พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 345 สมบัติล้ำค่า
ในห้องโถงรับรองแขกด้านหน้าของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ จู่ ๆ หญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ก็ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่หญิงสาวตื่นขึ้น นางก็มองไปรอบ ๆ กายด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แต่หลังจากที่นางมองไปรอบ ๆ แล้ว และเห็นว่าไม่มีใครที่สนใจนาง นางจึงรู้สึกสบายใจขึ้นทันที
ในขณะนี้อู่จิ๋วได้ลงไปที่เวทีประมูลและกระซิบกับผู้ดูแลการประมูลอยู่ 2-3 คำ จากนั้นเขาจึงเดินไปยังห้องโถงรับรอบแขกที่อยู่ด้านหน้าและยืนรอที่ทางเข้าของห้องโถงเพื่อรอหญิงสาวปริศนาตามที่หลิงตู้ฉิงสั่ง
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน เมื่อสักครู่ทางเราได้รับคำขอจากทางผู้ขายมาว่า ทางผู้ขายจะไม่รับสมบัติวิเศษ โอสถ หรือเหรียญคริสตัลใด ๆ ในการแลกเปลี่ยน ทางผู้ขายจะรับแต่วัสดุต่าง ๆ ในการเสนอราคาเท่านั้น!” ผู้จัดการประมูลมองไปรอบ ๆ พลางตะโกนประกาศขึ้น “และมีอีกอย่างที่พวกท่านต้องคำนึงถึงสักหน่อยนั่นก็คือ ต่อจากนี้อาจมีสิทธิ์เหลืออยู่เพียงแค่สิทธิ์เดียวในการประมูล”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง แม้แต่อาวุธระดับจักรพรรดิก็ไม่คู่ควรให้บุคคลปริศนาที่ขายสิทธิ์นี้สนใจงั้นเหรอ?
แต่ในขณะเดียวกัน บางคนที่ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจและเริ่มตะโกนเสนอราคากันขึ้นบ้างแล้ว ส่วนบรรดาพวกสำนักใหญ่ที่เสนอราคาเป็นพวกแรก ๆ กลับนิ่งเงียบ
ในอีกด้านหนึ่ง หญิงสาวที่พึ่งตื่นขึ้นเมื่อครู่ ในเวลานี้นางมองไปที่อู่จิ๋วที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าอาคาร เนื่องจากนางจำได้ว่าเป็นชายคนนี้ที่นำร่างปลอมของนางเข้าไปพบกับหลิงตู้ฉิง
เมื่อนึกถึงคำพูดของหลิงตู้ฉิงและท่าทางที่กำลังรออะไรบางอย่างของอู่จิ๋ว นางจึงรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่
แต่นางจะแลกกับเขาจริง ๆ หรือ?
นางเป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญที่อ่อนแอเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงการรับมือกับหลิงตู้ฉิง ที่ดูพิสดารหรือ ลั่วหยุน ที่เป็นถึงผู้ดูแลของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ที่นี่ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญนางก็ยังไม่สามารถต่อกรได้ด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ที่นางหาญกล้าไม่ถอยให้กับคนของสันเขาทรราชนั่นก็เพราะ ‘ตวนเสี่ยวอี่’ เป็นเพียงร่างปลอมของนาง
อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของนางในห้วงความฝันเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้น ถ้าหลิงตู้ฉิงต้องการจับตัวนางมันก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับเขามาก ๆ
นางลังเลอยู่นาน แต่เมื่อนึกถึงความสำคัญของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับบวกกับความน่าเชื่อถือของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ที่ถูกกล่าวขานมาเป็นหมื่นปีว่าไม่เคยโกงลูกค้ามาก่อน นางจึงกัดฟันแล้วเดินไปหาอู่จิ๋ว
หากนางอาศัยความสามารถของตัวนางเอง นางคงจะไม่มีทางบรรลุเป้าหมายที่นางตั้งไว้ได้ตลอดชีวิต นางจำเป็นต้องเสี่ยงดวงเข้าไปยังเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาของนาง
และตอนนี้โอกาสนี้มาถึงแล้ว นางจำเป็นต้องได้มันแม้ว่านางจะต้องคุกเข่าลงกราบกรานก็ตาม
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว นางจึงเดินตรงดิ่งเข้ามาหาอู่จิ๋วทันที
อู่จิ๋วที่เห็นว่าจู่ ๆ หญิงสาวนางหนึ่งเดินเข้ามาหา เขาจึงถามขึ้น “เจ้าคือคนที่ต้องการแลกเปลี่ยนกับเราใช่ไหม? เจ้าต้องแน่ใจนะ ไม่เช่นนั้นจะต้องเจ้าแบกรับผลที่ตามมา”
หลังจากเห็นว่าหญิงสาวพยักหน้าตอบรับอย่างมั่นใจ อู่จิ๋วก็นำนางไปหาหลิงตู้ฉิงและลั่วหยุน
ลั่วหยุนเหลือบมองไปที่หญิงสาวและส่ายหัว “เจ้าจะยังปลอมใบหน้าไปอีกทำไม? จงเผยใบหน้าที่แท้จริงซะ ไม่มีใครในที่นี่จะทำอะไรเจ้าทั้งนั้น และนำของที่เจ้าจะนำมาแลกออกมาให้พวกข้าดูได้แล้ว”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ไม่ต้องกังวล เอาของของเจ้าออกมาให้กับข้า แล้วข้าจะให้สิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณที่ล่วงลับแก่เจ้า”
“ข้าชื่อตวนจู้!” หญิงสาวกล่าวพลางปรับเปลี่ยนใบหน้าของตนเองให้กลับคืนเป็นใบหน้าเดิม ซึ่งจากบุคคลิกในตอนแรกที่ดูธรรมดาก็กลายเป็นหญิงสาวที่ดูอ่อนหวานในทันที “ข้าหวังว่าท่านจะรักษาสัญญาได้ไม่งั้นข้าจะไม่ปล่อยพวกท่านไปแน่”
ลั่วหยุนพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “เจ้าจะทำอะไรกับพวกข้าได้? ถ้าเจ้าตายทุกอย่างมันก็จบ มันเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะกลับชาติมาเกิดอีกรอบ เอาล่ะจงเอาของของเจ้าออกมาสักที”
หลิงตู้ฉิงยังหัวเราะ “เอาออกมาเถอะ ข้าไม่โกหกเจ้าหรอก”
ภายใต้การกระตุ้นของทั้งสอง ตวนจู้ได้หยิบวัตถุสองชิ้นออกมา
ซึ่งในมือทั้งสองข้างของนาง หนึ่งคือวัตถุที่ส่องแสงเป็นประกายในขณะที่ในมืออีกหนึ่งข้างนั้นว่างเปล่า
“หินจันทราศักดิ์สิทธิ์!” ลั่วหยุนมองไปที่นางด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็มองไปที่ หลิงตู้ฉิง
เขารู้ว่าหลิงตู้ฉิงกำลังมองหาหินจันทราศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ จะพบมันที่นี่
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงยอมแลกเปลี่ยนกับนาง
แต่นางบอกว่ามีสองอย่าง? สิ่งที่นางยื่นให้ดูก็มีแต่ หินจันทราศักดิ์สิทธิ์ แล้วอะไรคือของอีกสิ่งหนึ่ง?
ลั่วหยุนที่เห็นว่ามืออีกข้างของตวนจู้ว่างเปล่า ด้วยความสงสัยเขาจึงลองตรวจสอบมือข้างนั้นอีกครั้งด้วยพลังวิญญาณของตนเอง
ซึ่งในที่สุดเขาก็ค้นพบว่ามันคือวัตถุที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
จากนั้นลั่วหยุนที่อดเก็บความสงสัยของตัวเองไม่ไหว เขาจึงลองส่งพลังวิญญาณของตัวเองเข้าไปในวัตถุปริศนาที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านี้ และผลที่ออกมาก็คือ จู่ ๆ อีกร่างหนึ่งของลั่วหยุนก็ปรากฏขึ้นซึ่งมันถึงกับทำให้เขาต้องอุทาน “ไอ้นี่มันจะไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยงั้นเหรอ?”
ของที่สามารถทำให้อีกร่างหนึ่งของเขาปรากฎขึ้นจากไหนก็ไม่รู้ ของแบบนี้มันน่ากลัวเกินไป
นี่มันไม่ใช่ว่าหากดวงจิตเช่นเขาได้ครอบครองมัน มันจะเท่ากับว่าเขามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันเพิ่มขึ้นมาช่วยเขาอีก 1 คนงั้นเหรอ?
แต่แล้ว ลั่วหยุนก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เหตุใดระดับการบ่มเพาะของ ‘ลั่วหยุน’ ตัวปลอมถึงได้ต่ำขนาดนั้น?
ทำไมมันถึงมีระดับการบ่มเพาะแค่ขอบเขตแสงดาราเท่านั้น?
ลั่วหยุนรู้สึกประหลาดใจ สิ่งนี้ใช้ทำอะไรกันแน่? แม้ว่าเขาจะจำลองร่างของ ‘ลั่วหยุน’ ที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดารากว่าร้อยล้านคน มันก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเพียงคนเดียว
“ร่างปลอมที่มันสร้างขึ้นมาสามารถจำลองความแข็งแกร่งแค่ขอบเขตรวมแสงดาราได้เท่านั้นงั้นเหรอ?” ลั่วหยุนอดไม่ได้ที่จะถาม
ตวนจู้แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนขณะที่ตอบ “มันสามารถจำลองได้ถึงแค่ขอบเขตรวมแสงดาราได้เท่านั้น…”
ถ้ามันสามารถจำลองความแข็งแกร่งขอบเขตนภาหรือขอบเขตสวรรค์ได้ นางคงจะไม่เอามันมาแลกสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแน่นอน ดังนั้นเมื่อนางถูกถามขึ้นเช่นนี้นางจึงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เพราะไม่ว่าสมบัติวิเศษของนางจะพิสดารสักแค่ไหน ในทางปฏิบัติแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรนัก!
ลั่วหยุนถอนหายใจและหยุดศึกษามัน
“แม้ว่ามันจะไร้ประโยชน์ไปหน่อย แต่เพียงแค่หินจันทราศักดิ์สิทธิ์นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับแลกกับสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ” ลั่วหยุนหันกลับมาและพูดกับหลิงตู้ฉิง “แม้ว่าท่านจะเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ของเรา แต่เนื่องจากท่านเข้าร่วมการประมูล ท่านต้องแบ่งผลประโยชน์ให้กับเรา 2 ใน 10 ส่วน นอกจากนี้ท่านยังไม่ได้จ่ายค่า เจ้าหญิงภูติ ตนนั้นกับข้า… ท่านต้องจ่ายราคาที่เหมาะสมกับทางเราสำหรับของเหล่านี้ทั้งหมด”
“ข้ารู้แล้ว” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและมองไปที่สิ่งที่อยู่ในมือของตวนจู้
รอยยิ้มของเขาสดใสมากขึ้นเรื่อย ๆ “เอาล่ะ สาวน้อย มอบของทั้ง 2 สิ่งของเจ้ามาให้ข้าได้แล้ว และเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนอกจากที่เจ้าจะได้สิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแล้ว ข้าจะหาอาจารย์ที่เหมาะสมกับเจ้าให้เจ้าด้วย”
นางมอบสิ่งของให้กับหลิงตู้ฉิงอย่างเงียบ ๆ ทั้งที่ในใจของนางค่อนข้างกังวล
หลิงตู้ฉิงรับของทั้งสองมาอย่างมีความสุข จากนั้นเขามองไปที่ลั่วหยุนและพูดว่า “เจ้าเต็มใจที่จะเป็นอาจารย์ของนางรึเปล่า?”
ลั่วหยุนขมวดคิ้วมองไปที่หลิงตู้ฉิงและพูดว่า “แม้ว่าท่านจะรับปากกับข้าว่าจะช่วยข้ากำจัดวิญญาณปีศาจ แต่ข้าก็ได้จ่ายเงินไปเป็นจำนวนมหาศาล…”
“ข้ารู้!” หลิงตู้ฉิงโบกมือ “ถ้าเจ้าเต็มใจที่จะเป็นอาจารย์ของนาง ข้าจะได้ไม่ต้องไปหาใครอื่น ส่วนเรื่องค่าตอบแทนสำหรับส่วนแบ่งราคาประมูลและราคาของเจ้าหญิงภูติ ข้าจะให้เจ้าแน่นอนไม่ต้องเป็นห่วง”
“ท่านต้องจ่ายมาให้ข้าก่อน!” ลั่วหยุนยืนยัน
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดช้า ๆ “เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า ‘สะพานทองคำ’ รึเปล่า?”
ลั่วหยุนพยักหน้าและพูดว่า “มันคือสมบัติที่ถูกสร้างและเปิดใช้งานได้ด้วยเงินเท่านั้น
และถ้าหากใครสามารถดึงอำนาจสูงสุดของมันออกมาได้ พลังของมันจะสามารถสยบได้แม้แต่เหล่าเทวะบนสรวงสวรรค์”
แต่ว่าหลังจากที่ของสิ่งนี้มันหายไปและการล่มสลายของตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์ มันก็ไม่มีใครเอ่ยถึงชื่อของมันอีกเลย ว่าแต่ที่ท่านพูดถึงมันนี่คือท่านมี สะพานทองคำ ไว้ในครอบครองงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ลั่วหยุน พลางพูดว่า “ข้าไม่มี สะพานทองคำ นั่นหรอก แต่ข้ามีวิธีการสร้างมันขึ้นมา! นี่น่าจะเพียงพอสำหรับค่าตอบแทนแล้วใช่ไหม?”