พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 43 กลับเรือน[รีไรท์]
บทที่ 43 กลับเรือน[รีไรท์]
ทั้งหอมรกตแดงตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
ตระกูลเจิ้นเป็นหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลของเมืองฟีนิกซ์ หลายคนเริ่มจินตนาการว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในเมื่อคนจำนวนมากของตระกูลเจิ้นต้องมาตกตายอยู่ในหอนางโลม
เมื่อเห็นเช่นนี้ บรรดาคนที่มุงดูต่างก็เริ่มเดินหนีไม่กล้าที่จะรั้งดูอยู่อีกต่อไป
การดูเรื่องตื่นเต้นบางเรื่องจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งด้วย ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะโดนลูกหลงไปด้วยก็เป็นได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ย่านที่ปกติจะคึกคักที่สุดในช่วงกลางคืนของเมืองฟีนิกซ์ คืนนี้หอมรกตแดงกลายเป็นเงียบเหมือนป่าช้า
เช่นเดียวกับทางกลับเรือนของหลิงตู้ฉิงก็เงียบมากเช่นกัน
เขาอุ้มหลิวเฟ่ยเฟ่ยที่กำลังหมดสติและเดินนำโม่หยูถังกลับเรือนอย่างเงียบ ๆ
เขาไม่ได้ปลุกหลิวเฟ่ยเฟ่ยขึ้นมาหรือวิ่งกลับบ้านอย่างรีบเร่งเพราะเขากำลังวิเคราะห์ความรู้สึกมหัศจรรย์ที่หลิวเฟ่ยเฟ่ยทำให้เขาเพิ่งค้นพบ
โม่หยูถังที่เดินตามหลังหลิงตู้ฉิงได้นึกถึงภาพที่เขาเห็นอีกด้านของหลิงตู้ฉิงในเหตุการณ์สังหารหมู่ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาได้แต่พึมพำสงสัยกับตัวเองว่าหลิงตู้ฉิงบำเพ็ญเพียรถึงระดับใดในชีวิตชาติที่แล้วกัน?
หลังจากเดินมาเป็นเวลานาน หลิวเฟ่ยเฟ่ยก็ตื่นขึ้นมาในที่สุด
หลิงตู้ฉิงรู้สึกตัวทันทีที่นางตื่น
“เจ้าสบายดีไหม?” หลิงตู้ฉิงถาม
หัวใจของหลิวเฟ่ยเฟ่ยเต็มไปด้วยความหวาดกลัวขณะที่นางกระซิบตอบ “นายท่าน ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”
นางไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงจะพานางไปที่ไหนและนางก็กลัวว่าหลิงตู้ฉิงจะพรากเอาชีวิตน้อย ๆ ของนางไปเหมือนกับที่เขาทำกับพวกคนเหล่านั้นที่นางเห็นนอนเป็นศพอยู่ในหอมรกตแดง
อย่างไรก็ตาม ฉากที่นางเห็นก่อนหมดสติทำให้นางกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร นางกลัวจนคิดว่าหากนางหลุดปากเอ่ยอะไรออกไปแม้แต่คำเดียวหลิงตู้ฉิงจะเอาชีวิตนางทันที
หลิงตู้ฉิงวางหลิวเฟ่ยเฟ่ยลงและบอกนางว่า “ต่อไปเจ้าจะอยู่ในเรือนข้า ในอนาคตการบำเพ็ญเพียรของข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า นี่คือสัญญาขายตัวที่ข้าไถ่เจ้ามาจากหอมรกตแดง เก็บมันไว้ด้วยตัวเจ้าเองสิ”
หลิงตู้ฉิงไม่ได้ศึกษาเนื้อหาของสัญญาและไม่ได้สนใจมันเลย
โม่หยูถังรีบกล่าวเสริมให้กับหลิงตู้ฉิง “นายท่านจ่ายเงิน 300,000 เหรียญทองเพื่อไถ่ตัวของเจ้า”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยที่กำลังจะยื่นมือไปรับสัญญา รีบถอนมือของนางอย่างรวดเร็วเมื่อนางได้ยินคำพูดของโม่หยูถัง
ในอดีตนางถูกขายตัวให้กับหอมรกตแดง นางถูกฝึกฝนให้เป็นส่วนหนึ่งของที่นั่นตั้งแต่นางยังเด็ก ในสัญญาที่นางเขียนไว้กับหอมรกตแดงได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า หากเมื่อไหร่ที่นางได้สัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรกลับคืนมา นางก็เป็นอิสระ
นางสามารถมีอิสระที่จะเลือกคู่ครอง หรือทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง แต่ตอนนี้สัญญาของนางอยู่ในมือของหลิงตู้ฉิง ผู้ซึ่งจ่ายเงินไปถึงเหรียญทอง 300,000 เหรียญเพื่อไถ่ตัวนางมา นางเข้าใจทันทีว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนางต้องเป็นคนของหลิงตู้ฉิง ดังนั้นนางไม่สามารถรับสัญญานี้คืนมาได้!
นางก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ข้ารับใช้คนนี้จะตั้งใจดูแลนายท่านเป็นอย่างดี ข้าจะไม่ทำให้นายท่านผิดหวัง!”
แม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะไม่ทราบว่ารายละเอียดของสัญญานั้นคืออะไร แต่เขาก็คาดคะเนได้จากคำพูดของโม่หยูถังและการแสดงออกของหลิวเฟ่ยเฟ่ย ดังนั้นเขาจึงยัดใบสัญญาใส่ในมือของหลิวเฟ่ยเฟ่ยและพูดว่า “ข้าเพียงต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า สัญญานี้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ อย่าพูดถึงเรื่องอื่นเลย กลับเรือนกันเถอะ เมื่อกลับถึงเรือนแล้วหากเจ้ามีอะไรสงสัยเราค่อยมาคุยกันต่อ”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยเก็บสัญญาไว้อย่างตื่นเต้น นางมองหลิงตู้ฉิงด้วยความชื่นชม นางก้มหัวลงแล้วพูดว่า “ข้าจะทำตามทุกอย่างที่นายท่านสั่ง” แม้ว่าสัญญาอยู่ในมือนาง แต่ความรู้สึกตราตรึงก็เกิดขึ้นในใจของนางแล้ว
นั่นเป็นเพราะนางรู้ว่าอันที่จริงแล้วค่าตัวนาง ขอแค่มีเหรียญทองสัก 100,000 เหรียญก็เพียงพอที่จะไถ่ตัวนางได้
แต่หลิงตู้ฉิงกลับใช้ถึง 300,000 เหรียญทอง สิ่งนี้ทำให้หัวใจนางเต้นและทำให้นางรู้สึกผูกพันและมีค่ากับเขา
เมื่อเห็นอาการของหลิวเฟ่ยเฟ่ยในเวลานี้ หลิงตู้ฉิงเริ่มได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่คุ้นเคยตอนที่อยู่ในหอมรกต เขาเหลือบมองไปที่หลิวเฟ่ยเฟ่ยและพูดว่า “ตอนนี้ข้ารู้สึกอยากกลับเรือนไว ๆ แล้วล่ะ พ่อบ้านโม่ เข้ามายืนใกล้ ๆ ข้า ข้าจะพาพวกเรากลับเอง”
หลังจากได้ยินคำสั่งของหลิงตู้ฉิง พ่อบ้านโม่พยักหน้าเบา ๆ และเดินขยับเข้ามาด้านข้างหลิงตู้ฉิง ส่วนหลิวเฟ่ยเฟ่ยนางมองหลิงตู้ฉิงอย่างเหลาหลอ สงสัยว่านายของนางต้องการจะทำอะไร
หลังจากที่โม่หยูถังเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างแล้ว เขาจับแขนของโม่หยูถังและหลิวเฟ่ยเฟ่ยไว้ จากนั้นจึงเปิดใช้วิชาตัวเบาสะบั้นวายุพุ่งไปทางเรือนหลิงอย่างรวดเร็ว
ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงเรือน ในตอนนี้คนอื่น ๆ ในเรือนหลิงก็หลับไปหมดแล้ว การกลับมาของพวกเขาสามคนนั้นไม่ได้ปลุกใครให้ตื่น
โม่หยูถังเหลือบมองหลิงตู้ฉิงอยู่ชั่วครู่และเดินกลับห้องไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
หัวใจของหลิวเฟ่ยเฟ่ยเต้นแรง นางกำลังจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ในขณะนี้นางประหม่าเล็กน้อยแต่นางก็ตั้งตารอคอยเช่นกัน
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองที่หลิวเฟ่ยเฟ่ยและคิดถึงลูกสาวของเขาที่หลับไปแล้ว เขาจึงพูดขึ้น “คืนนี้เจ้ามานอนกับข้าก่อน พรุ่งนี้ข้าค่อยจัดหาห้องให้เจ้า”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยนางก้มหัวลงแล้วตามหลิงตู้ฉิงเข้าไปในห้องด้วยใจระทึก
เมื่อทั้งคู่เข้าไปในห้อง หลิวเฟ่ยเฟ่ยค่อย ๆ ปิดประตูอย่างแผ่วเบาแล้วเดินไปหาหลิงตู้ฉิงที่นั่งอยู่บนเตียงแล้ว แต่เมื่อนางกำลังจะถอดเสื้อผ้าให้หลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและพูดว่า “วันนี้ยังไม่จำเป็นต้องทำต่อ เจ้านอนเสีย ตอนนี้ข้าต้องการความสงบ”
เมื่อได้ยินแบบนี้หลิวเฟ่ยเฟ่ยก็รู้สึกอายมาก นางรีบก้มหน้าเดินไปที่อีกฝั่งของเตียงและสไลด์ตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มทันที
ถ้าเป็นไปได้นางก็ไม่อยากเป็นฝ่ายเริ่มก่อน นางไม่ได้คาดว่าการที่นางเป็นฝ่ายเริ่มนางจะได้รับผลเช่นนี้
นางคิดว่าสักพักหลิงตู้ฉิงจะพูดปลอบใจนาง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ผ่านไปสักพัก นางค่อย ๆ เปิดผ้าห่มที่คลุมหัวนางออก แต่กลับพบว่าหลิงตู้ฉิงกำลังนั่งหลับตาไขว้ขาอยู่บนเตียงข้าง ๆ นาง นางจึงหยุดเคลื่อนไหว!
หลิวเฟ่ยเฟ่ยมองหลิงตู้ฉิงอย่างโง่งม นางนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หอมรกตแดง นางตัวสั่นเทาและไม่กล้ารบกวนเขาอีก แม้แต่เสียงหายใจของนางก็เบาลงมาก นางรู้สึกแปลกใจว่าสรุปแล้วหลิงตู้ฉิงเป็นคนอย่างไรกันแน่
ทางด้านหลิงตู้ฉิงตอนนี้เขาไม่ได้ใส่ใจบรรยากาศในห้องที่มีหลิวเฟ่ยเฟ่ยนอนอยู่ข้าง ๆ เลย
เขาเอาแต่คิดถึงความรู้สึกเมื่อตอนที่เขาอยู่ในหอมรกตแดง เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหลาย ๆ อย่างที่ลึกซึ้ง เมื่อวิเคราะห์อารมณ์ต่าง ๆ ที่เขาเผชิญมาวันนี้ ความเข้าใจในอารมณ์ของเขาเริ่มเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้เขาสามารถสัมผัสได้แล้วว่าเต๋าตู้ฉิงได้พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ เขาสามารถบ่มเพาะในระดับขอบเขตควบแน่นลมปราณได้แล้ว!
ในขณะนี้ทางฝั่งสถานการณ์ของตระกูลเจิ้นได้ปะทุขึ้นแล้ว
เจิ้นสีชวงถูกฆ่าตายเป็นเรื่องใหญ่ของตระกูลเจิ้น
หลังจากได้ยินข่าวการตายของเจิ้นสีชวงแล้ว เจิ้นป่าเจาก็โมโหมาก เขารีบพาผู้คุ้มกันไปที่หอมรกตแดงทันที แล้วเมื่อพวกเขาไปถึง สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือร่างของบรรดายอดฝีมือตระกูลเจิ้นและเจิ้นสีชวงที่นอนเป็นศพอย่างน่าอนาถ
เมื่อเห็นอย่างนี้ ความโกรธในใจของเขาก็ค่อย ๆ จางลงและสีหน้าของเค้าก็เริ่มฉายแววความเศร้าโศกและความกังวล
หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถามผู้ดูแล
“ใครเป็นคนทำ?” เจิ้นป่าเจารู้สึกประหม่า
นี่เป็นเพราะคนอื่นอาจจะไม่ทราบ แต่เขาสามารถรับรู้ได้ว่าผู้เชี่ยวชาญที่เป็นศพเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในขอบเขตช่วงปลายของหลอมลมปราณแล้ว มีแม้กระทั่งสองคนที่บำเพ็ญมาถึงขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 9 และยังมีอีกหนึ่งที่อยู่ในระดับจุดสูงสุดขอบเขตควบแน่นลมปราณ
ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรในระดับประสานทะเลปราณ ก็ไม่น่าจะรับมือคนจำนวนมากขนาดนี้ได้ง่าย ๆ อย่างที่เห็น
และเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนเหล่านี้ถูกฆ่าตายด้วยการเจาะทะลุหัวใจของพวกเขาในการโจมตีครั้งเดียว ทุกคนถูกสังหารอย่างหมดจดไม่มีใครสามารถเข้าไปใกล้อ่างอาบน้ำได้ในระยะ 1 เมตรราวกับว่าพื้นที่รัศมี 1 เมตรรอบอ่างอาบน้ำเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่คนตระกูลเจิ้นไม่อาจก้าวขาเข้าไปได้
หรือเป็นไปได้ไหมที่มีใครบางคนในขอบเขตรวมแสงดารามาเยือนเมืองฟีนิกซ์? นี่คือสิ่งที่เจิ้นป่าเจ่ากังวลมาก
แม้ว่าตระกูลเจิ้นจะเย่อหยิ่งและเผด็จการ แต่พวกเขาก็สำนึกรู้ได้ว่าใครบ้างที่สามารถล่วงเกินได้ และใครบ้างที่ไม่สามารถล่วงเกินได้
ผู้บำเพ็ญเพียรในขอบเขตรวมแสงดาราคือคนที่พวกเขาไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้
แต่เมื่อเขาได้ยินจากผู้ดูแลว่าหลิงตู้ฉิงเป็นคนที่ลงมือฆ่าคนเหล่านี้ เจิ้นป่าเจ่าแทบรู้สึกไม่เชื่อหูตัวเอง
“เป็นไปไม่ได้! มันจะทำได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้ที่ไอ้คนตระกูลหลิงจะมีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้!”