พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 426 เทียนเอ๋อเข้าพบ
หลังจากซือโถวเหวินหยวนจากไป หลิงยี่เทียนก็มาถึง
แม้ว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิ แต่มันก็เป็นอย่างที่ถังชี่หยุนเคยพูดไว้จริง ๆ ว่าจักรพรรดิที่ดีนั้นไม่จำเป็นต้องตรากตรำทำงานอะไรให้มันมากมายด้วยตัวคนเดียว
อย่างน้อย ๆ เมื่อเทียบกับบรรดาจักรพรรดิธรรมดาของอาณาจักรอื่น ชีวิตของเขามันก็ดูง่ายกว่ามาก
“ท่านพ่อ ท่านเรียกข้ามาเพราะว่าท่านพร้อมที่จะให้ประโยชน์แก่ข้าแล้วใช่ไหม?” หลิงยี่เทียนถามด้วยรอยยิ้ม
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็หยิบผลึกดวงใจสวรรค์ขึ้นมา และพูดกับหลิงยี่เทียน “ของสิ่งนี้เจ้าต้องนำมันไปใช้ให้ดี แม้ว่าพ่อจะรู้จักวิถีการบ่มเพาะของเจ้าอยู่บ้าง แต่พ่อก็ไม่รู้ว่ามันจะต้องเดินไปในเส้นทางไหนถึงจะดีที่สุดสำหรับเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงต้องตามหาเส้นทางที่เหมาะสมกับตัวของเจ้าด้วยตัวเอง”
นี่เป็นเพราะเขาไม่เคยเป็นจักรพรรดิและไม่เคยปลูกฝังพลังแห่งศรัทธา ดังนั้นเขาจึงไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามเขารู้เกี่ยวกับมันคร่าว ๆ เพราะเขาเคยพบกับคนเช่นนี้มาก่อน
“สิ่งเดียวที่พ่อสามารถช่วยเจ้าได้ก็คือการหาสิ่งที่เจ้าต้องการใช้ และสนับสนุนเจ้าด้วยความแข็งแกร่งของพ่อ” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
หลิงยี่เทียนยิ้มและพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าเองก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแถมข้ายังเป็นจักรพรรดิมาก็หลายสิบปี ข้าเข้าใจความเป็นห่วงของท่าน แต่ข้าไม่ใช่เด็กเหมือนน้องเจ็ด ดังนั้นท่านไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงข้าในเรื่องนี้หรอก ว่าแต่ท่านพ่อข้าเองมีเรื่องจะรายงานท่านเช่นกัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาทั้ง ๆ ที่ข้าเองก็รับสนมเข้ามาอยู่ในวังก็หลายคนแล้ว แต่พวกเสนาบดีก็พูดทุกวันจนข้าเองนั้นไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไปในเรื่องของการแต่งตั้งมเหสี ซึ่งในเรื่องนี้ข้าก็ได้ปรึกษากับป้าเฟ่ยแล้ว และในตอนนี้เมื่อท่านได้กลับมาที่นี่ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ข้าต้องเลือกมเหสีของข้า ข้าอยากขอให้ท่านช่วยตรวจสอบพวกนางให้ข้าหน่อยจะได้หรือไม่?”
“แต่อันที่จริงเดิมทีข้าต้องการพาพวกนางทั้งหมดมาพบกับท่านพ่อ แต่แล้วเมื่อข้าคิดว่าพวกนางทั้งหมดส่วนใหญ่เป็นเพียงนางสนมที่ข้าเองก็ไม่ค่อยจะสนใจอะไรนัก ข้าจึงตัดสินใจไม่ได้พาพวกนางมาทั้งหมด ในวันนี้ข้าจึงพามาแค่เพียงน้องจูเหยียนและพี่เหมยจู้ ซึ่งพวกนางเองก็อยากมาคารวะท่านพ่อ ท่านพอจะมีเวลาพบพวกนางรึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เจ้าไม่จำเป็นต้องถามพ่อเรื่องเหล่านี้หรอก ส่วนเรื่องของจูเหยียนและเหม่ยจู้ เอาไว้ทีหลัง ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือสิ่งที่พ่อพึ่งให้เจ้าไป เพราะว่าของสิ่งนี้มันคือสิ่งที่จักรพรรดิทุกคนใฝ่ฝัน นอกจากเจ้าและพี่สามของเจ้า ไม่มีใครรู้ว่าพ่อได้รับสิ่งนี้มาไว้ในครอบครอง ดังนั้นพ่อขอเตือนเจ้าเอาไว้ก่อนว่าเจ้าอย่าได้แสดงมันให้ใครต่อใครเห็นเป็นอันขาดไม่ว่าจะกับใครก็ตาม เพราะไม่งั้นเจ้าจะกลายเป็นศัตรูกับจักรพรรดิทั้งหมดในโลกนี้”
ท่าทีของหลิงยี่เทียนจริงจังขึ้นและถามว่า “ท่านพ่อ ผลึกดวงใจสวรรค์นี้คืออะไร?”
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างเคร่งขรึม “มันคือผลงานการควบแน่นกันของเต๋าสวรรค์ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเต๋าสวรรค์ของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ซึ่งไม่ใช่เต๋าสวรรค์ของโลกที่เราอาศัยอยู่ แต่ครั้งหนึ่งมันก็เคยเป็นเต๋าสวรรค์ของโลกโลกหนึ่งมาก่อนแล้ว”
“ดังนั้นเมื่อเจ้าครอบครองมัน มันจะช่วยให้เจ้ามีความสามารถในการควบคุมเจตจำนงทั้งหลายได้และเมื่อรวมกับที่เจ้าได้บ่มเพาะวิถีแห่งศรัทธา ด้วยของสิ่งนี้เจ้าจะสามารถเก็บพลังแห่งศรัทธาเอาไว้ในมันและเมื่อจำเป็นเจ้าจะสามารถใช้มันปลดปล่อยพลังอันมหาศาลที่ไม่อาจจินตนาการออกมาได้ ส่วนความสามารถอื่น ๆ ของมันนั้นพ่อเองก็ไม่อาจบอกได้อีกเช่นกัน มันจะต้องเป็นเรื่องของเจ้าเองที่ต้องเรียนรู้และสร้างมันขึ้นมา ของชิ้นนี้การที่พ่อได้มามันคือการแลกกับที่พ่อสละสิทธิ์ในการได้ครอบครองเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับทั้งหมด”
“แต่ที่พ่ออธิบายเช่นนี้ไม่ใช่ว่าพ่ออยากจะบอกกับเจ้าว่าพ่อต้องเสียสละอะไรไป แต่สิ่งที่พ่ออยากจะบอกกับเจ้าก็คือ เจ้าต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอย่างเด็ดขาดไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ไม่เช่นนั้นหายนะใหญ่จะบังเกิดขึ้นในทันที”
“และตามการคาดการณ์ของพ่อ เมื่อเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้นในครั้งต่อไป สิ่งนี้อาจไม่มีผลใด ๆ กับเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอีก เมื่อเวลานั้นมาถึงเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมันจะสร้างเจตจำนงใหม่ของเต๋าสวรรค์ขึ้นมา ซึ่งทำให้ของสิ่งนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอีกต่อไป”
หลิงยี่เทียนพยักหน้า “ข้าจะทำตามคำสั่งของท่านพ่อ ว่าแต่ท่านพ่อรู้งั้นเหรอว่าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอยู่ที่ไหน?”
“เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอยู่ใต้เท้าของเจ้า ดังนั้นเมื่อไหร่ที่มันปรากฎขึ้น เจ้าห้ามแตะต้องหรือยุ่งเกี่ยวกับมันเป็นอันขาด!” หลิงตู้ฉิงย้ำขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น
จากสิ่งที่เขาเห็นในผลึกดวงใจสวรรค์ หากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับต้องการที่จะวิวัฒนาการกลายเป็นโลกใหม่ สุดท้ายเขาจะต้องเป็นผู้จ่ายราคา
ซึ่งแน่นอนว่าบางตัวตนที่ยังคงดำรงอยู่ย่อมไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้
นี่เป็นเหมือนแม่ที่มีลูกน้อยในครรภ์และราคาสำหรับทารกที่จะเติบโตคือการกลืนกินร่างกายของแม่ทั้งหมด ดังนั้นผู้เป็นแม่จะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ได้ยังไง?
ดังนั้นแม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นของที่มีคุณภาพ แต่มันก็เป็นเหมือนเผือกร้อนเช่นกัน
“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านพ่อ!” หลิงยี่เทียนพยักหน้าอย่างจริงจัง
หลังจากนั้นเมื่อเขาเก็บผลึกดวงใจสวรรค์ไปแล้ว หลิงยี่เทียนก็พูดต่อ “ท่านพ่อ ถ้างั้นเดี๋ยวข้าขอนำจูเหยียนและเหม่ยจู้ เข้ามาพบกับท่านได้ไหม?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ให้พวกนางเข้ามาได้และอีกอย่างเจ้าจงไปเตรียมการ พ่อจะเปิดการบรรยายให้กับคนของเจ้า ซึ่งมันถือว่าเป็นการช่วยเหลืออีกอย่างของพ่อที่จะให้เจ้า”
“ขอบคุณท่านพ่อ!” หลิงยี่เทียนหัวเราะอย่างมีความสุข
หลิงยี่เทียนเมื่อได้ยินเช่นนี้เขารู้สึกมีความสุขมาก เพราะเขามั่นใจมากว่าทุกครั้งที่พ่อของเขาบรรยายบรรดาคนของเขาที่เข้าฟังจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ
ซึ่งมันก็เห็นได้ชัดจากการบรรยายครั้งล่าสุดที่พ่อขงเขาบรรยายไปนั้นมันส่งผลให้อาณาจักรของเขามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เพิ่มขึ้นอีกเป็นสิบคนเลยทีเดียว
“ท่านพ่อต้องการให้ข้ากำหนดระดับการบ่มเพาะของผู้ที่จะเข้าร่วมด้วยหรือไม่?” หลิงยี่เทียนถามอีกครั้ง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เจ้าจัดมาเถอะ พ่อจะบรรยายทุกอย่างตามที่เจ้าจัดการมา”
หลิงยี่เทียนพยักหน้า
จากนั้นหลิงยี่เทียนก็เดินนำจูเหยียนและเหม่ยจู้เข้ามาในคฤหาสน์สราญรมย์
เมื่อจูเหยียนและเหม่ยจู้เห็นหลิงตู้ฉิง พวกนางก็โค้งคำนับให้เขาทันที เนื่องจากหลิงตู้ฉิงไม่ใช่เป็นแค่อาจารย์ของพวกนางเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ให้ความกระจ่างในเส้นทางการบ่มเพาะของพวกนางอีกด้วย
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ทั้งสองสักพักก่อนจะพูดว่า “ข้าจะให้ผลึกวิญญาณแก่พวกเจ้าคนละ 1 ชิ้น นอกจากนั้นจูเหยียน ข้าจะให้ภาพวาดเลียนแบบของจิตรกรผู้หนึ่งแก่เจ้า จงนำมันไปศึกษาอย่างรอบคอบ ส่วนเหม่ยจู้ เนื่องจากเจ้าชอบในการต่อสู้ ดังนั้นข้าจะส่งต่ออักขระมนตราบางคำของสำนักเต๋าสวรรค์ให้เจ้า และข้าจะสร้างอาวุธที่เหมาะสมให้กับเจ้า”
“ขอบคุณอาจารย์!” จูเหยียนและเหม่ยจู้พูดอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ จงตั้งใจอย่างหนักและคอยสนับสนุนยี่เทียน พวกเจ้าจะได้รับผลประโยชน์ในอนาคต” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
จากนั้นหลิงยี่เทียนก็พาจูเหยียนและเหม่ยจู้ออกจากคฤหาสน์สราญรมย์
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง หลังจากแบ่งผลประโยชน์ให้กับคนในครอบครัวของเขาที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว เขาก็สั่งให้หลิงฉุยฟงส่งผลึกวิญญาณและทรัพยากรการบ่มเพาะบางส่วนให้กับหลิงเจิ้งสง จากนั้นเขาก็เริ่มยุ่งกับเรื่องของภรรยาของเขาต่อ
อันดับแรกคือการหลอมรวมเศษดาวหางทองคำเข้ากับกระบี่ชิวฮง ส่งผลให้คมกระบี่มีรัศมีเจ็ดแสงเปล่งประกายวาววับออกมา และนอกเหนือจากรัศมีที่ส่องประกายออกมาแล้ว พลังแห่งกฎของธาตุโลหะก็ได้หลอมรวมเข้าไปในตัวกระบี่จนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับมัน
จากนั้นเมื่อหลิงตู้ฉิงปรับแต่งเสร็จ เขาก็เดินกลับไปที่เรือนของจ้าวเหมิงลู่ และปักกระบี่คืนเข้าไปที่เดิมที่กลางลานของเรือนนางอีกครั้ง
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มถ่ายทอดเพลงกระบี่เผาผลาญและรูปแบบกระบี่ควบแน่น และสั่งให้จ้าวเหมิงลู่ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตรวมแสงดาราทันที
หลังจากที่เขาจัดการทุกอย่างให้กับจ้าวเหมิงลู่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ไปหาเหลียงเฟ่ยเอ๋อและบอกนางถึงสิ่งที่สำคัญมากสำหรับนาง…