พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 515 ลูกหลานของข้า?
เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงต้องการหยดเลือดเพื่อไปพิสูจน์ ผู้นำตระกูลกู๋ กู๋หยงฟาน ก็รีบนำเลือดของตนเองส่งให้กับหลิงตู้ฉิงทันที
จากนั้นเมื่อหลิงตู้ฉิงได้รับหยดเลือดมาเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันแปลกประหลาดออกมาจากหยดเลือดของกู๋หยงฟานทันที ซึ่งมันทำให้เขาไม่ใช่ทักษะสืบค้นต้นกำเนิดอย่างเปิดเผยเหมือนสองตระกูลที่แล้ว เขาเลือกที่จะใช้ทักษะสืบค้นต้นกำเนิดอย่างลับ ๆ เพื่อเห็นที่มาของตระกูลกู๋แค่เพียงคนเดียว
แต่หลังจากที่เขาดูที่มาของตระกูลกู๋จนจบ เจตจำนงสังหารก็แผ่ออกมาจากร่างของหลิงตู้ฉิงอย่างรุนแรงทันที
เขาไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะหาญกล้าแสร้งทำตัวเป็นลูกหลานของเทพกระบี่ และทำตัวราวกับไม่รู้จักคำว่า ตาย!
หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงลงมือถอนรากถอนโคนตระกูลกู๋ให้หายออกไปจากโลกแล้วแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ โดยเฉพาะที่ระดับการบ่มเพาะของกู๋หยงฟานนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอ มันจึงไม่สะดวกเป็นอย่างมากหากเขาจะลงมือจริง ๆ ตอนนี้
เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตจำนงสังหารของหลิงตู้ฉิง กู๋หยงฟานก็รีบถอยตัวออกห่างและตะโกนขึ้นทันที “นี่เจ้าต้องการจะทำอะไร?”
หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็นำหยดเลือดของกู๋หยงฟานหยดลงไปบนป้ายคำสั่งและพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “เจ้าไม่ใช่ลูกหลานของเทพกระบี่ หากเจ้าเป็นทำไมป้ายคำสั่งในมือของข้าถึงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย? ในฐานะที่ข้าเป็นสหายของเทพกระบี่ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้พวกเจ้าลอยนวลไปได้แน่ ๆ หากเจ้าไม่ให้คำอธิบายดี ๆ แก่ข้าแล้วล่ะก็…”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็หยิบยันต์สั่งสวรรค์ที่บรรจุอำนาจของผนึกที่เขาเอามาจากสำนักวิญญาณโลหิตขึ้นมา ซึ่งก็เช่นเดิมที่อำนาจของผนึกในยันต์สั่งสวรรค์นั้นก็เริ่มสำแดงขึ้น
เมื่อสัมผัสได้ถึงอำนาจของยันต์สั่งสวรรค์ในมือของหลิงตู้ฉิง สีหน้าของกู๋หยงฟานก็เปลี่ยนไปในทันที เขาตะคอกกลับเสียงเข็ง “นี่เจ้ากล้าหาว่าข้าไม่ใช่ลูกหลานของเทพกระบี่งั้นเหรอ? งั้นก็ลองมาพิสูจน์ดูกัน ลองโจมตีเข้ามาแล้วเจ้าจะได้เผชิญกับเจตจำนงกระบี่ของบรรพบุรุษข้า!”
“เป็นอย่างนั้นจริงเหรอ…” หลิงตู้ฉิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ในขณะเดียวกับที่สถานการณ์กำลังจะเกินเลย เสียงอันแผ่วเบาเสียงหนึ่งก็ดังลอยมาจากใต้พื้นดินของตระกูลกู๋ “หยงฟาน เจ้าจงนำคุณชายมาพบกับข้า”
“รับทราบ บรรพบุรุษ!” กู๋หยงฟานรีบตอบรับทันที
จากนั้นเขาหันไปมองหลิงตู้ฉิงและเอ่ยว่า “บรรพบุรุษของข้าตอนนี้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ โปรดคุณชายตามข้ามา”
“ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าพวกเจ้าจะอธิบายกับข้ายังไง!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
เมื่อพูดจบ เขาก็เก็บยันต์สั่งสวรรค์และเดินตามกู๋หยงฟานไป
อันที่จริง หลิงตู้ฉิงนั้นรู้แล้วว่าพวกตระกูลกู๋นี้เป็นใคร แต่สิ่งที่เขาต้องการจะรู้ในตอนนี้ก็คือตระกูลกู๋พยายามจะทำอะไรกันแน่?
เดินตามหลังกู๋หยงฟานลงไปยังห้องใต้ดินของตระกูลกู๋ได้สักพัก หลิงตู้ฉิงก็ได้พบกับ โลงศพทองแดงขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ซึ่งมันคือที่มาของเสียงอันแผ่วเบาที่พวกเขาได้ยินเมื่อสักครู่
“บรรพบุรุษ ผู้ที่บรรพบุรุษเทพกระบี่ไว้วางใจได้มาถึงแล้ว” กู๋หยงฟานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคารพต่อหน้าโลงศพ
เสียงอันแผ่วเบาได้ออกจากโลงศพอีกครั้ง “หยงฟาน อันที่จริงแล้วคุณชายท่านนี้ไม่ได้กล่าวผิดเลย พวกเรานั้นไม่ใช่ลูกหลานของเทพกระบี่จริง ๆ”
“หา!?” กู๋หยงฟานตกตะลึง
หลิงตู้ฉิงเบะปาก พลางรอดูว่าไอ้จิ้งจอกเฒ่านี้มันจะทำอะไรต่อไป
“ไม่ต้องตกใจไป ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่ลูกหลานของเทพกระบี่ แต่ต้นกำเนิดของพวกเรานั้นสูงส่งยิ่งกว่าด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากพวกเราเปิดเผยตัวตนออกไปมันจะมีผลกระทบตามมาที่สั่นสะเทือนไปทั้งโลก ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องเก็บตัวไปก่อนเช่นนี้” ตัวตนที่อยู่ในโลงเอ่ยขึ้น
“บรรพบุรุษ ถ้างั้นพวกเราเป็นลูกหลานของใครกัน?” กู๋หยงฟานถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง
ตัวตนในโลงถอนหายใจ จากนั้นเขาตอบกลับว่า “ก่อนที่เทพกระบี่จะโด่งดังมีชื่อเสียง เขาได้เคยติดตามตัวตนที่ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งมาก่อน แต่แล้วเมื่อตัวตนที่ยิ่งใหญ่นั้นหายตัวไปมันก็ทำให้บรรดาศัตรูเก่าของตัวตนผู้ยิงใหญ่ที่มีอยู่มากมายนั้นเริ่มที่จะแสดงตัวออกมา ซึ่งมันส่งผลให้ผู้ติดตามของตัวตนที่ยิ่งผู้นั้นที่มีอยู่สองคนได้แก่เทพกระบี่และภูตนางฟ้าผีเสื้อต้องเผชิญหน้ากับหายนะครั้งใหญ่โดยที่ไม่มีใครรู้เช่นกันว่าตัวตนที่ยิ่งใหญ่ผู้นั้นหายไปไหน สหาย ท่านเองก็เป็นตัวตนที่อยู่ในยุคเดียวกับเทพกระบี่มาก่อน ท่านก็ควรจะรู้ว่าข้าหมายถึงใครอยู่ใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงรู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังคงพยักหน้ารับรู้โดยที่ยังไม่พูดอะไรแทรกขึ้นเพราะต้องการอยากจะรู้ว่าทำไมไอ้เฒ่าคนนี้มันถึงเอ่ยถึงตัวเขาขึ้นมา
ตัวตนที่อยู่ในโลงถอนหายใจอยู่สักพัก จากนั้นเขาพูดต่อ “เฮ้อ…อันที่จริงแล้วพวกเราคือลูกหลานของตัวตนที่ยิ่งใหญ่ผู้นั้น ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวตน หากพวกเราเปิดเผยตัวตนเมื่อไหร่ ตระกูลของพวกเราคงถึงกาลอวสานเมื่อนั้น!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลิงตู้ฉิงถึงกับตะลึงงันจนพูดไม่ออก!
หลิงตู้ฉิงรู้สึกว่าโลกช่างกล้าที่จะเล่นตลกกับเขาเช่นนี้
ในตอนแรกที่เขาได้รู้เรื่องว่ามีคนแอบอ้างเป็นลูกหลานของเทพกระบี่เขาก็ว่ามันแปลกแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่ามีคนแอบอ้างว่าเป็นลูกหลานของเขาด้วยซะอย่างนั้น?
เขาอยากจะโกรธ แต่เขาเองก็รู้ว่ายังคงไม่สามารถระบายความโกรธออกมาได้ เขาจึงทำได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่นในใจ
ส่วนทางด้านของตัวตนที่อยู่ในโลงที่ยังไม่รู้ว่า ‘บรรพบุรุษต้นตระกูล’ ที่ถูกแอบอ้างของเขาในตอนนี้ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เขาก็เริ่มพูดต่อ “ดังนั้นในเมื่อพวกเราไม่สามารถเปิดเผยที่มาของพวกเราได้ พวกเราจึงไม่มีทางเลือกและได้แต่ยืมชื่อเสียงของเทพกระบี่มาเป็นข้ออ้างในการอยู่รอด เพราะหากเราอ้างชื่อของเทพกระบี่และหลบอยู่ในอาณาเขตสุสานกระบี่พวกเราก็จะปลอดภัย”
“พวกเราจะรอจนกว่าเมื่อไหร่ที่พวกเราแข็งแกร่งพอ เมื่อนั้นพวกเราถึงจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ดังนั้นข้าหวังว่าเมื่อท่านรู้เช่นนี้แล้ว ท่านคงจะไม่แพร่งพรายความลับนี้ของพวกเราออกไป ส่วนเรื่องของสิ่งของที่เทพกระบี่มอบให้ไว้กับท่าน ในเมื่อพวกเราไม่ใช่ลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่ พวกเราคงไม่ขอพูดอะไรถึงมันเช่นกัน”
ไอ้เวรนี่มันกล้าแอบอ้างชื่อของข้างั้นเหรอ?
ในตอนนี้หลิงตู้ฉิงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี
ในอดีตเขาน่าจะฆ่าไอ้คนพวกนี้ไปให้หมด ๆ ปัญหาแบบนี้มันจะได้ไม่เกิดในตอนนี้
และถึงแม้ว่าไอ้เฒ่าที่อยู่ในโลงมันจะปกปิดตัวมันเป็นอย่างดี แต่หลิงตู้ฉิงเองก็ยังคงสัมผัสได้อยู่ดีว่าไอ้คนที่อยู่ในโลกนั้นมีความเกลียดชังต่อตัวตนในอดีตของเขาจนถึงขั้วกระดูก
ดังนั้นเมื่อรู้เช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงตัดสินใจได้ทันทีว่าตระกูลเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องดำรงอีกต่อไป!
“ข้าไม่นึกเลยว่าที่แท้พวกเจ้าก็คือลูกหลานของท่านผู้นั้น!” หลิงตู้ฉิงถอนหายใจ
ตัวตนที่อยู่ในโลงตอบกลับ “บรรพบุรุษของข้าคือผู้ยิ่งใหญ่อันไร้เทียมทานในอดีต แต่พวกข้าที่เป็นลูกหลานกลับไม่กล้าเอ่ยนามของเขาให้ผู้คนอื่นได้รู้ พวกข้ามันไม่สมควรมีชีวิตอยู่ยิ่งนัก!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงสบถในใจ น้ำหน้าอย่างพวกเจ้าเนี่ยนะ จะมาเป็นลูกหลานของข้าได้?
“เฮ้อ ในอดีตข้าเองก็ได้รับความกรุณาจากท่านผู้นั้นเช่นกัน ในตอนนี้ที่ข้าได้เห็นพวกท่านเป็นเช่นนี้แล้วมันช่าง…” หลิงตู้ฉิงถอนหายใจ “ท่านผู้นั้นด่วนจากไปเกินไป จนข้าเองยังไม่ทันที่จะได้ตอบแทนพระคุณเลย ดังนั้นในเมื่อข้าได้เจอพวกท่านแล้ว ข้าคงทำได้แค่ตอบแทนท่านผู้นั้นผ่านทางพวกท่านเพียงเท่านั้น”
“ข้ามีแผนที่ของสถานที่หนึ่งที่น่าจะเป็นสุสานของตัวตนที่ไม่ธรรมดา ซึ่งข้าเก็บมันเอาไว้นานแล้วเพื่อที่จะเข้าไปข้างในดูว่ามีอะไรที่เป็นประโยชน์กับข้าบ้างไหม แต่ตอนนี้ในเมื่อข้าได้พบพวกท่าน ข้าก็ขอมอบมันให้กับพวกท่านก็แล้วกันเพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณของท่านผู้นั้นที่เคยมีให้ต่อข้าในอดีต!”
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ยื่นภาพวาดที่เขาลอกมาจากสิ่งที่เขาเห็นบนแผ่นไม้ที่ฉายตำแหน่งของสุสานศักดิ์สิทธิ์ให้กับกู๋หยงฟาน
ในเมื่อเขาเองก็ไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนั้นมันคือที่ไหน ดังนั้นเขาก็จะใช้คนพวกนี้เป็นตัวช่วยเขาหาอีกแรง
ซึ่งต่อให้คนพวกนี้หาเจอ หากไม่มีกุญแจที่อยู่ในมือเขา คนพวกนี้ก็ไม่มีวันที่จะเข้าไปข้างในได้และยิ่งในตอนนั้นถ้ามีข่าวที่ตระกูลกู๋ถือครองแผนที่นี้กระจายออกไป ในไม่ช้าก็เร็วตระกูลกู๋จะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่แน่นอน
“ส่วนสิ่งของของเทพกระบี่ในเมื่อพวกท่านไม่ใช่ลูกหลานของเขา ข้าคงไม่สามารถมอบพวกมันให้กับพวกท่านได้” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น “ส่วนเรื่องความลับของพวกท่านนั้น พวกท่านไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ในเมื่อพวกท่านเป็นลูกหลานของท่านผู้นั้น ข้าย่อมที่จะไม่เอ่ยอะไรออกไปให้คนนอกรู้อย่างแน่นอน”
“ขอบคุณสหาย!” ตัวตนที่อยู่ในโลงถอนหายใจแสดงสัญญาณว่าเขาโล่งอก
“เอาล่ะงั้นข้าขอตัวลา!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
“เดี๋ยวก่อนสหาย! ว่าแต่ข้ายังไม่ทราบเลยว่าท่านเป็นใคร?” ตัวตนที่อยู่ในโลงเอ่ยถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงเอ่ยตอบว่า “ในตอนนี้ข้าได้มีสถานะใหม่แล้ว ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรที่ข้าจะกลับไปใช้นามเดิมที่เคยใช้มา”
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็หันหลังจากไปโดยเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา!