พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 475 เครื่องรางไม้ประหลาด
นอกอารามนวดารา ฟางหมิงยู่และคนจากอีกสามสำนัก ต่างยืนหน้ามุ่ยไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ
ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นประตูแห่งความสำเร็จอยู่ห่างจากพวกเขาไปไม่ไกลแล้ว แต่ทำไมตอนนี้เรื่องราวมันกลับตาลปัตรได้ขนาดนี้?
“เราควรทำยังไงกันต่อดี? เราควรจะถอยกลับสำนักของพวกเรางั้นเหรอ?” จางไป๋อู่ ถาม “ด้วยอำนาจของค่ายกลกระบี่ที่ฝั่งนั้นมี เราไม่มีทางเทียบกับมันได้แน่นอน ข้าเกรงว่าหากเราฝืนบุกเข้าไปเราคงจะตายกันหมด”
อี้ตงเทียนถอนหายใจและพูดว่า “คนผู้นั้นบอกกับเราว่าเขามาจากทะเลชางหมาง ถ้างั้นก็แสดงว่าเขาต้องเป็นผู้ที่ค้นพบสมบัติลับของทะเลชางหมางแน่นอน ข้าคิดว่าถ้าข้ากลับไปที่สำนักของข้าเมื่อไหร่ ข้าคงจะต้องส่งคนไปที่ทะเลชางหมางเพื่อลองเสี่ยงโชคดูบ้างแล้ว หากโชคดีได้รับสมบัติที่แข็งแกร่งเช่นคนผู้นั้น สำนักของข้าจะได้ลืมตาอ้าปากได้บ้าง”
หลานฟ่างจุนพูดอย่างเย็นชา “เจ้าสำนักอี้ สิ่งที่เรากำลังคุยกันตอนนี้คือปัญหาเรื่องอารามนวดารา ท่านอย่านอกประเด็นจะได้ไหม? ตอนนี้เมื่ออารามนวดารามีกำลังเสริมที่แข็งแกร่งเข้ามาช่วยเหลือแล้ว เราต้องตัดสินใจว่าเอายังไง? เราควรจะอยู่ต่อหรือเราจะแยกย้ายกันกลับสำนัก?”
พวกเขาทั้งสี่มองหน้ากันแล้วมองไปที่ฟางหมิงยู่
“ผู้อาวุโสฟาง ในที่นี่ท่านเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้งที่สุด ข้าขอให้ท่านเป็นคนตัดสินใจก็แล้วกัน” จางไป๋อู่พูด
ฟางหมิงยู่พูดช้า ๆ “ตามความคิดของข้าคือพวกเราควรอยู่รอดูต่อไป! ถ้าสังเกตให้ดี ๆ ทุกคนน่าจะได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่ควบคุมค่ายกลกระบี่และอารามนวดารานั้นพวกเขาไม่ได้คุ้นเคยกันมากนัก ดังนั้นเราควรจะต้องอยู่รอดูสถานการณ์ไปก่อน ไม่แน่ว่าคนผู้นั้นที่ครอบครองค่ายกลกระบี่อาจจะไม่ได้มาเพื่อช่วยเหลืออารามรวดารา แต่มาเพราะมีจุดประสงค์เดียวกับเราก็ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยและเริ่มคิดตาม
จากนั้นตามคำแนะนำของฟางหมิงยู่ พวกเขาก็ยังไม่จากไปและส่งคนออกไปคอยจับตาดูอารามนวดาราอย่างลับ ๆ
ภายในอารามนวดารา หลังจากการถกกันอย่างเคร่งเครียดสองชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดหยวนต้าตงก็ตกลงตามข้อเรียกร้องของหลิงตู้ฉิง
แม้ว่าหยวนต้าตงจะไม่ต้องการ แต่ด้วยเหตุผลที่หวางหมิงหยวนได้เอ่ยขึ้นต่าง ๆ นานา และการเห็นด้วยของผู้อาวุโสระดับสูงอีกสองคน เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องตกลง แน่นอนว่ายังมีอีกเหตุผลที่สำคัญมากก็คือทั้งสี่สำนักยังคงปิดล้อมอารามนวดาราอยู่ หากเขาไม่เลือกทำการค้ากับหลิงตู้ฉิง แน่นอนว่าทั้งสี่สำนักจะบุกเข้าทำลายอารามนวดาราของเขาเมื่อหลิงตู้ฉิงจากไปทันที
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หยวนต้าตงจะกล้าปฏิเสธพูดอะไรได้?
“ผู้อาวุโส เราเห็นด้วยกับข้อตกลงของท่าน โปรดช่วยอารามนวดาราของเราด้วย!” หวางหมิงหยวนเข้ามาหาหลิงตู้ฉิง และพูดขึ้น
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “พาข้าไปที่คลังสมบัติของพวกเจ้าก่อน จากนั้นข้าจะคำนวณว่าข้าควรช่วยอะไรพวกเจ้าบ้าง”
“ท่านผู้อาวุโสโปรดตามข้ามา!” หวางหมิงหยวนพยักหน้าและออกตัวเดินนำ
หลิงตู้ฉิงหันกลับมาและพูดกับหลงเฉินว่า “เจ้าอยู่ที่นี่อย่าเดินไปไหน โม่เอ๋อ เจ้าเองก็คอยอยู่ที่นี่เช่นกัน”
โม่เอ๋อรีบพูด “นายท่าน ข้าจะไปกับท่าน!”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ไม่จำเป็น ข้าจะนำค่ายกลกระบี่เหินเมฆาไปด้วย ส่วนยันต์เคลือบหยกนี้ข้ามอบให้เจ้า”
เขาส่งยันต์เคลือบหยกให้โม่เอ๋อและนำค่ายกลกระบี่เหินเมฆามุ่งหน้าไปที่คลังสมบัติของอารามนวดารา ด้วยค่ายกลกระบี่ที่อยู่ในมือเขาตอนนี้ หลิงตู้ฉิงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องใด แม้ว่าอารามนวดาราจะเล่นตุกติกกับเขา
ในทำนองเดียวกันกับยันต์เคลือบหยกที่เขามอบให้กับโม่เอ๋อเมื่อครู่ เขาเองก็ไม่มีอะไรต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของทางด้านรถม้าเช่นกัน
หลังจากได้ยันต์เคลือบหยกมาอีกชิ้น โม่เอ๋อก็มีความสุขมาก และเมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงนำค่ายกลกระบี่ติดตัวไป นางก็เลิกเซ้าซี้ที่จะตามไปปกป้องหลิงตู้ฉิง
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงนำค่ายกลกระบี่เหินเมฆามาด้วย คิ้วของหวางหมิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะกระตุก เขาแอบเตือนคนอื่น ๆ ว่าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเด็ดขาด เขาเป็นคนที่เคยเห็นค่ายกลกระบี่เหินเมฆาด้วยตาของเขาเองมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่ามันทรงพลังเพียงใด
เมื่อได้รับการเตือน หยวนต้าตงและคนอื่น ๆ ต่างก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรที่อาจทำให้หลิงตู้ฉิงเข้าใจผิด พวกเขาต่างพาหลิงตู้ฉิงเข้าสู่คลังสมบัติของอารามนวดาราแต่โดยดี
เมื่อเข้าไปด้านในคลังสมบัติ หลิงตู้ฉิงก็มองไปที่วัสดุที่มีอยู่มากมายในคลัง จากนั้นเขาก็ส่ายหัวพลางคิดในใจ ‘นี่หรือคือมรดกของสำนัก!’
ในแง่ของมูลค่า หากเขาหยิบสมบัติที่อยู่ในร่างของเขาออกมาสักชิ้น มันก็น่าจะมีมูลค่าพอ ๆ กับสมบัติในคลังทั้งหมดของอารามนวดารา
ถึงแม้ว่าจากการมองคร่าว ๆ ของเขาตอนนี้จะเห็นว่าสมบัติที่อยู่ในคลังแห่งนี้จะไม่มีอะไรให้น่าสนใจเลย แต่หลิงตู้ฉิงก็ยังคงไม่ล้มเลิกความพยายามง่าย ๆ เขาเริ่มทำการเดินหาและมองไปทั่ว ๆ อย่างละเอียดเผื่อจะมีอะไรที่หลบพ้นสายตาของเขา
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงค่อย ๆ หยิบของทีละชิ้น เหล่าคนของอารามนวดาราก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ถ้าหลิงตู้ฉิงเอาของในคลังไปทั้งหมด พวกเขาเองก็คงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เนื่องจากพวกเขาเองก็คงไม่สามารถต่อต้านได้ ดังนั้นเมื่อเห็นภาพเช่นนี้พวกเขาก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าผู้อาวุโสคนนี้เป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือ
ในขณะที่หลิงตู้ฉิงสำรวจคลังสมบัติไปเรื่อย ๆ ในตอนนี้เขาได้เก็บสิ่งของเจ็ดถึงแปดชิ้นไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้มาถึงส่วนสุดท้ายของคลังสมบัติ
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองและถามว่า “วัสดุระดับจักรพรรดิอยู่ที่ไหน?”
ที่เขาถามเช่นนี้นั้นเป็นเพราะตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในคลังสมบัติจนถึงตอนนี้ เขายังคงไม่เห็นวัสดุระดับจักรพรรดิใด ๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างก็มองไปที่หยวนต้าตงที่กำลังยิ้มด้วยความลำบากใจ “ผู้อาวุโส มันอยู่กับข้า…แหวนมิติของเจ้าสำนักรุ่นก่อนเป็นข้าที่เป็นคนเก็บมันไว้”
“เอามันมาให้ข้า ข้าจะนับว่ามันเป็นรายการที่เก้า!” หลิงตู้ฉิงยิ้ม
หยวนต้าตงพยักหน้าและส่งวัสดุระดับจักรพรรดิให้หลิงตู้ฉิง
เดิมทีเขาต้องการนำมันไปแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรที่เหมาะสมกับการบ่มเพาะของเขา แต่ตอนนี้ในเมื่อทุกคนรู้เรื่องของมันแล้วเขาจึงหมดหวังที่จะได้ทำเช่นนั้นไป แล้วยิ่งตอนนี้ที่อารามนวดาราของพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะต้องนึกถึงประโยชน์ของอารามนวดาราก่อน
เมื่อเห็นว่าวัสดุได้ถูกมอบออกไปแล้ว ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็ไม่ต้องการที่จะไปเซ้าซี้อะไรกับหยวนต้าตงอีก พวกเขาพูดกับหลิงตู้ฉิงแทนว่า “ผู้อาวุโส สำหรับรายการที่สิบทำไมท่านไม่เลือกสมุนไพรระดับสวรรค์อันนี้ไปแทน?”
เนื่องจากหลิงตู้ฉิงดูมีความน่าเชื่อถือ พวกเขาจึงลองเสนอของล้ำค่านี้ให้กับเขา เพราะพวกเขาเข้าใจว่าหลิงตู้ฉิงจะต้องตอบแทนสิ่งดี ๆ มาให้กับพวกเขาแน่นอน
อันที่จริงอีกใจหนึ่งพวกเขาก็ยังคงกลัวว่าสิ่งที่หลิงตู้ฉิงเอาไปนั้นมันจะไม่มีค่าพอจนหลิงตู้ฉิงเห็นว่ามันไม่คุ้มค่าที่จะเสียแรงให้ความช่วยเหลือแก่อารามนวดารา
“ดอกแสงจันทรา!” หลิงตู้ฉิงมองไปที่สมุนไพรระดับสวรรค์และพูดขึ้นอย่างพอใจ “ถ้าใช้ดอกแสงจันทรานี้ร่วมกับกับสมุนไพรอื่น ๆ อีก 2-3 อย่าง ข้าก็จะสามารถหลอมโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ได้ พวกเจ้ารู้จักใช่ไหมโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์? มันมีความสามารถในการทำให้ผู้ที่กลืนกินมันมีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎแห่งสวรรค์และโลกลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งมันเป็นของสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการบ่มเพาะในขอบเขตสวรรค์”
“ซึ่งจากการที่ข้าตรวจสอบคลังของพวกเจ้าแล้ว ข้าเห็นว่าพวกเจ้ามีสมุนไพรทั้งหมดที่จำเป็นในการหลอมโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์แล้วอีกต่างหาก ถ้าพวกเจ้าเต็มใจ ข้าสามารถหลอมโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเจ้าได้ แต่หลังจากที่ข้าหลอมโอสถเสร็จแล้ว มันจะเป็นของข้าครึ่งหนึ่ง! และมันจะไม่รวมอยู่ใน 10 รายการที่ข้าแลกเปลี่ยนกับพวกเจ้า พวกเจ้าจะตกลงไหม?”
“ผู้อาวุโส พวกเราตกลง!” ทุกคนตอบรับด้วยความตื่นเต้น
แน่นอนว่าพวกเขาเคยได้ยินชื่อของโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ และพวกเขาก็รู้ถึงสรรพคุณของมันเป็นอย่างดี หากพวกเขาได้รับโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ มันจะทำให้พวกเขาสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งของสำนักให้เหมือนเดิมได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ที่สำนักของพวกเขากำลังเผชิญอยู่ ดังนั้นแน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องตอบตกลง
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “ดี! ถ้างั้นพวกเจ้าก็จงไปรวบรวมส่วนผสมของโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์มาให้ข้าทั้งหมด! สำหรับรายการที่สิบข้าจะเลือกอันนี้”
ขณะที่หลิงตู้ฉิงพูด เขาก็ก้มลงไปหยิบเครื่องรางไม้อันเท่าฝ่ามืออันหนึ่งขึ้นมา
สิ่งของทั้งหมดก่อนหน้านี้ที่เขาเลือกทุกชิ้น หากเขาจะเก็บมัน หลิงตู้ฉิงจะทำเพียงแค่โบกมือส่งพลังวิญญาณไปจับมันและให้มันลอยเข้ามาหาเขาเท่านั้น
แต่กับเครื่องรางไม้ชิ้นนี้ กลับเป็นเขาเองที่ต้องเดินไปหาและก้มลงไปหยิบมันด้วยตัวเอง
นี่เป็นเพราะเครื่องรางไม้ชิ้นนี้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ด้วยพลังวิญญาณ!