พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 315 แนะนำสมาชิกครอบครัวคนใหม่
บทที่ 315 แนะนำสมาชิกครอบครัวคนใหม่
บทที่ 315 แนะนำสมาชิกครอบครัวคนใหม่
เย่ชิงเฉิงตั้งใจเป็นอย่างมากว่านางจะช่วยให้หลิงตู้ฉิงเพิ่มระดับการบ่มเพาะให้เร็วที่สุด ดังนั้นนางจึงละทิ้งยางอายของนางและเป็นฝ่ายชักชวนที่จะทำการบ่มเพาะแบบคู่กับเขาต่อ
ตอนนี้เมื่อตั้งใจบ่มเพาะแบบคู่กับเขา นางจึงสัมผัสได้ว่าในระหว่างที่พวกเขาทั้งสองทำกิจกรรมกันอยู่นั้น พลังวิญญาณที่อยู่บริเวณโดยรอบได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของหลิงตู้ฉิงเป็นจำนวนมหาศาล
แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้พักใหญ่ เย่ชิงเฉิงก็เริ่มรู้สึกประหลาดใจที่ระดับการบ่มเพาะของ หลิงตู้ฉิงนั้นไม่ขยับไปไหน มันยังคงอยู่ที่ระดับเดิมคือขอบเขตประสานทพเลปราณระดับ 10
นางมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยความอ่อนแรงและถามด้วยขึ้นด้วยน้ำเสียงงุนงง “สามี นี่แอ่งทะเลวิญญาณของท่านรั่วรึเปล่า?”
ด้วยความงุนงง และหาเหตุผลอื่นมาอธิบายไม่ได้ เย่ชิงเฉิงจึงได้แต่เดาไปเช่นนั้น
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ข้าเพิ่งบรรลุระดับ 10 ของขอบเขตประสานทะเลปราณได้เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วนี่เอง แล้วเจ้าคาดหวังให้ข้าบรรลุระดับต่อไปได้ในเวลาอันสั้นแค่นี้น่ะเหรอ? เจ้าควรจะรู้ดีอยู่แล้วนะว่าการเพิ่มระดับของขอบเขตประสานทะเลปราณทุกครั้งจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้นกว่าเดิม 1 เท่าจากระดับก่อนหน้า”
“แต่ว่าในระหว่างที่เราบ่มเพาะคู่กันอยู่ ข้าสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยนะว่ามีพลังวิญญาณจำนวนมากไหลเข้าไปในตัวท่านมหาศาลเลย มันมากพอที่จะทำให้ท่านทะลวงขอบเขตไปถึงขอบเขตนภาเลยด้วยซ้ำ” เย่ชิงเฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าขัดแย้ง “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับทะเลวิญญาณของท่านกันแน่ ท่านให้ข้าลองตรวจสอบมันได้รึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ได้สิ!”
เมื่อได้รับการอนุญาต เย่ชิงเฉิงจึงส่งจิตสัมผัสของนางเข้าไปสำรวจด้านในทะเลวิญญาณของหลิงตู้ฉิงทันที และเมื่อนางได้สัมผัสถึงความกว้างใหญ่ของทะเลวิญญาณของเขา นางก็รู้สึกตื่นตะลึง
“นี่มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ท่านใช้เวลานานขนาดไหนกันถึงสร้างมันให้กว้างใหญ่ได้ถึงขนาดนี้?” เย่ชิงเฉิงตื่นตะลึงจนแทบจะคิดหาคำบรรยายอย่างอื่นไม่ออก
เมื่อตื่นตะลึงอยู่ได้สักพัก นางก็ลุกขึ้นจากเตียงและเริ่มใส่เสื้อผ้า
เมื่อพบกับทะเลวิญญาณที่กว้างใหญ่เช่นนี้ นางจึงเข้าใจทันทีว่าต่อให้นางทำกับหลิงตู้ฉิงทั้งวันทั้งคืน มันก็คงไม่ช่วยเร่งให้ระดับการบ่มเพาะของเขาให้ไวขึ้นได้สักเท่าไหร่
“ข้าตัดสินใจแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปปล้นนางสนมจากอาณาจักรรอบ ๆ นี้ หลังจากนั้นข้าจะเลือกสนมที่เยี่ยมที่สุดมาบ่มเพาะกับท่านทุกวัน ท่านไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยนอกจากบ่มเพาะกับพวกนางในทุก ๆ วัน” เย่ชิงเฉิงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
“ลูกชายของข้าก็เป็นจักรพรรดิเหมือนกัน” หลิงตู้ฉิงยิ้ม
“ลูกชายท่าน?” เย่ชิงเฉิงงุนงงและถามขึ้นต่อทันที “จริงสิ! ข้ายังไม่ได้ถามเรื่องราวส่วนตัวของท่านเลย ข้ารู้จักก็เพียงแต่ชื่อของท่านเท่านั้นเอง ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านมาจากดินแดนไหน แต่ว่าผู้หญิงสองคนที่อยู่ที่นี่พวกนางเป็นภรรยาของท่านใช่ไหม?”
นางเพิ่งได้รู้จักกับหลิงตู้ฉิงยังไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ และพวกเขาก็ด่วนแต่งงานกัน เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่นางจะยังไม่มีโอกาสได้ถามที่มาที่ไปของหลิงตู้ฉิงให้ชัดเจน
และในเมื่อตอนนี้นางทำใจยอมรับเขาให้เป็นสามีอย่างเต็มตัวแล้ว มันจึงเป็นเรื่องสมควรและจำเป็นที่นางต้องรู้เกี่ยวกับประวัติที่มาของเขา
“ข้าเกิดที่ทะเลชางหมาง ตอนนี้ข้ามีลูกสาวอยู่ 3 คนและลูกชายอีก 4 คน ภรรยาอีก 5 คน ถ้าให้นับรวมเจ้า เจ้าคือภรรยาคนที่ 6 ของข้า” หลิงตู้ฉิงแนะนำตัวแบบสั้น ๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงถึงกับตะลึง “นี่ข้าเป็นถึงคนที่ 6 เลยงั้นเหรอ แถมท่านยังมีลูกแล้วอีกตั้งหลายคน แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องพวกนี้มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรอีกแล้วนี่นะ ยังไงซะข้าก็เป็นหนึ่งในครอบครัวของท่านไปแล้ว แต่เมื่อมีโอกาสเมื่อไหร่ท่านต้องพาข้าไปเจอกับพวกเขาด้วย!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ข้าต้องพาเจ้าไปเจอพวกเขาแน่นอน”
ในขณะเดียวกับที่เย่ชิงเฉิงออกจากห้องของหลิงตู้ฉิง โม่เอ๋อที่ยืนรออยู่นานแล้วก็ได้เดินเข้ามาหาเย่ชิงเฉิง และกล่าวว่า “คุณหนู ก่อนหน้านี้จักรพรรดิของอาณาจักรแห่งนี้และหานซ่งหยวน หยูจิ้งเฉิง มารอขอเข้าพบกับท่าน…”
ก่อนหน้านี้โม่เอ๋อนั้นไม่ทราบว่าคุณหนูของนางเข้าไปทำอะไรกับหลิงตู้ฉิงตั้งนานสองนานอยู่ในห้องกันสองคน
แต่หลังจากที่เสี่ยวเยว่เฟิงได้อธิบายสถานการณ์คร่าว ๆ ให้นาง นางจึงได้เข้าใจทุกเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเมื่อนางรู้ว่าคุณหนูของนางได้ใช้เวลาอยู่ในห้องหอเป็นครั้งแรกนานขนาดนี้ นางเองก็รู้สึกพูดไม่ออกเช่นกัน
เย่ชิงเฉิงมองไปที่หลิงตู้ฉิง และพูดว่า “สามี หานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิง พวกเขาคือศิษย์พี่ร่วมสำนักของข้า ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาตอนนี้อยู่ในขอบเขตนภา ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งคู่ต่างคาดหวังว่าจะได้เข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเพื่อทำการทะลวงขอบเขต แต่ในตอนนี้สิทธิ์ในการเข้าของหนึ่งในพวกเขาถูกข้าริบคืนมาให้กับท่าน ข้าเกรงว่าตอนนี้พวกเขาคงผูกใจเจ็บกับท่านและรวมไปถึงข้าด้วย ฉะนั้นเราคงจำเป็นต้องระวังพวกเขาสักหน่อย”
“ส่วนทางด้านจักรพรรดิของอาณาจักรอี้จิ๋นแห่งนี้ เขาเป็นน้องชายของสีเป่ยเซียะ ชื่อของเขาคือ สีจิ้งหมิง และเขายังเป็นคนที่มาจากสำนักเบญจธาตุ ซึ่งเป็นสำนักที่อยู่ในระดับเดียวกับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเรา การมาครั้งนี้ของเขาคงจะเป็นเพราะเขาได้รับข่าวการมาเยือนของข้า ซึ่งจุดประสงค์ของเขาคงไม่ใช่เรื่องอื่นอะไรนอกซะจากว่าเขาต้องการที่จะเกี้ยวพาราสีข้าให้ไปแต่งงานกับเขา แต่ในเมื่อตอนนี้ข้าได้เป็นของท่านอย่างสมบูรณ์แล้ว ฉะนั้นข้าคงต้องบอกข่าวความสัมพันธ์ระหว่างเราให้เขารู้อย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้เขาคงจะตามก่อกวนข้าไม่เลิกแน่ ๆ”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “อืม ถ้างั้นเรื่องของคนเหล่านี้ก็ไม่สำคัญเท่าไหร่ เอาล่ะตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำเรื่องที่สำคัญกว่ากันก่อน นั่นก็คือการไปทักทายคนในครอบครัวของเราคนอื่น ๆ อย่างเป็นทางการ! เจ้าจงบอกให้คนของเจ้าไปบอกกับเหล่าคนที่มารอเจ้าให้รอไปอีกหน่อยก็แล้วกัน ส่วนเจ้าก็ตามข้ามา”
เย่ชิงเฉิงพยักหน้าและเดินตามหลิงตู้ฉิงไปอย่างว่าง่ายไปยังห้องของมี่ไล และเมื่อนางก้าวไปด้านในห้อง นางก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น
ด้านในห้องขณะนี้ มี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ย และหลิงเทียนหยุน ต่างก็กำลังฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง
ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะยังไม่สามารถขยายและย่อส่วนร่างกายของตัวเองได้อย่างช่ำชอง แต่พัฒนาการการใช้งานทักษะนี้ก็ก้าวหน้าไปอย่างมากจนนับได้ว่าพวกเขาสามารถเข้าใจมันได้แล้วอย่างต่ำก็สัก 1 ใน 10 ส่วน
ภาพที่ปรากฏขึ้นแก่สายตาของเย่ชิงเฉิง ในตอนนี้มันจึงเป็นภาพที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก เมื่อนางเห็นร่างของคนทั้งสามคนกำลังยืด ๆ หด ๆ แบบไม่สมส่วนอยู่เรื่อย ๆ จนมันคล้ายกับว่าสิ่งที่นางเห็นอยู่ตอนนี้มันไม่เป็นความจริง มันคล้ายกับว่าภาพเช่นนี้มันจะเกิดขึ้นได้ก็แต่เฉพาะในฝันเท่านั้น
“สามี…” เย่ชิงเฉิงมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยอาการอ้าปากค้าง
ในขณะเดียวกัน ทั้งสามคนที่อยู่ในห้องเมื่อรู้ตัวว่ามีคนเข้ามา พวกเขาจึงหยุดการฝึกฝนทันที
พวกเขาทั้งสามต่างลุกขึ้นและเดินเข้ามาทักทาย “คารวะพี่หญิง/ท่านน้า”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดกับเย่ชิงเฉิง “นี่คือ มี่ไล และ หลิวเฟ่ยเฟ่ย พวกนางคือภรรยาของข้า ส่วนนี่คือลูกชายของข้า หลิงเทียนหยุน”
เย่ชิงเฉิงรีบพูดขึ้นทันที “ขอคารวะพี่หญิงทั้งสอง และก็เอ่อ…เจ้าสบายดีนะหยุนเอ๋อ?!”
หากเป็นเมื่อก่อน นางคงไม่ลดตัวลงมาทักทายกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณ เฉกเช่นเดียวกับคนที่อยู่ตรงหน้านางทั้งสามคนนี้
แต่หลังจากที่นางเห็นภาพการฝึกที่แปลกประหลาดของคนทั้งสามเมื่อครู่ นางจึงไม่กล้าดูหมิ่นพวกเขาทั้งสามแม้แต่น้อย ดังนั้นนางจึงจงใจเรียกสองสาวที่อยู่ตรงหน้านางว่า ‘พี่หญิง’ แถมยังหยิบเอา หยกกำหนดจิต ขึ้นมา 3 อันและพูดว่า “พี่หญิงทั้งสอง นี่คือ หยกกำหนดจิต พวกมันเป็นของวิเศษที่ไว้ใช้ขัดเกลาจิตวิญญาณได้เป็นอย่างดี ข้าขอมอบให้พวกท่านเพื่อเป็นการคารวะพวกท่าน ส่วนหยุนเอ๋อนี่คืออาวุธวิเศษระดับราชัน น้าขอมอบมันให้กับเจ้า”
ทั้งสามคน เมื่อเจอการทักทายเช่นนี้พวกเขาถึงกับทำตัวไม่ถูก การกระทำเช่นนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป พวกเขาต่างคิดกันในใจไปในแบบเดียวกัน ‘เหมาะสมแล้วจริง ๆ ที่นางเป็นคุณหนูของสำนักมหาอำนาจ!’
หลังจากที่รับมอบของขวัญกันไปเป็นที่เรียบร้อย หลิงตู้ฉิงก็เข้ามาพูดกับเย่ชิงเฉิงว่า “เดี๋ยวไว้ค่อยคุยกับพวกเขาทีหลัง ตอนนี้เจ้าควรจะทักทายสหายของข้าอีกคนหนึ่งก่อน”
“สามี ยังมีคนอื่นที่อยู่ในห้องนี้อีกเหรอ?” เย่ชิงเฉิงมองไปรอบ ๆ ซึ่งนางก็เห็นว่ายังไงในห้องนี้ก็มีคนอยู่แค่เพียง 3 คนเท่านั้นไม่ใช่เหรอ?
“สหายของข้าอีกคนก็อยู่ตรงนั้นไง!” หลิงตู้ฉิงชี้นิ้วไปยังยันต์สั่งสวรรค์ที่กำลังลอยอยู่ที่มุมห้องและพูดว่า “เจ้าแค่มองเข้าไปในดวงตาของนางแล้วเจ้าจะสามารถสื่อสารกับนางได้”
ในขณะเดียวกัน หญิงสาวที่อยู่ในยันต์สั่งสวรรค์ก็ได้ส่งสายตามองมาที่เย่ชิงเฉิงด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
เย่ชิงเฉิง ตอนนี้ก็ได้จ้องเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวผู้นั้นเช่นกัน และได้ยินสิ่งที่นางสื่อสารออกมาเป็นน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผู้หญิงที่น่าสงสารอีกคนได้ตกมาอยู่ในอุ้งมือของไอ้คนงี่เง่านี่อีกแล้วงั้นเหรอ!”
เย่ชิงเฉิงรู้สึกตกใจพลางรีบเอ่ยถามขึ้น “พี่สาว ทำไมท่านถึงได้พูดแบบนี้กัน?”
“เจ้าจะรู้ได้เองในอนาคต!” หญิงสาวในยัต์สั่งสวรรค์พูดขึ้น “สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า… เฮ้อ แต่ช่างเถอะในเมื่อมันเป็นแบบนี้ไปแล้วมันก็ไม่มีอะไรต้องพูดละล่ะ”
หลังจากนางพูดจบ หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ก็หายตัวไปจากยันต์สั่งสวรรค์ เพื่อแสดงออกว่านางไม่ต้องการจะพูดอะไรต่ออีก
“สามี พี่สาวท่านนี้นาง…” เย่ชิงเฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้นางก็รู้สึกงุนงง
ในชีวิตนางที่ผ่านมา นางเห็นสิ่งมหัศจรรย์หรือได้พบเจอกับเรื่องประหลาดมามากมาย แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่นางได้เห็นจากในช่วงเวลาที่นางอยู่กับหลิงตู้ฉิงเพียงไม่กี่วันแล้ว มันเทียบกันไม่ได้เลย
การวาดภาพเสมือนของคนลงในยันต์สั่งสววรค์ อันนี้นางพอเข้าใจในหลักการของมัน
แต่สิ่งที่ทำให้นางงุนงงก็คือนางรู้สึกได้ว่า หญิงสาวที่ถูกวาดลงในยันต์สั่งสวรรค์นั้น กลิ่นอายที่นางปลดปล่อยออกมา มันให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
ความรู้สึกที่นางสัมผัสได้นั้น มันรู้สึกราวกับว่านางได้เจอกับตัวตนที่เหนือกว่าจนเทียบไม่ติด ซึ่งแม้แต่แม่ของนางก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงได้แม้แต่น้อย และอีกอย่างก็คือนางยังรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นั้นให้ความรู้สึกว่านางอยู่ในที่ห่างไกลจากตัวเองเป็นอย่างมาก แต่นางกลับสามารถมองเห็นหญิงสาวผู้นั้นได้อย่างชัดเจนตรงหน้าของนาง เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้เช่นนี้ นางจึงรู้สึกตื่นตะลึง
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ในเมื่อเจ้าได้พบกับนางแล้ว นั่นก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เอาล่ะ ยังเหลืออีก 2 คนที่เป็นผู้ติดตามของข้าที่เจ้ายังไม่ได้พบ เดี๋ยวข้าจะเรียกพวกเขาให้มาพบกับเจ้าเอง พวกเขาคนหนึ่งเป็นคนของสำนักเต๋าสวรรค์ ส่วนอีกคนมาจากภูเขาฟีนิกซ์”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงจึงพาเย่ชิงเฉิงออกจากห้องของมี่ไลทันที
นี่คือข้อเสียของการที่ก่อนหน้านี้พวกเขายังไม่รู้จักกันมากเท่าไหร่ แต่พวกเขาก็ร่วมหอกันก่อนซะแล้ว มันจึงทำให้พวกเขาต้องเสียเวลาในการแนะนำทำความรู้จักกันในอีกหลาย ๆ เรื่อง