พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 554 ความผิดพลาดของสองพี่น้อง
เมื่อเห็นว่าคนนอกจากไปหมดแล้ว หลิงตู้ฉิงก็ควบคุมค่ายกลกระบี่เหินเมฆาให้ปกคลุมทั่วบริเวณเรือนของเย่ชิงเฉิง เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนสามารถใช้จิตสำนึกมาสอดส่องพวกเขาได้
จากนั้นเขาก็พูดกับโม่เอ๋อว่า “ช่วยข้าหาเนื้อของสัตว์วิเศษหรือจะเป็นเนื้อของเผ่าอสูรปีศาจก็ได้ คุณภาพยิ่งสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แต่ถ้าเจ้าหามันไม่ได้เจ้าก็จงไปหาซื้อที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์ และอีกอย่างจงหาสมุนไพรวิเศษและเครื่องปรุงเหล่านี้มาให้ข้าด้วยเช่นกัน”
โม่เอ๋อมองไปที่รายการที่หลิงตู้ฉิงให้นางหาซื้อและเงินจำนวนมากที่หลิงตู้ฉิงให้นางมา นางก็ถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัยทันที “นายท่าน อยากจะทำเนื้อย่างงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพยักหน้า “ถูกต้อง! ข้าจะทำเนื้อย่างสูตรพิเศษขึ้นมาเพื่อใช้มันในการเข้าไปในเขตแดนหมอก!”
“สามี นี่ท่านหมายความว่ายังไง?” เย่ชิงเฉิงถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
“เจ้าจะรู้เองเมื่อถึงเวลา!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
โม่เอ๋อยิ้มและพูดว่า “นายท่าน ถ้างั้นข้าขอตัวไปหาของให้ท่านก่อนก็แล้วกัน แล้วข้าจะกลับมาให้ไวที่สุด!”
หลังจากที่โม่เอ๋อจากไป เย่ชิงเฉิงก็หัวเราะคิกคัก จากนั้นนางพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “สามี ในเมื่อตอนนี้ท่านก็อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 14 แล้ว ท่านต้องการที่จะเพิ่มระดับการบ่มเพาะต่อไหม? ในตระกูลเย่ของข้านั้นมีหญิงสาวที่งดงามอยู่มากมาย ให้ข้าช่วยนำพวกนางมาให้ท่านทำความรู้จักไหม? เอ๊ะจริงสิ หยุนจื่อรุ่ย เปียนเฉียวเฉียว หรือแม้แต่โม่เอ๋อก็ดูเหมือนจะชอบท่านเช่นกัน ข้าคิดว่าขอแค่ท่านเอ่ยปากพวกนางต้องยินดีและพร้อมใจกันมาหาท่านแน่นอน!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ข้ายังไม่รีบร้อนในตอนนี้ ข้ายังจำเป็นต้องเตรียมเนื้อย่างก่อน”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาไม่เข้าใจในความคิดของสามีนางแม้แต่น้อย ไม่ใช่ว่าเขาเคยเอ่ยว่าระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำไปไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมตอนนี้กลับเอ่ยว่าเขาไม่รีบร้อน?
“ถ้างั้นข้าขอตัวไปบ่มเพาะต่อก่อน หากท่านมีอะไรท่านก็ไปเรียกหาก็แล้วกัน” เย่ชิงเฉิงยิ้มและพูดขึ้น
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าแสดงให้รู้ว่าเขารับทราบ
แต่ก่อนที่เย่ชิงเฉิงจะได้จากไป เสียงตะโกนอีกสองเสียงก็ดังขึ้นด้านนอกค่ายกลกระบี่เหินเมฆา “น้องเล็ก น้องเขย พวกเจ้าอยู่ข้างในนั้นรึเปล่า? พวกข้ามีเรื่องอยากปรึกษากับพวกเจ้า”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนขึ้นจากด้านนอกค่ายกลกระบี่ เย่ชิงเฉิงก็เอามือปิดปากกลั้นหัวเราะและพูดกับหลิงตู้ฉิง “สามี คนที่มาคือพี่ใหญ่กับพี่สามของข้า ถ้าให้ข้าเดา พี่สองน่าจะไปบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องของโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ ท่านทำเป็นว่าข้าไม่รู้เรื่องอะไรก็แล้วกัน และบอกไปก็ได้ว่าข้ากำลังเก็บตัวบ่มเพาะเพื่อทะลวงขอบเขตสวรรค์”
ในช่วงระหว่างเวลาที่นางบ่มเพาะในสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ ระดับการบ่มเพาะของนางในตอนนี้ก็ได้มาอยู่ที่ขอบเขตนภาระดับ 13 แล้ว ดังนั้นหากนางบ่มเพาะต่อไปอีกสักหน่อย นางก็น่าจะทะลวงขึ้นไปถึงขอบเขตสวรรค์ได้ไม่ยาก
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ไปบ่มเพาะเถอะ หากมีอะไรเดี๋ยวข้าจะเรียกใช้โม่เอ๋อไม่ก็คนอื่น ๆ เอง”
จากนั้นสักพัก หลิงตู้ฉิงก็เปิดค่ายกลกระบี่เมฆาออกและปล่อยให้เย่ฉิงเฟิงกับเย่เจียงไห่เข้ามาในเรือนของเย่ชิงเฉิง
เมื่อเย่ฉิงเฟิงและเย่เจียงไห่เดินเข้ามาในเรือน และเห็นหลิงตู้ฉิง พวกเขาก็ยิ้มและรีบเอ่ยทักทายขึ้นทันที “น้องเขย เจ้าเป็นยังไงบ้าง! ว่าแต่น้องสาวของพวกข้าไปไหนแล้วล่ะ?”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ทั้งสองคนและตอบว่า “นางเก็บตัวบ่มเพาะอยู่ในตอนนี้”
“น้องเล็กของข้านี่ขยันดีจริง ๆ!” เย่ฉิงเฟิงหัวเราะ “ว่าแต่น้องเขย ข้าได้ยินมาว่าน้องสองบอกว่าเจ้ามอบโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ให้กับเขางั้นเหรอ? ข้าอยากรู้ว่าเจ้าพอจะมีอีกบ้างไหม?”
ในตอนนี้พวกเขาได้รู้แล้วว่าคำพูดที่น้องสาวของพวกเขาบอกเมื่อวานมันคืออะไร ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลิงตู้ฉิงนั้นมีโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัว ดังนั้นพวกเขาจึงมาที่นี่เพื่อขอแบ่งมาบ้าง
“แน่นอนว่าข้ามี!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
เย่เจียงไห่ถูมือ และพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “น้องเขย ในเมื่อเจ้าเองก็ได้น้องสาวของพวกเราไปติดตามเจ้าแบบนี้แล้ว เจ้าพอจะมอบโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเราเป็นของขวัญบ้างได้รึเปล่า…”
หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่หน้าของคนทั้งสองและตอบกลับว่า “พวกเจ้ามีอะไรมากแลกเปลี่ยนบ้างล่ะ?”
“เอ๋ ไม่ใช่ว่าพี่สองบอกว่าเจ้าให้เขาโดยไม่ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนไม่ใช่เหรอ?” เย่เจียงไห่อุทานขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เขาก็คือเขา ส่วนพวกเจ้าก็คือพวกเจ้า หากพวกเจ้าต้องการโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าก็ต้องหาของมาแลกเปลี่ยนกับข้า! จงคิดด้วยตัวเองว่าโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์มีมูลค่าแค่ไหน จากนั้นก็จงเอ่ยราคาที่พวกเจ้าต้องการแลกเปลี่ยนกับข้า”
“นี่มัน…” เย่ฉิงเฟิงและเย่เจียงไห่รู้สึกงุนงงจนพูดไม่ออก
“หากพวกเจ้ายังคงคิดกันไม่ได้ ก็จงกลับมาหาข้าใหม่อีกครั้งเมื่อพวกเจ้าคิดได้แล้ว ในตอนนี้ข้าไม่มีเวลาจะเสียให้กับพวกเจ้ามากนัก” หลิงตู้ฉิงโบกมือไล่คนทั้งสอง
เย่เจียงไห่เริ่มจะโมโหและพูดว่า “น้องเขย นี่เจ้าจะไม่ไว้หน้าพวกเราเลยงั้นเหรอ? อย่าลืมสิว่านี่มันบ้านของพวกข้า…”
ก่อนที่เย่เจียงไห่จะได้พูดจบ กระบี่บินแปดเล่มก็บินมาจ่อตรงหน้าของเขา และค่อย ๆ กดดันเขาให้เดินถอยหลังออกไปจากเรือนของเย่ชิงเฉิง จนเมื่อเขาพ้นเขตเรือนออกไปแล้ว กระบี่บินทั้งแปดเล่มจึงบินกลับเข้ามาประจำตำแหน่งเดิมในค่ายกล
จากนั้นหลิงตู้ฉิงมองไปที่เย่ฉิงเฟิง และพูดว่า “เจ้าล่ะจะว่ายังไง? ต้องการจะแลกเปลี่ยนกับข้าไหม?”
เย่ฉิงเฟิงขมวดคิ้วทันที จากที่เขาสังเกตการแสดงออกของหลิงตู้ฉิง เขาสามารถบอกได้เลยว่ามันมีบางอย่างที่มันไม่ถูกต้อง
ในเมื่อเขาเป็นถึงพี่ใหญ่ของเย่ชิงเฉิง แต่แล้วทำไมน้องสองกลับได้รับโอสถโดยไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนอะไรเลย? แล้วทำไมพวกเขากลับต้องแลกเปลี่ยนด้วยเมื่อพวกเขามาขอ? และที่สำคัญ น้องสามของเขากลับถูกไล่ตะเพิดออกไปอย่างไม่ไว้หน้าอีกต่างหาก
แต่แล้วเมื่อคิดไปเรื่อย ๆ หัวใจเขาก็ถึงกับเต้นผิดจังหวะ เนื่องจากเขานึกออกแล้วว่าต้นเหตุมันมาจากอะไร!
มันเป็นเรื่องหนึ่งที่ตอนที่พวกเขาอยู่ในห้องโถงใหญ่และไม่ช่วยพูดขึ้นให้กับเย่ชิงเฉิง ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่ที่ที่คนรุ่นเยาว์อย่างพวกเขาจะแสดงความเห็นอะไรได้
แต่มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลยที่เมื่อตอนพวกเขาออกมาจากห้องโถงใหญ่ พวกเขากลับไม่ได้ทำอะไรเลยเพื่อช่วยเหลือน้องสาวของพวกเขาที่กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ซึ่งมันไม่น่าแปลกหากเป็นเรื่องนี้ที่ทำให้หลิงตู้ฉิงแสดงท่าทีห่างเหินกับพวกเขา
“น้องเขย อันที่จริงมันไม่ใช่ว่าพวกข้าจะไม่ต้องการช่วยพูดให้พวกเจ้า แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะของพวกข้ามันอ่อนแอเกินไป พวกข้าจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะออกสิทธิ์ออกเสียงอะไรทั้งนั้น” เย่ฉิงเฟิงถอนหายใจ
หลิงตู้ฉิงจ้องไปยังเย่ฉิงเฟิง และพูดว่า “เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้า สรุปแล้วเจ้าจะแลกเปลี่ยนกับข้าด้วยอะไร? แต่ถ้าหากเจ้าไม่ต้องการแลกเปลี่ยนก็จงออกไปซะ ข้ายังมีธุระส่วนตัวมากมายที่จำเป็นต้องทำ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ฉิงเฟิงก็เงียบลงไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร แต่เมื่อเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเริ่มจะขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็ตัดสินใจพูดออกมาว่า “ข้าคงไม่มีสมบัติติดตัวมากพอที่จะซื้อโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าหรอก”
“จงนำมันออกมาให้ข้าดูก่อน!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
เย่ฉิงเฟิงรีบเทสมบัติของเขาทั้งหมดออกมาจากแหวนมิติทันที ซึ่งหลิงตู้ฉิงก็มองสำรวจพวกมันอยู่สักพักและพูดว่า “สำหรับของเหล่านี้ข้าจะให้เจ้าแลกพวกมันกับโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์คุณภาพต่ำของข้า จงเอาไปและออกไปจากเรือน”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็โยนโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์คุณภาพต่ำให้กับเย่ฉิงเฟิง และส่งสัญญาณให้เขาจากไปทันทีพร้อมกับเก็บเหล่าสมบัติทั้งหมดของเย่ฉิงเฟิงเข้าแหวนของตัวเองไปจนหมด
เย่ฉิงเฟิงที่ได้รับโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์จากหลิงตู้ฉิงมาแล้ว เขาก็มองหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาที่ซับซ้อนก่อนที่จะหันหลังและเดินออกไปจากเรือน
เย่เจียงไห่ที่เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดจากด้านนอก และเมื่อเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะปิดค่ายกลกระบี่เขาก็รีบตะโกนขึ้นทันที “ช้าก่อน! ข้าขอแลกเปลี่ยนกับเจ้าด้วย!”
“เข้ามา!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “หยิบเอาของทุกอย่างของเจ้าออกมา!”
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงมองสำรวจของทุกอย่างที่เย่เจียงไห่มี เขาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ของทุกอย่างที่เจ้ามีนี่มันแย่ยิ่งกว่าพี่ชายของเจ้ามาก มันไม่มีมูลค่าเพียงพอกับโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์คุณภาพต่ำของข้าด้วยซ้ำ แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วข้าจะให้โอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์กับเจ้าไปก่อน แต่เจ้าต้องไปหาพริกหยกเพลิงเจ็ดสีมาจ่ายข้าเพิ่มทีหลัง เพื่อทบกับมูลค่าที่ขาดหายไป”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็โยนโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์คุณภาพต่ำไปให้กับเย่เจียงไห่
เมื่อได้รับโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว เย่เจียงไห่ก็รีบวิ่งออกไปจากเรือนด้วยท่าทีลิงโลดใจเพื่อกลับไปรีบบ่มเพาะต่อ
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับพริกหยกเพลิงเจ็ดสีนั้นเขาได้ลืมมันไปหมดแล้ว ซึ่งเขาไม่รู้ตัวเลยว่าการที่เขาลืมมัน มันจะทำให้อนาคตของเขานั้นได้รับผลกระทบอันยิ่งใหญ่ตามมา!