พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 423 ข้าอยากรู้ว่าเขารักข้าไหม!
เมื่อหลิงตู้ฉิงได้มาถึงคฤหาสน์สราญรมย์ เขาก็พบว่าในขณะนี้มีคนยืนอยู่ที่กลางลานของคฤหาสน์อยู่เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวของเขา เหล่าภรรยาที่ออกจากการปิดด่านฝึกฝน รวมไปถึงหลิงยี่เทียนและโม่หยูถัง ต่างก็ยืนอยู่ที่กลางลานทั้งหมดเช่นกัน
แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินหลิงฟ่างหัวเล่าถึงเรื่องที่หลิงว่านถิงโดนทำร้ายความรู้สึกมา เขาก็มองไปที่หลิงว่านถิงที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น เขาจึงรีบถามขึ้นทันที “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
หลิงฟ่างหัวกระฟัดกระเฟียดตอบทันที “ก็ไอ้พวกชั่วจากอาณาจักรหลงซาน มันวางแผนส่งผู้ชายหน้าตาดีมาล่อลวงพี่สอง เพื่อที่จะใช้นางเป็นสะพานเข้าถึงตัวพวกเราเพื่อจับตัวพวกเรากลับไปที่อาณาจักรของมันยังไงล่ะท่านพ่อ!”
แต่ก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะได้พูดอะไร เย่ชิงเฉิงที่ฟังอยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นว่า “สามี แบบนี้เราต้องสืบดูก่อนว่าพวกมันเป็นคนของขุมกำลังไหน จากนั้นเมื่อเรารู้แล้วเราค่อยไปฆ่ามันให้หมด!”
เย่ชิงเฉิงที่นับได้ว่าเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว และได้ยินเรื่องราวของครอบครัวนี้มาก็หลายปี อันที่จริงในตอนก่อนมาถึงนางก็คิดหนักอยู่ว่านางจะทำตัวอย่างไรดีเพื่อให้เข้ากันกับครอบครัวของหลิงตู้ฉิงได้
และในเมื่อตอนนี้นางได้ยินเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น นางก็รู้ทันทีว่านี่คือโอกาสทองของนางแล้ว
ด้วยฐานะของนาง การทำลายขุมกำลังที่อยู่ในย่านนี้ย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
หลิงฟ่างหัวมองไปที่เย่ชิงเฉิงพร้อมกับพยักหน้าอย่างอาฆาต และพูดว่า “นี่มัน…ท่านป้าพูดถูกต้อง พวกเราควรไปหาพวกมันและฆ่าพวกมันทิ้งให้หมด”
ความดุดันของแม่คนใหม่ของนางคนนี้ ถูกใจนางเป็นอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่านางคล้อยตามทันที
หลิงตู้ฉิงโบกมือให้ทุกคนสงบลงก่อน จากนั้นเขาจึงพูดว่า “เทียนหยุน แนะนำตัวทุกคนที”
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็พาหลิงว่านถิงกลับไปที่เรือนของนาง
เมื่อเห็นลูกสาวของเขายังร้องไห้ไม่หยุด หลิงตู้ฉิงก็รีบลูบหัวของนางและพูดว่า “โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรแล้ว ๆ พ่ออยู่ตรงนี้แล้ว”
หลิงว่านถิง เมื่อได้ยินพ่อของนางพูดเช่นนี้ นางก็ยิ่งเศร้าหนักและโผเข้าไปร้องไห้โฮภายใต้วงแขนของพ่อนางทันที
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำร้ายจิตใจนางเกินไป ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครทำกับนางเช่นนี้มาก่อน นางได้แต่ถามกับตัวเองซ้ำ ๆ ขึ้นในใจ ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับนางกัน?
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หลิงว่านถิงที่กำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเขา โดยที่เขาเองก็ทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงต่อ เขาจึงตัดสินใจว่าเขาคงต้องรอสักพักเพื่อให้นางหยุดร้องไห้ก่อน
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หลิงว่านถิงที่ร้องไห้จนตาบวมไปหมดในที่สุดนางก็เริ่มปรับอารมณ์ขึ้นมาได้บ้าง จากนั้นนางกระซิบกับหลิงตู้ฉิงว่า “ท่านพ่อ ข้ามันโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ด้วยพรสวรรค์ที่สูงส่งของเจ้า แถมเจ้ายังเป็นลูกของพ่อ เจ้าจะเป็นคนโง่ได้ยังไง?”
“ถ้างั้นทำไม คนอื่นถึงรู้ทันเขาและมีแต่ข้าคนเดียวที่ถูกเขาหลอก?” หลิงว่านถิงถามขึ้นด้วยตาที่แดงก่ำ
หลิงตู้ฉิงยิ้มให้นางและพูดว่า “ก็นั่นเป็นเพราะเจ้ามีจิตใจที่เป็นมนุษย์มากกว่าพวกเขา ยังไงซะ ครั้งนี้ที่พ่อไปเขตแดนวิญญาณล่วงลับ พ่อได้ของดีมาให้เจ้าด้วยนะ ของที่พ่อจะให้มันจะช่วยชำระมวลมลทินในร่างของเจ้า แต่มันคงไม่ได้ชำระออกไปทั้งหมดเพราะพ่อไม่ต้องการให้เจ้ากลายเป็นแม่ชีของอารามจินตภาพ หรือแม่ชีของสำนักเต๋าสวรรค์ เพราะว่าอารมณ์เป็นสิ่งที่ดีที่เจ้าจำเป็นต้องมี ดังนั้นแค่ชำระมวลมลทินออกเท่าที่จำเป็นก็พอ”
จากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ หลิงตู้ฉิงได้นำหยดน้ำวิญญาณบริสุทธิ์ออกมาเล็กน้อย
และเมื่อรวมกับหยดน้ำวิญญาณบริสุทธิ์ที่สีเป่ยเซียะให้มา อันที่จริงมันก็มากพอที่ให้หลิงว่านถิงใช้มันชำระมวลมลทินทั้งหมดออกจากร่างนางได้ แต่หลิงตู้ฉิงไม่ต้องการให้ลูกของเขาชำระมันออกจนหมดและกลายเป็นแม่ชีที่ไร้อารมณ์
เนื่องจากวิถีไร้อารมณ์เขาเองก็เคยผ่านมันมาแล้ว ซึ่งในความรู้สึกของเขามันเป็นวิถีที่ไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่
“ท่านพ่อ อะไรคือมวลมลทิน?” หลิงว่านถิงถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ยิ่งใครมีมวลมลทินบนร่างกายเยอะ คนผู้นั้นจะยิ่งมีอารมณ์ที่อ่อนไหวมาก ตั้งแต่เด็กแล้วที่เจ้ามักชอบเป็นห่วงหรือกังวลกับเรื่องผู้อื่น เหตุผลที่เป็นแบบนั้นมันก็เป็นเพราะเจ้ามีมวลมลทินอยู่ในร่างกายเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเจ้าพ่อจะช่วยเจ้าชำระมันออกไปบ้าง”
หลิงว่านถิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางจึงตอบกลับ “ขอบคุณท่านพ่อ”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ขอบคุณทำไม เจ้าเป็นลูกสาวของพ่อนะ! เอ้ารับนี่ไป นี่คือหยดน้ำวิญญาณบริสุทธิ์ จงผสมมันกับน้ำสะอาดในอ่างอาบน้ำแล้วเจ้าก็ลงไปแช่ แล้วเมื่อไหร่ที่เจ้าอารมณ์เย็นลงแล้วพ่อยังมีของอย่างอื่นที่จะมอบให้เจ้าอีก”
หลิงว่านถิงพยักหน้า จากนั้นนางก็รับขวดที่บรรจุหยดน้ำวิญญาณบริสุทธิ์ไปและถามขึ้นด้วยสีหน้าลังเลว่า “ท่านพ่อ ท่านอย่าเพิ่งทำอะไรเขาได้ไหม เมื่อไหร่ที่ข้าชำระมวลมลทินบนร่างของข้าเสร็จ ข้าต้องการถามเขาอีกครั้งว่าเขาเคยรักข้าบ้างไหม ถ้าเขารักข้า ข้าขอร้องท่านโปรดอย่าทำร้ายเขาได้ไหม อย่างน้อย ๆ ก็เห็นแก่ความรักของข้าที่มีให้เขา”
นางยังไม่สามารถปล่อยวางจากเขาได้ เพราะไม่ว่าจะยังไงหยูเฉิงฮุยก็เป็นรักแรกของนาง นางยังคงไม่สามารถลืมความรู้สึกอันตราตรึงที่เคยมีกับเขาได้
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไม่มีปัญหา พ่อจะเป็นคนพาเจ้าไปค้นหาคำตอบนี้จากก้นบึ้งของหัวใจเขาให้เอง และจากนั้นเจ้าก็จงตัดสินใจด้วยตัวเองว่าเจ้าจะให้พ่อปล่อยเขาไปหรือไม่”
“ถ้าเจ้าตัดสินใจให้พ่อปล่อยเขาไป พ่อก็จะไม่ทำอะไรเขา แต่ถ้าไม่ ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตามหรือจะมาจากขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
“ขอบคุณ ท่านพ่อ!” หลิงว่านถิงตอบกลับทั้งน้ำตา
“เอาล่ะ หยุดร้องไห้และไปแช่น้ำวิญญาณบริสุทธิ์ได้แล้ว!” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “แล้วเมื่อเจ้าแช่เสร็จเมื่อไหร่ก็จงออกมาหาพ่อหน่อย พ่ออยากให้เจ้าได้ทำความรู้จักกับแม่ใหม่ของเจ้าและสหายเก่าของพ่อ”
“รับทราบ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” หลิงว่านถิงพยักหน้า
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงจากไป นางก็นั่งซึมอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางจึงเตรียมตัวแช่น้ำ
ในขณะเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงออกมาจากเรือนของหลิงว่านถิง เย่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ก็ได้แนะนำตัวและทำความรู้จักกันเสร็จแล้วเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเดินกลับมาหา เย่ชิงเฉิงก็รีบพูดขึ้นทันที “สามี เมื่อครู่เทียนเอ๋อได้พูดว่าเขาตัดสินใจที่จะเริ่มประกาศสงครามกับอาณาจักรหลงซานอย่างเต็มตัว เมื่อเป็นเช่นนี้เราก็ควรที่จะเริ่มเตรียมตัววางแผนทำลายพวกเขาให้หมดในทีเดียว”
“เป็นแค่อาณาจักรเล็ก ๆ แต่กลับกล้ามารังแกคนของเรา แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นที่ชื่อหยูเฉิงฮุยนั่น มาจากอาณาจักรมังกรทะยานใช่ไหม? ถ้างั้นมันก็ต้องเป็นพวกเดียวกับที่เคยหยุดเราไม่ให้ผ่านเข้าไปที่ทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับถูกต้องไหม? แบบนี้เราก็ควรที่จะทำลายอาณาจักรนั่นด้วย ส่วนไอ้พวกบรรพบุรุษของไอ้ผู้ชายคนนั้นที่ไม่ยอมสั่งสอนบุตรหลานของพวกมันให้ดี พวกเราก็ควรจะฆ่าพวกมันให้หมดด้วยเช่นกัน!”
“ใช่! ป้าเย่พูดถูก พวกเราควรจะฆ่าพวกมันให้หมด ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำไว้กับพี่สอง!” หลิงว่านถิงตะโกนขึ้นเสริม
จ้าวเหมิงลู่และเหลียงเฟ่ยเอ๋อต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้พลางคิดในใจ ทำไมหญิงสาวผู้นี้ถึงได้หัวรุนแรงขนาดนี้ได้กัน?
ซึ่งอันที่จริง ถ้าหากว่าพวกนางได้รู้ว่าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอำนาจมากแค่ไหน พวกนางคงจะเข้าใจได้ว่าทำไมเย่ชิเฉิงถึงกล้าพูดจาอหังการได้ขนาดนี้
ส่วนทางด้านของมี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ย และคนอื่น ๆ ที่คุ้นเคยกับเย่ชิงเฉิงแล้วนั้น พวกเขาก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมากมายกับท่าทีของนาง พวกเขาแค่มีความรู้สึกว่าครอบครัวของพวกเขาน่าจะมีพวกหัวรุนแรงเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วก็เท่านั้น
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เรื่องนั้นเราต้องให้ว่านถิงเป็นคนตัดสินใจก่อน จากนั้นเราค่อยมาพูดกันอีกทีว่าจะทำยังไงกับคนพวกนั้นอีกที เอาล่ะตอนนี้ ทุกคนมารับของที่ได้มาจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับกันก่อนดีกว่า”
หลิงตู้ฉิงส่งของชิ้นแรก เศษดาวหางทองคำให้กับจ้าวเหมิงลู่ และพูดว่า “ถ้าเจ้านำมันไปหลอมรวมเข้ากับกระบี่ของเจ้า มันจะกลายเป็นอาวุธวิเศษระดับสวรรค์ทันทีและจากนั้นมันจะกลายเป็นอาวุธที่สามารถเติบโตขึ้นได้อีก และหลังจากนี้หากข้าว่างเมื่อไหร่ ข้าจะถ่ายทอดเพลงกระบี่เผาผลาญและรูปแบบกระบี่ควบแน่นให้เจ้าอีกที”
“ขอบคุณ สามี!” จ้าวเหมิงลู่หัวเราะ
จากนั้นหลิงตู้ฉิงหันที่มาเหลียงเฟ่ยเอ๋อและพูดว่า “หม้อเอกภพอันนี้ยังสร้างไม่สมบูรณ์ ไว้ข้าปรับแต่งมันใหม่อีกรอบก่อนข้าค่อยให้มันกับเจ้าอีกที”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อยิ้มอย่างมีความสุขทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้
หลังจากนั้น โจวจื่อซินก็ได้รับเมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์
“นี่คือเมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์ จงบ่มเพาะมันแบบเดียวกับที่เจ้าบ่มเพาะดอกบัวปีศาจกระหายโลหิต และเมื่อมันเติบโตขึ้นเมื่อไหร่ มันจะช่วยปกป้องเจ้าจากการโจมตีต่าง ๆ ได้” หลิงตู้ฉิงอธิบาย
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็หยุดแจกของ เนื่องจากของที่เหลือที่เตรียมมาไว้ให้กับคนอื่น ๆ นั้นมันจะต้องมีการเตรียมการที่ซับซ้อนสักหน่อย เขาจึงยังไม่แจกพวกมันในตอนนี้
เมื่อเห็นว่าพ่อของเขาไม่หยิบอะไรออกมาต่อ หลิงยี่เทียนก็ถามขึ้นทันที “ท่านพ่อ แล้วข้าล่ะ? อย่าบอกนะว่าท่านไม่ได้หยิบของอะไรติดไม้ติดมือมาให้ข้าบ้างเลย มันคงไม่ใช่แบบนั้นใช่ไหมท่านพ่อ?”
หลิงตู้ฉิงหันไปมองที่หลิงยี่เทียนและพูดว่า “สิ่งของที่พ่อนำมาให้เจ้ามันนับได้ว่าวิเศษที่สุดเลยล่ะ แต่พ่อต้องคิดถึงวิธีการที่ดีที่สุดในการใช้มันให้เจ้าให้ได้ก่อน จากนั้นพ่อถึงจะมอบให้เจ้าอีกที”
“ถ้าแบบนั้นข้าก็ค่อยโล่งใจหน่อย!” หลิงยี่เทียนหัวเราะ
“เอาล่ะ ต่อไปพ่อจะแนะนำสหายเก่าของพ่อให้กับพวกเจ้าได้รู้จัก ทักทายนางกันหน่อยเร็ว” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
จากนั้น หลิงตู้ฉิงก็ส่งสัญญาณให้มี่ไลนำยันต์สั่งสวรรค์ที่เขาฝากไว้ขึ้นมา