พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 409 ปีศาจฟีนิกซ์อเวจี
หลิงตู้ฉิงและอีกสองคนหยุดลง เมื่อพวกเขารู้สึกว่าได้อยู่ห่างไกลจากสระโลหิตมาพอสมควรแล้ว
จากนั้นหลิงเทียนหยุนและหวงเซียะก็มองดูขวดใสที่บรรจุเลือดในมือของหลิงตู้ฉิง ซึ่งแต่ละขวดนั้นมีเลือดอยู่หนึ่งหยด เลือดที่อยู่ในขวดหนึ่งนั้นมันคือลูกไฟแต่เป็นไฟสีดำ ซึ่งมีขนาดเท่าหัวแม่มือ ส่วนอีกขวดนั้นด้านในมันเหมือนกับว่ามีหนอนตัวเล็ก ๆ เคลื่อนที่ไปมาอยู่ข้างในขวด
“พี่หลิงนี่มันเลือดอะไร?” หวงเซียะถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่หวงเซียะและพูดอย่างเสียไม่ได้ “หนึ่งหยดคือเลือดของปีศาจฟีนิกซ์อเวจี และอีกหนึ่งหยดคือเลือดของหนอนมิติ เลือดของปีศาจฟีนิกซ์อเวจีหยดนี้ของเจ้า แม้ว่ามันจะไม่ใช่เลือดฟีนิกซ์ระดับสูงสุดก็ตาม แต่มันยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าสายเลือดของบรรพบุรุษของเจ้าส่วนใหญ่ของเจ้ามาก หลังจากที่เจ้าหลอมรวมเข้ากับมันแล้ว เจ้าจงหาค้นความลึกลับที่อยู่เบื้องหลังมันด้วยตัวเจ้าเอง”
หวงเซียะมองไปที่มือของหลิงตู้ฉิงด้วยความคาดหวัง แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเลือดปีศาจฟีนิกซ์อเวจีตัวนี้เป็นฟีนิกซ์ชนิดใด แต่จากรูปลักษณ์ของหยดเลือดนี้แล้วมันจะต้องมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากแน่นอน
อย่างไรก็ตามแม้ว่านางจะจ้องมองดูมันด้วยสายตาปรารถนา แต่หลิงตู้ฉิงก็ยังไม่ได้ให้มันกับนาง เขาพูดต่อ “หลังจากหลอมรวมกับหยดเลือดนี้แล้วเจ้าจะต้องออกไปจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ แต่ก่อนที่เจ้าจะออกไป ข้ามีสองเรื่องที่สำคัญมากที่จะบอกเจ้า”
เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงมีเรื่องสำคัญสองเรื่องจะบอก หวงเซียะจึงถามอย่างเร่งรีบ “เรื่องสำคัญ? เรื่องสำคัญอะไรท่านบอกมาได้เลย เอ๊ะหรือว่าท่านมีปัญหาที่โลกภายนอก? ถ้างั้นท่านบอกข้าดีกว่าว่าท่านอาศัยอยู่ที่ไหน ข้าจะรีบไปหาพวกท่านเอง!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดต่อ “เจ้ารู้เรื่องการแยกตัวของเมืองขนนกอัคคีไหม?”
หวงเซียะยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นนางเหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิงและพูดว่า “เอ่อ…เมืองขนนกอัคคี เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ในเขตแดนฟีนิกซ์ ข้าไม่เคยสนใจเรื่องของมันเลย…ข้าขอโทษพี่หลิง แต่ข้าสัญญาเมื่อข้ากลับไปเมื่อไหร่ ข้าจะดูข้อมูลเรื่องนี้อย่างละเอียดเลย”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดต่อว่า “ก่อนที่ข้าจะเข้าในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ข้าได้พบกับผู้คนจากเมืองขนนกอัคคี ซึ่งข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายปีศาจที่หนาแน่นอยู่บนร่างกายของพวกเขา ซึ่งมันหมายความว่าพวกเขาจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับตัวตนระดับสูงของเผ่าปีศาจแน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้การแสดงออกของหวงเซียะก็เปลี่ยนไปเป็นจริงจังทันที
ถึงต่อให้นางจะเป็นคนที่โง่ขนาดไหนก็ตาม สำหรับเรื่องนี้นางต้องเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากขนาดไหน
“ถ้าคนพวกนั้นมันกล้าที่จะทรยศพวกเราแบบนั้นจริง ๆ พวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างสาสมแน่นอน!” หวงเซียะพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าควรรีบกลับไปบอกข้อมูลนี้และหาวิธีจัดการกับปัญหานี้กับพวกของเจ้า นอกจากเรื่องนั้นแล้ว อีกเรื่องก็คือข้าจะขอฝากคนสองคนให้เข้าร่วมกับตระกูลชนชั้นสูงของพวกเจ้า เนื่องจากข้าได้ถ่ายทอดคาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเขาแล้ว ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ ส่วนความสามารถของพวกเขานั้นหนึ่งในนั้นได้ควบแน่นร่างแท้ฟีนิกซ์แล้ว ส่วนอีกคนยังเด็กและยังไม่ได้ควบแน่นร่างแท้ฟีนิกซ์”
หวงเซียะหัวเราะทันที “ตราบใดที่พวกเขาสามารถควบแน่นร่างแท้ของฟีนิกซ์ได้ พวกเขาก็เป็นคนของภูเขาฟีนิกซ์ของข้า ยิ่งไปกว่านั้นการที่พวกเขาทั้งหมดได้รับการถ่ายทอดคาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์จากท่านแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงมีคุณสมบัติเพียงพอในการเข้าร่วมเป็นชนชั้นสูงแน่นอน อย่างไรก็ตามทั้งสองยังคงขาดสัญลักษณ์ของชนชั้นสูงของเรา เมื่อข้ากลับไปข้าจะสั่งทำสัญลักษณ์ทันทีและส่งไปให้ท่าน ดังนั้นท่านต้องบอกข้าว่าท่านอยู่ที่ไหน”
หลิงตู้ฉิงไม่ยอมตอบคำถามของนาง เขายื่นขวดเลือดปีศาจฟีนิกซ์อเวจีให้หวงเซียะแทนและพูดว่า “เอาล่ะ เจ้าจงเอามันไปหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเจ้าได้แล้ว ไม่งั้นหากเจ้านำมันออกไปพวกตาแก่ในภูเขาฟีนิกซ์ของเจ้าจะต้องไม่ยอมให้เจ้าหลอมรวมเข้ากับมันแน่นอน พวกตาแก่ของเจ้าบางคนมันก็หัวดื้อเอาแต่เข้าใจกันว่าสายเลือดนี้มันจะส่งผลเสียในอนาคต”
เมื่อหวงเซียะหยิบขวดเลือดมา นางก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาหดหู่และพูดว่า “ท่านบอกข้าไม่ได้เหรอไงว่าท่านอาศัยอยู่ที่ไหน!”
หลิงตู้ฉิงตอบแค่ “ข้าจะไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ในอนาคต!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ความหดหู่บนใบหน้าของหวงเซียะก็หายไป จากนั้นนางก็พูดขึ้นด้วยสีหน้ามีความสุข “ดีจังที่ท่านจะมาในอนาคต ว่าแต่ข้าจะหลอมรวมกับเลือดของปีศาจฟีนิกซ์อเวจีได้อย่างไร?”
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างเฉยเมย “แค่กลืนมันเข้าไปแล้วจากนั้นก็โคจรคาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์”
หวงเซียะพยักหน้า จากนั้นนางเปิดขวดและกลืนมันลงไปอย่างเชื่อฟังทันที
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นว่าหวงเซียะกลืนเลือดเข้าไปแล้วเขาก็ถอยห่างออกมาจากนางพร้อมกับหลิงเทียนหยุน
เมื่อถอยห่างออกมา หลิงเทียนหยุนมองไปที่หวงเซียะด้วยสายตาแปลกประหลาด จากนั้นก็หันกลับมาและพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “ท่านพ่อ ข้ารู้สึกได้ถึงความรู้สึกของนางที่มีต่อท่าน ทำไมท่านถึงไม่ยอมรับนางล่ะ ข้ามั่นใจว่าท่านแม่และน้าคงไม่มีปัญหากับเรื่องนี้”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “นางเป็นญาติรุ่นหลังของพ่อและยิ่งโดยเฉพาะหากวัดจากสถานะของไช่หยุนด้วยแล้ว นางก็ยิ่งเป็นญาติของญาติของญาติรุ่นหลังของพ่ออีกต่างหาก!”
หลิงเทียนหยุนพูดด้วยความตกใจ “หา! เดี๋ยวนะท่านพ่อ นางจะไปมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับท่านได้ยังไง? ท่านเคยบอกเอาไว้ไม่ใช่เหรอว่าท่านไม่ใช่คนของภูเขาฟีนิกซ์? ดังนั้นตราบใดที่นางไม่ใช่สายเลือดเดียวกันกับท่าน มันคงไม่เป็นปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอถ้าท่านจะแต่งงานกับนาง”
“อย่างนั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงเกาหัว “แล้วถ้าข้าเคยแต่งงานกับบรรพบุรุษของนางล่ะ?”
“เอ่อ…” ได้ยินเช่นนี้ หลิงเทียนหยุนก็ถึงกับอึ้งไปอยู่สักพัก จากนั้นในที่สุดเขาก็พูดขึ้นว่า “ถ้างั้นก็ช่างเถอะ ท่านเองก็เก่งจะตาย ข้าคิดว่าท่านจะต้องแก้ปัญหานี้เองได้ล่ะนะ”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและไม่พูดอะไร หลิงเทียนหยุนมองไปที่ขวดเลือดอีกขวดในมือของหลิงตู้ฉิงและถามว่า “ท่านพ่อแล้วอันนี้เป็นของใคร?”
ก่อนหน้านี้เขารู้จากหลิงตู้ฉิงว่าการที่จะนำเลือดออกมาได้แต่ละหยดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ดังนั้นเลือดหยดนี้มันจะต้องมีค่าอย่างมาก เขาจึงค่อนข้างอยากรู้ว่ามันเป็นของใคร
“นี่สำหรับฟ่างหัว!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เพราะพ่อไม่มีวิชาที่จะถ่ายทอดให้กับนางเลย ดังนั้นหนทางเดียวที่พ่อจะช่วยนางได้ก็คือพ่อต้องทำให้นางได้รับพรสวรรค์ทางสายเลือดจากสายเลือดอื่นเท่านั้น”
เมื่อพูดถึงหลิงฟ่างหัว หลิงเทียนหยุนก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่บูดเบี้ยว “ท่านพ่อ ถ้านางได้รับความสามารถใหม่จากสายเลือดนี้ไป ท่านจะต้องคอยปรามน้องห้าให้ดีกว่าที่แล้วมา! เพราะยิ่งนางแข็งแกร่งขึ้นมันก็ยิ่งไม่มีใครที่จะสามารถกำราบนางได้!”
ที่ผ่านมาพวกเขาพี่น้องทุกคนต่างได้รับความเจ็บช้ำใจจากการที่ถูกหลิงฟ่างหัวแกล้งอยู่เป็นประจำ ซึ่งพวกเขาเองก็ไม่มีใครที่สามารถกำราบนางได้เลย
คนเดียวที่หลิงฟ่างหัวเต็มใจที่จะเชื่อฟังก็คือหลิงตู้ฉิง นางไม่ฟังแม้กระทั่งพี่ชายหรือน้องสาวหรือแม้แต่บรรดาแม่ทุกคน
“เอาน่า ตราบใดที่นางไม่ทำอะไรจนเกินเลย ก็ปล่อยให้นางเล่นไปเถอะ อย่างน้อย ๆ ก็ถือซะว่ามันเป็นการทำให้นางได้คุ้นเคยกับความสามารถใหม่ของนางก็แล้วกัน” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
หลิงเทียนหยุนตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อ ท่านลำเอียง!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและไม่พูดอะไรต่อ
และในขณะที่หลิงเทียนหยุนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ ๆ กลิ่นอายชั่วร้ายก็แผ่ออกมาจากร่างของหวงเซียะ จากนั้นร่างของนางก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีดำ
เปลวเพลิงเหล่านี้ไม่ได้มีสีดำสนิท แต่เป็นสีของมันนั้นเป็นการผสมผสานกันระหว่างสีดำและสีแดง ซึ่งมันไม่ใช่เปลวเพลิงสีดำธรรมดาที่เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้
“ท่านพ่อ ทำไมข้าถึงรู้สึกได้ว่าเปลวเพลิงของนางค่อนข้างแปลกมาก ข้ารู้สึกราวกับว่าหัวใจของข้ามันกำลังถูกคุกคาม” หลิงเทียนหยุนพูดด้วยความสับสน
หลิงตู้ฉิงอธิบายว่า “มันคือ เพลิงปีศาจอเวจี ที่สามารถคุกคามวิญญาณได้และมันยังสามารถเผาผลาญวิญญาณผู้ใดก็ได้ให้มอดไหม้เป็นจุล ซึ่งตอนนี้เด็กน้อยผู้นี้ยังคงอยู่ขั้นตอนหลอมรวมกับมัน แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ที่นางสามารถควบคุมมันได้ดั่งใจนึกแล้ว เมื่อนั้นอำนาจของมันจะน่ากลัวขึ้นอย่างมหาศาล”
หลิงเทียนหยุนที่ได้ฟังก็งุนงงอย่างหนัก เขาไม่รู้ว่าเปลวเพลิงปีศาจอเวจีคืออะไร และยิ่งไม่ต้องพูดถึงปีศาจฟีนิกซ์อเวจีที่เขาเองก็ไม่รู้จักมันเช่นกัน ส่วนอเวจีนั้นเขาเองก็ยังแน่ใจว่าจริง ๆ แล้วมันคือชื่อของสถานที่หรือชื่อของอะไรกันแน่?