พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 434 ส่งตัวเองไปตาย
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ของอาณาจักรมังกรทะยานเคลื่อนไหว บรรดาผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรจันทราก็สังเกตเห็นเช่นกัน
“ไม่ดีแล้ว พวกมันกำลังบุกไปที่วัง!” ผู้เชี่ยวชาญจากอาณาจักรจันทราตะโกนขึ้น “เฒ่าเฉียน หยุดต่อสู้แล้วรีบกลับไปสนับสนุนเกาะเทียนหยวนก่อน!”
อย่างไรก็ตาม เหลาเฉียนเหลือบมองไปยังทิศทางที่หลงเฉินและคนของเขากำลังมุ่งหน้าไปเพียงแว๊บเดียว และจากนั้นเขาก็หันกลับมาสู้กับคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าเขาต่อ
“เฒ่าเฉียน นี่เจ้ากำลังทำอะไรทำไมเจ้าถึงไม่รีบกลับไปที่เกาะเทียนหยวน!” ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ผู้นั้นพูดอย่างกังวล “แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะทรงเสริมความแข็งแกร่งให้กับการป้องกันของเมืองหลวงเพิ่มขึ้นในตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ถ้าหากพระองค์ต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์มากมายขนาดนั้น ไม่ว่าเมืองหลวงจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถต้านทานได้อยู่แน่นอน!”
หลังจากถูกกระตุ้นอยู่สองรอบติด ในที่สุดเฒ่าเฉียนก็ตอบว่า “เฒ่าซุน เจ้าไม่จำเป็นต้องไปกังวลอะไรกับพวกผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น จงจำไว้อย่างเดียวว่าภารกิจของเราคือการรั้งผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่นี่ให้ได้นานที่สุดก็พอ!”
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” เฒ่าซุนถามอย่างสงสัย
เฒ่าเฉียนยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นเขาส่งข้อความทางโทรจิตตอบกลับไปเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน “เฒ่าซุน เจ้าและคนอื่น ๆ ที่เพิ่งจะให้คำสัตย์สาบานต่อองค์จักรพรรดิว่าจะจงรักภักดีต่ออาณาจักรจันทรามาได้ไม่นานสักเท่าไหร่ ดังนั้นเจ้าจึงยังไม่รู้ความลับอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับอาณาจักรจันทราของเรา ซึ่งแตกต่างจากข้าและอีกหลายคนที่อยู่กับองค์จักรพรรดิมาตั้งแต่พระองค์เพิ่งขึ้นครองราชย์”
“เอาเป็นว่าข้าจะบอกกับเจ้าแบบนี้ก็แล้วกัน หากคนพวกนั้นมันสามารถบุกวังหลวงได้สำเร็จ ข้าจะยอมบั่นคอตัวเองเลยทันที เอาล่ะ แต่ตอนนี้ก็อย่างที่ข้าบอกพวกเราต้องตั้งใจทำภารกิจที่อยู่ตรงหน้าพวกเราให้ดีที่สุด ซึ่งมันก็คือการถ่วงเวลาผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่อยู่ที่นี่เอาไว้ให้ได้นานที่สุด อย่าปล่อยให้พวกเขาหนีไป อ๋อ!และอีกอย่าง พยายามอย่าประมาทจนตัวเจ้าเองถูกฆ่าตายด้วยก็แค่นั้นแหละ”
“แต่นั่นคือผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเกือบร้อยคน…” เฒ่าซุนส่งข้อความกลับอย่างเจ็บปวด “บัดซบจริง! ทำไมพวกผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญจำนวนมากมายขนาดนี้ถึงได้มาจ้องจะเล่นงานพวกเราแบบนี้ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าพวกเราไปสร้างความโกรธแค้นอะไรให้กับพวกมันนักหนา!”
“พวกเขากำลังมองหาสมบัติ!” เฒ่าเฉียนส่ายหัว “ส่วนเรื่องของสถานการณ์ในเมืองหลวงนั้น เจ้าสามารถลืมไอ้พวกผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญพวกนั้นไปได้เลย ต่อให้คนพวกนั้นมันจะมีเป็นพันคนมันก็ไร้ประโยชน์”
“หืม? นี่ท่านกำลังจะบอกว่าที่เมืองหลวงของเรามีไม้เด็ดอะไรซ่อนอยู่งั้นเหรอ?” เฒ่าซุนถาม
เฒ่าเฉียนยิ้ม “เจ้าไม่ได้ข่าวเหรอไงว่าพระบิดาของฝ่าบาทกลับมาแล้ว!”
เฒ่าซุนส่ายหัว “พระบิดาขององค์ฝ่าบาท? แม้ว่าจะมีตำนานมากมายเกี่ยวกับเขา แต่เขาก็เป็นเพียงคน ๆ เดียว นอกจากนี้ในทะเลชางหมางนี้ ขอบเขตสวรรค์สามัญนั้นถือว่าคือระดับการบ่มเพาะสูงสุดแล้ว ต่อให้เขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเช่นกัน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาแค่คนเดียวจะสู้กับผู้เชี่ยวชาญระดับเดียวกันนับร้อยได้หรอก”
“แค่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญงั้นเหรอ?” เฒ่าเฉียนเยาะเย้ย “สาเหตุที่ข้าบุกทะลวงขอบเขตสวรรค์ระดับสวรรค์สามัญได้ก็เพราะว่าข้าได้ฟังพระบิดาของฝ่าบาทบรรยายเรื่อง…อั่ก!…”
เนื่องจากเฒ่าเฉียนมัวแต่ให้ความสนใจกับการอธิบายกับเฒ่าซุน เขาจึงพลาดโดนฝั่งตรงข้ามเล่นงานจนได้ จากนั้นเขาจึงเลิกอธิบายอะไรต่อและหันความสนใจมาสู้กับศัตรูแทน
ในอีกด้านหนึ่ง เฒ่าซุนเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขาและไม่กล้าที่จะรบกวนเฒ่าเฉียน ในใจของเขาสงสัยอย่างมากว่าคณบดีศาลาศักดิ์สิทธิ์ในตำนานนี้มีพลังแบบไหนกัน?
เช่นเดียวกับเฒ่าซุน หลายคนที่ยังไม่เข้าใจความแข็งแกร่งของอาณาจักรจันทราดีพอ บางคนก็เริ่มมีความคิดนอกลู่นอกทาง เมื่อพวกเขาเห็นหลงเฉินและบรรดาผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรมังกรทะยานบินตรงไปยังเมืองหลวง
บางส่วนที่วิตกกังวลในความปลอดภัยของเมืองหลวงก็พยายามที่จะฝ่าวงล้อมออกไปเพื่อกลับไปเสริมกำลังที่เมืองหลวง แต่น่าเสียดายที่พวกเขาก็ถูกผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญหลายคนที่ปิดล้อมอยู่หยุดไว้ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่กลอกตาไปมาเพื่อหาทางหนีเอาตัวรอด เพราะในสายตาของพวกเขาหลายคน หากเมืองหลวงถูกทำลายลงแล้ว และพวกเขายังรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปโอกาสรอดของพวกเขาคงมีไม่มากนัก
อันที่จริง การเคลื่อนไหวของหลงเฉินและคนของเขาก็ถูกเห็นโดยกองทัพมังกรของหลิงว่านจุนที่กำลังตะลุมบอนกับกองทัพที่อยู่พื้นดินเบื้องล่างเช่นกัน “ท่านแม่ทัพ พวกเขาลอบเข้าไปโจมตีเกาะเทียนหยวนแล้ว” ทหารผู้หนึ่งรายงาน
“ไม่ต้องกังวล คนพวกนั้นมันก็แค่ไอ้พวกโง่ที่ส่งตัวเองไปตายก็เท่านั้น!” แม่ทัพผู้นั้นพูดขึ้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
อันที่จริงสถานการณ์ของกองทัพมังกรในตอนนี้นับได้ว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแม้แต่น้อย เนื่องจากในความเป็นจริงแล้วค่ายกลรบที่พวกเขาสำแดงเดชของมันอยู่ในตอนนี้พวกเขายังใช้พลังของมันยังไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ!
หลิงยู่ชานและหลิงว่านจุน ซึ่งอยู่ที่หัวมังกรก็คุยกัน
“น้องสี่ คนพวกนั่นมันมุ่งหน้าไปที่เกาะเทียนหยวน พี่คิดว่าเราน่าจะเริ่มการสังหารหมู่ที่นี่ได้แล้วจริงไหม?” หลิงยู่ซานถามขึ้น
แม้ว่าเขาจะเป็นพี่ชายคนโต แต่เนื่องจากพวกเขายังอยู่ในสนามรบ เขาจึงยังต้องเชื่อฟังคำสั่งของหลิงว่านจุน เนื่องจากหลิงว่านจุนนั้นได้รับหน้าที่ให้เป็นผู้บัญชาการทหาร ส่วนเขานั้นทำหน้าที่เป็นเพียงแนวหน้าทะลวงสังหาร
หลิงว่านจุนส่ายหัว “ไม่ต้องรีบหรอกพี่ใหญ่ ให้มันเป็นไปแบบนี้ก็ดีแล้วที่เราสามารถรักษาสภาพปัจจุบันของเราไว้ได้ ไว้รอท่านพ่อและคนอื่น ๆ มาถึงเมื่อไหร่ เมื่อนั้นพวกเราค่อยเริ่มการสังหารก็ไม่สาย และเมื่อเริ่มการเข่นฆ่า ข้าจะให้สองคนนั้นเป็นเขี้ยวเล็บในการเปิดทางสังหาร”
เกาหยู ผู้ที่บ่มเพาะวิชาปีศาจศักดิ์สิทธิ์กลืนกิน เมื่อเขาได้รับอนุญาตจากหลิงยี่เทียนเขาจึงเริ่ม ‘กินเหล่าศัตรู’ ในสนามรบ
ส่วนเหตุผลที่หลิงยี่เทียนต้องอนุญาตเช่นนี้ก็เพราะว่าเขาไม่สามารถสนับสนุนการกินของเกาหยูได้จริง ๆ เนื่องจากเกาหยูต้องกินเหรียญคริสตัลระดับวิญญาณครั้งละหลายพันเหรียญ ซึ่งหากตีเป็นเหรียญทองแล้วมันก็มีมูลค่านับร้อยล้านเหรียญทองต่อครั้งที่เขากิน ดังนั้นหลิงยี่เทียนจึงไม่มีทางเลือกและอนุญาตให้เขากินบรรดาผู้เชี่ยวชายฝั่งศัตรูในสนามรบได้
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชื่อเสียงอันน่าหวาดหวั่นของเกาหยูก็ขจรขจายไปไกลโดยเฉพาะคำร่ำลือเกี่ยวกับภาพการอ้าปากกว้างของเกาหยูที่ดูดกลืนเหล่าผู้เชี่ยวชาญลงไปในกระเพาะของเขาทีละคน ๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย
ส่วนอีกคนก็คือหลูหลิง ด้วยพิษของเขา บรรดาศัตรูทั้งหลายที่ได้ยินชื่อของเขาต่างก็ต้องขนหัวลุก เนื่องจากพิษอันร้ายแรงของเขานั้นหากใครสูดมันเข้าไปแล้วล่ะก็ไม่มีทางรอดแน่นอน และที่สำคัญบ่อยครั้งที่สองคนนี้จะทำงานร่วมกัน โดยหลูหลิงจะเป็นผู้เอาชนะเหล่าผู้เชี่ยวชาญก่อนแล้ว จากนั้นเขาจะให้เกาหยูกลืนคนผู้นั้นลงไปในท้องอีกที
ในขณะนี้ เกาหยูและหลูหลิงนั้นได้ซ่อนตัวอยู่ในมังกรยักษ์ตัวนี้เช่นกัน
ต่อมาไม่นาน เกาหยูและหลูหลิงที่เห็นสถานการณ์การรบด้านนอกเช่นกันก็ทนไม่ไหวปรากฎกายขึ้นจากร่างของมังกรยักษ์ และถามว่า “ท่านผู้บัญชาการ ตอนนี้พวกเราลงมือได้แล้วรึยัง?”
“ในเมื่อคนพวกนั้นไปโจมตีเกาะเทียนหยวนเรียบร้อยแล้ว พ่อของข้าและคนอื่น ๆ ก็คงน่าจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้” หลิงว่านจุนพูดกับพวกเขา “เตรียมตัวให้พร้อม เมื่อพ่อของข้าและคนอื่น ๆ มาถึง มันก็ถึงเวลาที่จะตอบโต้พวกหลงซาน เกาหยูไม่ว่าเจ้าจะสามารถทะลวงระดับสวรรค์สามัญได้หรือไม่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการต่อสู้ครั้งนี้”
เกาหยูตอบกลับอย่างเฉื่อยชา “ด้วยจำนวนของไอ้พวกผู้เชี่ยวชาญฝั่งตรงข้ามที่มีมากขนาดนี้ และด้วยการบรรยายของอาจารย์หลิงล่าสุดที่ผ่านมาเกี่ยวกับระดับสวรรค์สามัญ ข้ามั่นใจว่าข้าย่อมสามารถทะลวงได้อย่างแน่นอน และเมื่อข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเมื่อไหร่ ข้าก็จะยิ่งกินได้มากขึ้นไปอีก!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลายคนที่ได้ยินก็ถึงกับสะดุ้ง ส่วนหลิงว่านจุนเองก็เหลือบมองไปที่เกาหยู แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขายังคงสั่งให้กองทหารต่อสู้ต่อไป
ในอีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ ที่อยู่ในรถม้าก็กำลังบินตรงมาที่สนามรบเช่นกัน ในตอนนี้พวกเขาได้บินมาถึงเกาะไท่อี้แล้ว
แต่เมื่อพวกเขามาถึงเกาะไท่อี้ พวกเขาก็เห็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญหลายสิบคนกำลังบินตรงเข้ามาเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญหลายสิบคนเหล่านี้เป็นเหล่าคนที่กำลังมุ่งหน้าจะไปบุกเกาะเทียนหยวนด้วยภายใต้การนำของหลงเฉิน
เมื่อเห็นรถม้ากำลังบินเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับปีศาจกระทิงอเวจีที่ดึงรถม้า หลงเฉินและคนของเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยุดบินและจ้องไปที่ปีศาจกระทิงอเวจีที่กำลังบินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคิดในใจ ‘พวกที่อยู่ในรถม้านั่นคือใครกัน?’
ในขณะนี้กงหนิวและเสี่ยวเยว่เฟิงที่เห็นกลุ่มคนที่ขวางอยู่ด้านหน้า พวกเขาก็หยุดรถและร่อนลงกับพื้น จากนั้นรายงานสถานการณ์ให้หลิงตู้ฉิงฟัง
หลิงตู้ฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็เปิดประตูรถม้าและเดินออมามองไปที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญนับสิบคนแล้วพูดขึ้นว่า “หากพวกเจ้ากำลังจะไปหาพวกข้าที่เกาะเทียนหยวน พวกเจ้าคงไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเวลามุ่งหน้าไปหรอก พวกข้าทั้งหมดที่พวกเจ้าตามหาอยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว!”