พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 507 ตัดสัมพันธ์สำนักเก่า
หลิงตู้ฉิงจากมาโดยไม่รู้ว่าการย้ำเตือนของเขานั้นจะถูกเข้าใจผิดโดยคนของสำนักวิญญาณโลหิตเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดของเขาก็ได้กระตุ้นความกระตือรือร้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในด้านการบ่มเพาะของสำนักวิญญาณโลหิต
“ตรงไปที่อาณาเขตสุสานกระบี่!” หลิงตู้ฉิงออกคำสั่ง
เรื่องของสำนักวิญญาณโลหิตได้รับการแก้ไขแล้ว และเขาก็มีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสุสานกระบี่เรียบร้อย ดังนั้นเมื่อเขาไปถึงที่นั่น พวกเขาย่อมไม่ต้องไปตามหาเบาะแสของเทพกระบี่อย่างมืดมน
แต่แล้วเมื่อพวกเขาเดินทางไปได้ไม่ไกล พวกเขาก็ถูกใครบางคนหยุดเอาไว้
ผู้ที่หยุดพวกเขาไว้ก็คือ หงเยว่ แห่งตำหนักหอมรัญจวน “ความโด่งดังของนายท่านนั้นทำให้ข้าพบกับท่านได้ง่ายจริง ๆ!” หงเยว่เอ่ยพลางส่งรอยยิ้ม “ตั้งแต่ที่ท่านพาศิษย์ข้าจากไป ข้าก็คิดถึงศิษย์ข้าเป็นอย่างมาก ว่าแต่ศิษย์ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง? นายท่านกินทุกอย่างของศิษย์ข้าเสร็จแล้วใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงเอียงศีรษะและมองไปที่หมิงยู่ที่อยู่ข้าง ๆ เขาแล้วพูดว่า “ข้าให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน”
หมิงยู่ยิ้มและพูดว่า “นายท่าน ข้าขอไปพบกับนางก่อน โปรดท่านรอข้าสักครู่ ไม่ว่ายังไงนางก็เคยเป็นอาจารย์ของข้า”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ไปเถอะ”
เขาเข้าใจว่า หงเยว่ส่งหมิงยู่มาอยู่เคียงข้างเขาโดยมีจุดประสงค์อื่น ดังนั้นทันทีที่พวกเขาออกจากสำนักวิญญาณโลหิต หงเยว่จึงรีบมาหยุดพวกเขาไว้ ซึ่งในตอนนี้หงเยว่อาจจะต้องการข้อมูลของการเปลี่ยนแปลงของสำนักวิญญาณโลหิต! อย่างไรก็ตามในเมื่อตอนนี้หมิงยู่ได้เป็นเจ้าสำนักวิญญาณโลหิตแล้ว ดังนั้นนางจะต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ด้วยตนเอง
ในขณะนี้ หงเยว่ที่รออยู่ข้างนอกตกใจมาก เมื่อนางเห็นหมิงยู่ปรากฏกายขึ้น
มันเมื่อไม่นานมานี้เองที่พวกนางเจอกันครั้งสุดท้าย? แต่แล้วทำไมศิษย์ของนางตอนนี้กลับสามารถพัฒนาระดับการบ่มเพาะจากขอบเขตประสานทะเลปราณไปสู่ระดับนภาครามได้อย่างไร?
นางจ้องมองไปที่หมิงยู่ด้วยสายตาเหม่อลอยโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไร หรือต่อให้นางต้องการจะถาม แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มถามจากตรงจุดไหน
หมิงยู่ยิ้ม “อาจารย์ ท่านต้องการพบข้าทำไมงั้นเหรอ?”
เมื่อได้สติ หงเยว่จึงรีบถามขึ้นว่า “นี่เจ้าเป็นศิษย์ของข้าจริง ๆ งั้นเหรอ?”
หมิงยู่ยิ้มและพูดว่า “สถานะของข้าตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งข้าจะเป็นศิษย์ของท่านหรือไม่ก็ได้”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” หงเยว่ถาม “นอกจากนี้ข้ารู้ว่าเจ้าเองก็เข้าไปในสำนักวิญญาณโลหิตเช่นกัน เจ้าบอกข้าทีว่าเกิดอะไรขึ้นภายในนั้นกันแน่?”
หมิงยู่ยิ้มและพูดว่า “ข้าติดตามนายท่านไปยังสำนักวิญญาณโลหิตและได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่และเรียนรู้วิชาโลหิตอมตะของสำนักวิญญาณโลหิต ดังนั้นตอนนี้ข้าคือเจ้าสำนักวิญญาณโลหิต ส่วนร่างกายของข้าในตอนนี้ที่ท่านเห็นก็คือร่างจำแลงที่ถูกสร้างขึ้นจากทะเลโลหิต”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หงเยว่รู้สึกตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง
นางจ้องมองไปที่หมิงยู่ด้วยความงุนงงและหัวเราะอย่างขมขื่น “ข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมพวกเจ้าถึงใช้เวลานานกว่าจะออกมาจากสำนักวิญญาณโลหิตและเหตุใดจึงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสำนักวิญญาณโลหิต มันกลับกลายเป็นว่าเจ้าได้กลายเป็นเจ้าสำนักวิญญาณโลหิตแล้ว ยังไงซะข้าก็ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วยก็แล้วกัน”
หมิงยู่หัวเราะ “อาจารย์ ในอนาคตข้าจะไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับตำหนักหอมรัญจวนอีกต่อไป แต่แน่นอนว่าข้าจะยังไงระลึกไว้ว่าท่านคืออาจารย์ของข้า เพราะถ้าหากไม่ใช่เพราะท่านแล้วข้าคงไม่ได้ติดตามนายท่าน และข้าคงไม่ได้ไปที่สำนักวิญญาณโลหิตและข้าคงไม่ได้รับผลประโยชน์เช่นนี้ ดังนั้นหากท่านต้องการความช่วยเหลือในอนาคต ท่านสามารถไปหาข้าที่สำนักวิญญาณโลหิตได้ทุกเมื่อ”
ในเมื่อตอนนี้สถานะของนางได้เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นนางจึงต้องตัดความสัมพันธ์กับตำหนักหอมรัญจวนออกไป
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หงเยว่ก็แสดงสีหน้าอันซับซ้อนขึ้นพร้อมกับพูดว่า “ในเมื่อเจ้าไปได้ดีเช่นนี้ ข้าเองก็มีความสุขกับเจ้าไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นตำหนักหอมรัญจวนของเราไม่ได้มีกฎห้ามศิษย์ของเราเปลี่ยนไปเข้าร่วมกับสำนักอื่น แต่เนื่องจากตอนนี้เจ้าไม่ได้เป็นศิษย์ของตำหนักหอมรัญจวนแล้ว เจ้าคงจะรู้กฎดีว่าเจ้าไม่สามารถเผยแพร่ทุกอย่างเกี่ยวกับวิชาและความลับของตำหนักหอมรัญจวนได้ ไม่เช่นนั้นแม้ว่าข้าจะไม่ทำให้เจ้าเดือดร้อน แต่คนอื่น ๆ ก็จะต้องมีปัญหากับเจ้า”
“ไม่ต้องกังวลข้ารู้กฎของตำหนักหอมรัญจวนดี” หมิงยู่หัวเราะ
“เอาล่ะ ข้ารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในสำนักวิญญาณโลหิต อันที่จริงที่ข้ามาที่นี่ตั้งแต่แรกก็เพื่อถามเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้นี่แหละ ตอนนี้ข้าไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว” หงเยว่ ฃถอนหายใจ
นางส่ายหัวและจากไป อันที่จริงนางรู้สึกอิจฉาศิษย์ของตัวเองเล็กน้อยอยู่ในใจเพราะสถานะของนางในตำหนักหอมรัญจวนนั้นไม่สามารถเทียบกับหมิงยู่ ที่ในตอนนี้กลายเป็นเจ้าสำนักวิญญาณโลหิตได้เลย!
เหตุใดโอกาสโชคดีเช่นนี้จึงไม่เป็นของนางบ้าง?
หงเยว่จากไปด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว ส่วนทางด้านหมิงยู่ก็กลับไปที่รถม้าราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรอื่น หลงเฉินจึงลากรถม้าตรงไปที่อาณาเขตสุสานกระบี่อีกครั้ง
“นายท่าน ข้าไม่ใช่ศิษย์ตำหนักหอมรัญจวนอีกแล้ว” หมิงยู่หัวเราะ
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ถามเจ้าเกี่ยวกับตำหนักหอมรัญจวน แต่อันที่จริงข้ารู้หลายอย่างเกี่ยวกับตำหนักหอมรัญจวนของเจ้าดีกว่าเจ้าเสียอีก”
หมิงยู่พูดด้วยความประหลาดใจ “นายท่านชอบมีเรื่องลึกลับ ทำให้ข้าอยากรู้อยากเห็นอยู่เรื่อยจริง ๆ!”
“เจ้าจะรู้ทั้งหมดเองในภายหลัง” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
หลังจากนั้นเขาก็ส่งโอสถเม็ดหนึ่งที่เขานำมาจากสำนักวิญญาณโลหิตไปให้กับโม่เอ๋อ และพูดว่า “โอสถทองคำม่วงนี้มีพลังแห่งกฎที่เจ้าบ่มเพาะอยู่ มันจะทำให้รากฐานการบ่มเพาะของเจ้ามั่นคงยิ่งขึ้น”
“ขอบคุณนายท่าน!” โม่เอ๋อรับมันด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ส่งโอสถอีก 2 เม็ดให้เสี่ยวเยว่เฟิงและหลงเฉิน และพูดว่า “โอสถขัดเกลาวิญญาณ สามารถช่วยขัดเกลาดวงจิตแท้จริงของพวกเจ้าได้ แต่อย่าใจร้อนที่จะบุกทะลวงระดับ มิฉะนั้นพวกเจ้าจะไม่สามารถเข้าสู่ทะเลชางหมางในอนาคตตอนเรากลับไปได้ แค่ใช้โอกาสนี้ในการทำให้รากฐานการบ่มเพาะของพวกเจ้ามั่นคงขึ้น เพื่อที่ในอนาคตตอนที่พวกเจ้าทะลวงระดับไปยังระดับเหนือล้ำ พวกเจ้าจะได้ทำได้ง่ายขึ้น” เสี่ยวเยว่เฟิงและหลงเฉินรีบแสดงความขอบคุณทันที
ในตอนนี้ หลงเฉินรู้สึกว่าการได้มาลากรถม้านั้นคือโอกาสทองของชีวิตเขาจริง ๆ เขาได้รับทั้งเคล็ดวิชาและโอสถล้ำค่าต่าง ๆ แถมระดับการบ่มเพาะก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนมันเหมือนกับว่าเขาฝันไป สิ่งนี้ทำให้เขาหวังว่าเขาจะได้ลากรถม้าต่อไปเรื่อย ๆ
หรือต่อให้เขาจะไม่ได้สิ่งเหล่านั้นและได้ลากรถม้าเพียงอย่างเดียว แต่การได้ติดตามหลิงตู้ฉิงมันก็ทำให้เขาได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ทุกอย่างที่น้อยคนนักจะได้เห็น แถมยังได้รับสิทธิพิเศษในการฟังบรรยายเกี่ยวกับกฎทุกประเภทที่หลิงตู้ฉิงบรรยาย ซึ่งมันส่งผลให้การบ่มเพาะของเขาราบลื่นขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจะไม่พอใจได้อย่างไร?
เย่ชิงเฉิงยิ้มอย่างมีความสุขให้กับหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “สามี ถึงข้าจะแต่งงานกับท่านแล้ว แต่ท่านยังไม่ได้ให้ของหมั้นกับพ่อแม่ของข้า คราวนี้เมื่อเรากลับไปถึงบ้านของข้า ท่านต้องมอบของหมั้นกับพ่อแม่ข้าให้มันดี ๆ หน่อยนะสามี”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าจำได้ว่าแม่ของเจ้าอยู่ในขอบเขตราชันใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้โอสถกำหนดเต๋ากับนางก็แล้วกัน”
เย่ชิงเฉิงรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ จากนั้นนางจึงถามขึ้นว่า “สามี นี่ท่านมีโอสถกำหนดเต๋าด้วยงั้นเหรอ? อย่าบอกนะว่าท่านได้มากจากสำนักวิญญาณโลหิต?”
นี่คือโอสถระดับจักรพรรดิขั้นสูงสุด ซึ่งมันเอาไว้ใช้เป็นตัวช่วยในการทะลวงขอบเขตจากขอบเขตราชันเป็ฌนขอบเขตจักรพรรดิ!
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ข้าเอามา 3 เม็ด ดังนั้นข้าจะให้มันกับแม่ของเจ้าหนึ่งเม็ด! ด้วยโอสถกำหนดเต๋า แม่ของเจ้าจะทะลวงขอบเขตไปยังขอบเขตจักรพรรดิได้ง่ายขึ้นมาก”
“ขอบคุณสามี!” เยว่ชิงเฉิงหัวเราะคิกคัก “แม่ของข้าคงจะมีความสุขมากเชียวล่ะถ้านางได้รับมัน!”
หลิงตู้ฉิงไม่ได้พูดอะไรต่อ ตราบใดที่เขาบรรลุไปถึงระดับสวรรค์สามัญ เขาจะสามารถหลอมโอสถเหล่านี้ได้ สิ่งที่เขาขาดนั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงวัสดุเท่านั้น