พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 355 วิญญาณปีศาจปรากฎตัว
จากในเรือนของหลิงตู้ฉิง ลั่วหยุนมองไปที่สถานการณ์ของผนึกป้องกันและส่งข้อความทางโทรจิตไปยังหลิงตู้ฉิง “แม้ว่าข้าจะใช้ร่างกายของข้าในการปิดผนึกมัน แต่หลังจากหมื่นปีที่ผ่านมาตอนนี้มันก็ควบคุมร่างกายของข้าได้ด้วยเช่นกัน”
“ไม่เช่นนั้นถ้ามันใช้เพียงความแข็งแกร่งของมันเอง มันคงไม่มีพลังที่แข็งแกร่งขนาดที่จะทำลายผนึกป้องกันได้ และยิ่งตอนนี้ที่มันได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนมากมาย ข้าคิดว่ามันคงจะออกมาได้ในเร็ว ๆ นี้”
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างใจเย็น “นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการ และไม่เพียงแค่นั้นข้ายังต้องทำให้มันออกมาจากร่างของเจ้าด้วย ว่าแต่เจ้าไม่ต้องการร่างของเจ้าอีกแล้วจริง ๆ เหรอ? ถ้างั้นข้าจะปล่อยให้เจ้าทำลายร่างของตัวเจ้าเองก่อนเอาไหม?”
ลั่วหยุนยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว “ร่างกายของข้าถูกวิญญาณปีศาจนั่นครอบครองมาเป็นเวลานานเกินไปแล้ว ต่อให้ข้าได้มันกลับมาข้าก็คงไม่สามารถนำมันกลับมาใช้งานได้หรอก ฉะนั้นทำลายมันให้สิ้นซากไปน่ะดีแล้ว แต่ถ้าจะให้ตัวข้าเองทำลายมันข้าคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่ ฉะนั้นให้คนอื่นทำลายมันแทนข้าไปก็แล้วกัน”
“ถ้าเจ้าไม่ทำลายมันเอง งั้นข้าจะหาคนมาทำลายมันให้ก็แล้วกัน แต่ก่อนอื่นข้าต้องทำให้วิญญาณปีศาจนั่นออกจากร่างเจ้าซะก่อน” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย
“เอาอย่างที่ท่านว่าก็แล้วกัน โอ้ ดูเหมือนว่ามันจะออกมาได้แล้วล่ะนะ!” ลั่วหยุนตอบกลับ และมองไปที่บริเวณสระหยูหลัน
ในขณะนี้ผนึกป้องกันสีเขียวมรกตได้ระเบิดออกอย่างรุนแรงจนกลายเป็นรูขนาดใหญ่เปิดขึ้นตรงกลาง
เมื่อผนึกป้องกันถูกเปิดขึ้น ทุกคนก็เห็นภาพด้านในผนึกป้องกัน
ภายในผนึกป้องกันนั้นด้านล่างเป็นลานกว้างที่เต็มไปด้วยเพลิงพิภพอันรุนแรงลุกโชนอยู่ทั่วทั้งพื้นที่ และในเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำมีชายผมยาวหน้าตาเหมือนลั่วหยุนยืนอยู่
นั่นเป็นร่างของลั่วหยุนแต่ถูกควบคุมโดยวิญญาณปีศาจ ซึ่งการที่มันยังอยู่ในร่างของลั่วหยุนก็ทำให้มันไม่สามารถปลดปล่อยพลังของมันได้อย่างเต็มที่เช่นกัน
ตอนนี้ผนึกป้องกันได้ถูกเปิดออกแล้ว อย่างไรก็ตามวิญญาณปีศาจก็ดูเหมือนจะยังไม่เต็มใจที่จะออกมาจากด้านล่างนั่นเช่นกัน มันเริ่มเดินวนเวียนอยู่ด้านล่างนั่นราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ โดยที่เพลิงพิภพที่อยู่ด้านล่างนั่นไม่สามารถสร้างความเสียหายอะไรกับร่างของลั่วหยุนได้เลย
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ลั่วหยุนก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนและพูดว่า “ถ้าเจ้ายังต้องการอยู่ข้างล่างนั่นต่อ ข้าสามารถสร้างผนึกป้องกันให้เจ้าได้อีกครั้ง”
ร่างนั้นเป็นของเขา แต่ตอนนี้เมื่อมันถูกวิญญาณปีศาจใช้งานแบบนี้เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
วิญญาณปีศาจเหลือบมองไปที่ลั่วหยุน จากนั้นร่างของมันก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พร้อมกับปลดปล่อยรัศมีอันน่าสยดสยองออกมาจากร่างกายของมัน
“ข้าอยู่ที่นี่มานานกว่าหมื่นปีแล้ว ข้าจะพลาดโอกาสนี้ได้ยังไง!” วิญญาณปีศาจพูดขึ้น “สหายเก่าของข้า มันก็นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้เจอกับเจ้าเลย เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
ขณะที่วิญญาณปีศาจกำลังพูด ดอกกล้วยไม้สีดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า จากนั้นมันจึงนั่งขัดสมาธิบนดอกกล้วยไม้และเฝ้าดูลั่วหยุน
ทั้งสองดูเหมือนกันทุกประการ มันเหมือนมากจนราวกับว่าพวกเขากำลังส่องกระจกมองดูร่างของตัวเอง
วิญญาณปีศาจไม่รอคำตอบของลั่วหยุนและพูดต่อ “แต่ถ้าให้ข้าเดา ช่วงเวลาที่ผ่านมาของเจ้าก็คงจะสาหัสอยู่เหมือนกันล่ะนะ ร่างของเจ้าถูกข้ายึดครอง คนรักถูกสังหาร เหลือแค่เพียงดวงจิตร่อนไปร่อนมา แถมยังไม่สามารถบ่มเพาะไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้อีก แน่นอนว่าเจ้าจะต้องเจ็บปวดอย่างมาก”
ลั่วหยุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “มันก็ไม่เลวสักเท่าไหร่ อย่างน้อย ๆ ข้าก็ไม่ใช่ผู้ที่ต้องทนทุกข์จากการถูกย่างจากเปลวเพลิงพิภพอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แม้ว่าข้าจะไม่สามารถฆ่าเจ้าได้และแม้ว่าร่างกายของข้าจะช่วยป้องกันความเสียหายของเพลิงพิภพได้บางส่วน แต่ร่างของข้ามันก็คงไม่ได้ช่วยเจ้าผ่อนคลายความเจ็บปวดจากการถูกย่างสดได้สักเท่าไหร่หรอกจริงไหม? การถูกย่างอยู่ข้างล่างนั่นอย่างต่อเนื่องกว่าหมื่นปี ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าคงอยากตาย”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็เริ่มเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองได้บ้าง
ในตอนนี้สีหน้าของผู้คนของสันเขาทรราช และสำนักแสงศักด์สิทธิ์นั้นเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนี้พวกเขามั่นใจแล้วว่าทั้งสองต่างเป็นตัวตนระดับครึ่งจักรพรรดิแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกที่พวกเขาได้รับจากวิญญาณปีศาจ มันเริ่มทำให้พวกเขารู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มจะดูท่าไม่ดี
เทียนหยูเฮง ส่งข้องความทางโทรจิตไปหาคนของเขาทั้งหมด “ทุกคนจงระวัง อย่าเข้าใกล้พวกเขาเกินไป!”
ในขณะที่พูด เขาได้เตรียมอาวุธระดับจักรพรรดิขึ้นมาเพื่อเตรียมใช้งานมัน แม้ว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งจักรพรรดิ แต่หนึ่งในนั้นเหลือเพียงดวงจิตและอีกหนึ่งถูกปิดผนึกมาเป็นเวลานานกว่าหมื่นปี ซึ่งพวกเขาไม่มีอะไรต้องเกรงกลัว
สำนักใหญ่อื่น ๆ ก็เช่นกัน พวกเขาทั้งหมดต่างเตรียมไม้เด็ดของตัวเองไว้พร้อมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อ
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เขาเฝ้าดูลั่วหยุนและวิญญาณปีศาจคุยกันอย่างไม่แยแส ส่วนกลุ่มคนของเขาก็เตรียมพร้อมกันหมด
ในขณะนี้ คนที่มีความสุขที่สุดคือ เก๋อหงเฟย หนิวฮ่าวตง กู๋เซินหมิงและคนอื่น ๆ ที่อยู่ฝั่งเดียวกับพวกเขา
นี่เป็นเพราะการเดิมพันของพวกเขาถูกต้อง พวกเขาได้ช่วยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งจักรพรรดิจากการถูกปิดผนึก! เมื่อมีผู้เชี่ยวชาญระดับนี้เป็นผู้หนุนหลังในอนาคตใครจะกล้ารุกรานพวกเขา?
“ข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมก่อนหน้านี้สำนักอักขระวิญญาณถึงได้กล้าหยิ่งผยองนัก ที่แท้พวกเขาก็มีผู้หนุนหลังเป็นวิญญาณปีศาจนี่เอง” เย่หยูหลันเข้าใจถึงอาการหยิ่งผยองก่อนหน้านี้ของสำนักอักขระวิญญาณแล้ว อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขารู้ว่าผู้หนุนหลังของพวกเขาคือวิญญาณปีศาจที่กระหายเลือด พวกเขาจะยังเบิกบานได้อยู่อีกหรือเปล่า?
ในเวลานี้ เก๋อหงเฟยและคนอื่น ๆ ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเพราะพวกเขาไม่รู้จักตัวตนของวิญญาณปีศาจ
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาครามทั้งสามใช้ประโยชน์ในระหว่างที่วิญญาณปีศาจและลั่วหยุนสนทนากันอยู่ พวกเขาบินมาจนถึงด้านหน้าของวิญญาณปีศาจ จากนั้นพวกเขาโค้งทำความเคารพและพูดขึ้นด้วยสีหน้าประจบสอพลอ “ขอแสดงความยินดีกับผู้อาวุโสที่หลุดพ้นมาได้!”
วิญญาณปีศาจเหลือบมองพวกเขาทั้งสามคนและพูดว่า “พวกเจ้าจงมั่นใจ ข้าจะทำตามที่ข้าสัญญากับพวกเจ้าแน่นอน ข้าจะถ่ายทอดวิชาที่สมบูรณ์แบบของข้าให้กับพวกเจ้าทุกคน เอาล่ะตอนนี้ข้าต้องจัดการกับสหายเก่าของข้าก่อน ส่วนพวกเจ้าจงไปจัดการกับคนที่เหลือที่อยู่ที่นี่ทันที”
เมื่อได้ยินคำพูดของวิญญาณปีศาจ เก๋อหงเฟยและคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้น
ในอดีตที่ผ่านมาในสำนักของพวกเขายังไม่มีผู้เชี่ยวชาญแม้แต่คนเดียวที่สามารถบ่มเพาะไปได้ถึงขอบเขตครึ่งจักรพรรดิ แต่ตอนนี้พวกเขากลับได้รับการสนับสนุนจากตัวตนถึงระดับนี้ ในอนาคตสำนักของพวกเขาจะต้องยิ่งใหญ่กว่าที่เป็นมาแน่นอน
ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดจึงเชื่อฟังคำสั่งของวิญญาณปีศาจอย่างเต็มใจโดยมองไปที่หลิงตู้ฉิงและลั่วหยุนด้วยสายตาอาฆาต
ลั่วหยุนหัวเราะอย่างเย็นชา “พวกเจ้านี่มันช่างโง่เง่าจริง ๆ พวกเจ้าคิดว่าหอการค้าเชื่อมสวรรค์ของข้าจะถูกคนธรรมดาอย่างพวกเจ้าข่มเหงได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ? และพวกเจ้าคิดว่าข้าจะยอมเสียเวลาผนึกคนธรรมดามาเป็นเวลากว่าหมื่นปีด้วยร่างของข้าเองงั้นเหรอ? มันคือวิญญาณปีศาจ! ถ้าพวกเจ้าต้องการมีชีวิตอยู่ก็รีบหันกลับไปโจมตีชายผู้นั้นซะ”
ในขณะที่ลั่วหยุนพูด พลังแห่งเจตจำนงเหนือสรรพสิ่งก็ได้ปรากฏขึ้นเหนือเมืองหยูหลัน
ด้วยการปรากฏเจตจำนง ท้องฟ้ายามค่ำคืนก็สว่างขึ้น ดวงอาทิตย์ที่เคยลับขอบฟ้าปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้ง เป็นการย้อนกลับกลางวันและกลางคืนในชั่วพริบตา ภายใต้แสงแดดที่แผดจ้าความรู้สึกที่น่าสยดสยองที่เกิดจากวิญญาณปีศาจก็ได้จางหายไปและทั้งเมืองหยูหลันก็เต็มไปด้วยพลังหยางที่รุนแรง
วิญญาณปีศาจหัวเราะเยาะ “เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าข้าก็อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิด้วย!”
ขณะที่วิญญาณปีศาจส่งเสียงหัวเราะเยือกเย็น พลังแห่งเจตจำนงอีกสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ส่งผลให้เมืองหยูหลันที่เพิ่งเปลี่ยนเป็นกลางวันก็กลายเป็นกลางคืนทันที
จากนั้นเมื่อพลังแห่งเจตจำนงทั้งสองปรากฏขึ้นพร้อมกัน มันก็เริ่มมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และก่อตัวเป็นดาวสองดวงอยู่เหนือสระหยูหลัน ดวงหนึ่งสว่างไสวเหมือนกลางวันคล้ายกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้าในขณะที่อีกดวงมีสีดำสนิทเหมือนหมึกในยามราตรี