ส่งเหรียญตราควบคุมค่ายกลให้เย่ชิงเฉิงและพูดว่า “หยดเลือดของเจ้าลงไปด้วย ในอนาคตเจ้าจะสามารถใช้ค่ายกลกระบี่นี้ได้เนื่องจากเจ้าเป็นผู้มอบอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิมา ค่ายกลกระบี่นี้จึงเป็นของเจ้าเช่นกัน”
“แต่เจ้าต้องจำไว้อย่างว่าค่ายกลกระบี่นี้การปกป้องของมันจะครอบคลุมแค่เฉพาะสถานที่นี้เท่านั้น เจ้าไม่สามารถนำมันออกไปไหนกับเจ้าได้ ฉะนั้นหลังจากนี้เจ้าจงอยู่แต่ที่นี่เท่านั้น ส่วนผู้ติดตามของเจ้า ข้าสัมผัสได้ว่าพวกเขาไม่พอใจในตัวข้า ข้าจะยังไม่อนุญาตให้เขาอยู่ที่นี่ร่วมกันกับเรา และสุดท้ายจงให้แม่ของเจ้าถอนเศษเสี้ยววิญญาณของนางกลับไปได้แล้ว!”
“แต่ถ้าหากนางไม่ต้องการถอนกลับไปก็จงบอกให้นางทำสัญญากฎสวรรค์กับข้าซะ ไม่เช่นนั้นความลับของข้าจะรั่วไหลออกไปซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ข้ารับไม่ได้”
“หืม?” ขณะที่เย่ชิงเฉิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ท่าทางการแสดงออกของนางก็เปลี่ยนไปจนคล้ายกับเป็นคนละคน
“การที่ลูกสาวของข้าได้ติดตามท่านนั้นข้ารู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามด้วยการที่นางเติบโตมาในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์และมีแต่คนเอาอกเอาใจ มันจึงเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงนิสัยเกเรของนาง ข้าหวังว่าหลังจากที่ท่านได้แต่งงานกับนางแล้ว ท่านจะคอยดูแลนางและสั่งสอนนางให้เข้าลู่เข้าทาง และท้ายที่สุดข้าจะรอการมาถึงของท่านที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ข้าหวังว่าท่านจะสามารถช่วยสามีของข้าได้เพื่อเห็นแก่ลูกสาวของข้า” แม่ของเย่ชิงเฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“หลังจากจบเรื่องในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแล้ว หากข้าไม่ติดธุระอะไรอีก ข้าจะไปเยี่ยมสำนักของเจ้า” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “และอีกอย่างเจ้าเข้าใจใช่ไหมว่ามันยังมีข้อมูลบางอย่างที่ข้าไม่ต้องการให้คนอื่นรู้”
“ข้าเข้าใจ” แม่ของเย่ชิงเฉิงยิ้ม จากนั้นเศษเสี้ยววิญญาณของนางก็ได้ออกจากจิตสำนึกของเย่ชิงเฉิงไป
“แม่ของข้าจากไปแล้วงั้นเหรอ?” เย่ชิงเฉิงมองไปที่หลิงตู้ฉิงและพูด
“ใช่” หลิงตู้ฉิงตอบ “ถ้านางไม่จากไป บางทีข้าคงอาจจะต้องลบเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของนางด้วยตัวเอง”
“ขี้โม้!” เย่ชิงเฉิงตะโกน “เจ้ารู้ไหมว่าแม่ของข้าอยู่ในขอบเขตไหน? เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถลบเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของแม่ข้าได้งั้นเหรอ? และที่สำคัญนั่นคือแม่ของข้านะ! ในเมื่อเจ้าแต่งงานกับข้าแล้วเจ้าก็ต้องหัดมีความเคารพกับแม่ยายของเจ้าบ้างสิ!”
“นี่เจ้าล้อเล่นรึเปล่าที่ให้ข้าต้องมาสุภาพกับเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณ?” หลิงตู้ฉิงถาม “ส่วนระดับของนางน่ะเหรอ ฮ่าฮ่า!”