พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 562 ข้ามีโอสถ เจ้าต้องการไหม?
เมื่อมองดูเหล่าคนของสำนักตัวเอง 5 คนที่กลายเป็นคนรับใช้ที่แสนจงรักภักดีต่อหลิงตู้ฉิง บรรดาผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ต่างมีความรู้สึกหลากหลายในใจ
หานหลิงอู่ รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ตัวเขาหยุดฟังลูกชายของตัวเองหานซ่งหยวน ซึ่งมันทำให้เขาไม่ต้องรับผลกระทบใด ๆ กับเหตุการณ์การเอาคืนขนานใหญ่ของหลิงตู้ฉิง
ส่วนทางด้านตระกูลหยู แม้ว่าพวกเขาจะเสียผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันขั้นต้นไปหนึ่งคนและผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์อีกคนหนึ่ง มันก็ไม่มีใครในพวกเขาที่กล้าจะทักท้วงอะไร
โดยเฉพาะกับตระกูลเย่ที่เสียหายหนักที่สุด พวกเขาเสียผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิไปถึง 2 คน แต่พวกเขาเองก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาเช่นกัน
หานหลิงอู่เงียบไปอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มขมขื่นและเดินเข้าไปหาหลิงตู้ฉิง ด้วยท่าทีสุภาพและพูดว่า “เอ่อ…คุณชาย…จำนวนของคนตระกูลหานที่ติดอยู่ข้างในเขตแดนหมอกนั้นมีผู้เชี่ยวชาญขอบมหาจักรพรรดิขั้นปลาย 1 คน ขั้นต้นอีก 1 คน ขอบเขตจักรพรรดิขั้นกลาง 2 คน ขอบเขตราชันขั้นต้น 1 คนและผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์อีก 1 คน หากต้องการให้ท่านนำคนของเราออกมาครบทั้งหมดไม่ทราบว่าพวกเราจะต้องจ่ายให้ท่านเท่าไหร่?”
ในตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเจรจาราคาเพียงเท่านั้น พวกเขาไม่กล้าที่จะใช้กำลังข่มขู่อีกต่อไป เพราะถ้าหากพวกเขาข่มขู่หลิงตู้ฉิง มันก็ไม่ต่างอะไรกับพวกเขาข่มขู่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในเขตแดนหมอกด้วย ซึ่งถ้าหากมันโกรธขึ้นมาผลลัพธ์เพียงอย่างเดียวที่พวกเขาจะได้คือหายนะ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าหลิงตู้ฉิงคงจะขูดราคาพวกเขาหนักแน่นอน แต่พวกเขาก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากจะต้องพยักหน้ารับเพียงอย่างเดียว
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดขึ้นว่า “ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิ 1 คนเท่ากับวัสดุระดับบรรพกาล 3 ชิ้น ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ 1 คนเท่ากับวัสดุระดับบรรพกาล 1 ชิ้น ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชัน 1 คนเท่ากับวัสดุระดับจักรพรรดิ 10 ชิ้น ส่วนผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ เนื่องจากอายุขัยค่อนข้างสั้นและข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาตายไปข้างในนั้นรึยัง แต่ถ้าหากเขายังรอดอยู่ข้าคิดราคาอยู่ที่วัสดุระดับจักรพรรดิ 2 ชิ้น!”
“เรายอมรับราคาที่ท่านเอ่ยมาทั้งหมด” หานหลิงอู่เอ่ยตกลงทันที
หานหลิงอู่ทำใจเตรียมเอาไว้แล้วว่าเขาคงโดนขูดเลือดขูดเนื้อเต็มที่ แต่แล้วเมื่อหลิงตู้ฉิงบอกราคามาเขาเองกลับต้องประหลาดใจเพราะราคาที่ว่ามามันน้อยนิดยิ่งนักสำหรับตระกูลของเขาที่เป็นใหญ่ในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์มาเป็นแสนปี
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หานหลิงอู่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองเย่ฉิงเสี่ยวพลางคิดในใจ
‘มันก็แค่วัสดุระดับบรรพกาลไม่กี่ชิ้นจะหาเหาใส่หัวตัวเองไปทำไม?’
เมื่อเห็นว่าการเจรจาของตระกูลหานสำเร็จไปอย่างงดงาม หยูหงเว่ยก็รีบเดินเข้ามาหาหลิงตู้ฉิงด้วยท่าทีนอบน้อมและเริ่มการเจรจาบ้าง ส่วนเรื่องของคนตระกูลเขาสองคนที่ถูกหลิงตู้ฉิงเอาตัวไปเป็นคนรับใช้ เขาไม่เอ่ยอะไรถึงมันแม้แต่น้อย
ส่วนทางด้านของตระกูลเย่ก็เช่นกัน พวกเขาก็เดินเข้ามาขอเจรจาราคาเช่นเดียวกับตระกูลอื่น
หลิงตู้ฉิงบอกราคาไล่ไปทีละตระกูลจนครบ และจากนั้นเขาก็รอให้บรรดาตระกูลต่าง ๆ ส่งวัสดุมาให้เขาก่อน จากนั้นเขาถึงจะเข้าไปในเขตแดนหมอกเพื่อนำตัวเหล่าผู้คนที่จ่ายราคาแล้วออกมา
ในระหว่างที่หลิงตู้ฉิงกำลังรอบรรดาตระกูลต่าง ๆ กลับไปเอาวัสดุของตัวเองที่คลังสมบัติของพวกเขา หลิงตู้ฉิงก็หยิบเอาโอสถสร้างกายาและโอสถสงบวิญญาณออกมาและโยนให้กับหยูคงหมิง ซึ่งคือผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ที่บังคับให้หลิงตู้ฉิง เข้าไปช่วยพ่อของตน จากนั้นหลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นว่า “ใช้พวกมันและทะลวงระดับขึ้นไปยังขอบเขตราชันเดี๋ยวนี้!”
หยูคงหมิงโค้งคำนับด้วยท่าทีเคารพสุดใจ “ขอบคุณนายท่าน!”
จากนั้นภายใต้การจับจ้องของเหล่าผู้คน หยูคงหมิงก็เริ่มกระบวนการทะลวงขอบเขตทันที
ผู้คนทั้งหลายต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาแปลกประหลาดพลางคิดในใจ นี่เขาร่ำรวยถึงขนาดมอบโอสถล้ำค่าขนาดนั้นให้กับคนรับใช้เลยงั้นเหรอ?
“น้องเขย ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่ได้ขอบคุณเจ้าเลย” เย่เฟิงหลิวเดินเข้ามาใกล้หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ข้าขอบคุณเจ้าจริง ๆ นะ ถ้าไม่ได้เจ้าข้าคงไม่สามารถทะลวงระดับมาอยู่ที่ระดับนภาครามได้เร็วขนาดนี้”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและตอบกลับ “มันเป็นสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ”
“น้องเขย ทำไมเจ้าถึงมีพวกโอสถระดับสูงอยู่เยอะขนาดนี้?” เย่เฟิงหลิวถามขึ้นต่อด้วยความสงสัย
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าได้รับมาระหว่างทางมาที่นี่น่ะ! อันที่จริงเจ้าเองก็เพิ่งจะทะลวงระดับได้ไม่นาน ระดับการบ่มเพาะของเข้ายังไม่คงที่นัก หากเจ้าได้กินโอสถพิภพมรกตเข้าไปแล้วล่ะก็ระดับการบ่มเพาะของเจ้าไม่ใช่แค่จะคงที่เพียงอย่างเดียว แต่มันจะช่วยให้เจ้าทะลวงระดับสวรรค์สมบูรณ์ได้ง่ายขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งอันที่จริงข้าเองก็มีโอสถพิภพมรกตอยู่เหมือนกัน เจ้าต้องการที่จะแลกเปลี่ยนกับข้าไหมล่ะ?”
เย่เฟิงหลิวรู้สึกตกตะลึงอยู่ได้สักพักก่อนที่จะรู้สึกดีใจจนแทบกระโดด “เจ้าจะแลกเปลี่ยนมันกับข้าจริง ๆ งั้นเหรอ? เอ่อ…ข้าลืมตัวไป ข้าคงไม่มีปัญญาแลกเปลี่ยนมันกับเจ้าหรอกข้าไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก…”
“เจ้ามีสมบัติอะไรติดตัวอยู่บ้างล่ะ?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น
“ข้า…สมบัติทั้งหมดของข้าอยู่ในแหวนมิติวงนี้ ซึ่งข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะพอไหม” เย่เฟิงหลิวกัดฟันและพูดต่อ “คือ…ถ้ามันไม่พอ ข้าจะลองไปขอจากพ่อกับแม่ของข้าเพิ่มดู”
หลิงตู้ฉิงรับแหวนมา จากนั้นเขาก็เริ่มทำการสำรวจสิ่งของต่าง ๆ ที่อยู่ในแหวนและเมื่อสำรวจสิ่งของไปได้สักพัก หลิงตู้ฉิงก็คืนแหวนมิติที่ว่างเปล่ากลับไปให้กับเย่เฟิงหลิวพร้อมกับโอสถพิภพมรกต
“ขอบคุณมาก ๆ น้องเขย!” เย่เฟิงหลิวเอ่ยขอบคุณด้วยสีหน้าดีใจเป็นอย่างมาก
อันที่จริงเขาเองก็รู้ว่ามูลค่าของสิ่งของในแหวนมิติของเขามันไม่พอกับมูลค่าของโอสถพิภพมรกต
เย่เจียงไห่ที่ได้เห็นเช่นนี้เขาเองก็เดินเข้ามาหาหลิงตู้ฉิงเช่นกัน และพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มประจบประแจง “เอ่อ…น้องเขย เจ้าพอจะมีโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์บ้างไหม? ข้าอยากแลกเปลี่ยนกับเจ้าสักเม็ด!”
หลิงตู้ฉิงเหล่ตามองไปที่เย่เจียงไห่ และพูดขึ้นอย่างห้วน ๆ “เจ้ายังไม่ได้ให้พริกหยกเพลิงเจ็ดสีกับข้า!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเย่เจียงไห่อีก
ถัดมา หานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิงก็อาศัยโอกาสที่หลิงตู้ฉิงกำลังว่างเดินเข้ามาหาและเอ่ยทักทายขึ้นด้วยรอยยิ้มแบบเลศนัย “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ พี่หลิง!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าทักทายตอบ
หานซ่งหยวนเริ่มเป็นรุกก่อน “พี่หลิง ดูเหมือนว่าท่านจะมีโอสถอยู่กับตัวเยอะเลยใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ถูกต้อง!”
“ข้าขอแลกพวกมันบ้างได้รึเปล่า? ข้าอยากจะได้โอสถขัดเกลาวิญญาณ โอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์…อ๋อใช่! ข้าอยากได้ โอสถสงบวิญญาณ และ โอสถสร้างกายาด้วย ท่านพอจะมีพวกมันเหลือบ้างไหม?” หานซ่งหยวนเอ่ยถามขึ้น
ในตอนแรกเขาแค่เพียงอยากจะแลกโอสถไว้สำหรับตัวเอง แต่จู่ ๆ ในระหว่างที่เขากำลังพูดกับหลิงตู้ฉิง เขาก็ได้ยินเสียงของบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลเขาบอกให้เขาถามถึงบรรดาโอสถระดับสูงด้วย
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ข้ามีโอสถทุกชนิดที่เจ้าว่ามา เจ้าสามารถรับมันไปได้เลยหากรับกับราคาที่ข้าเรียกได้!”
เย่เฟิงหลิวจู่ ๆ ก็รีบพูดแทรกขึ้นมา “น้องเขย ๆ เจ้ารอสักครู่ก่อนได้ไหม ขอข้าแลกเปลี่ยนกับเจ้าต่อก่อนอีกหน่อย ท่านพ่อ ท่านแม่! รีบมาตรงนี้เร็ว ๆ พวกท่านรีบมาแลกเปลี่ยนโอสถระดับสูงกับตู้ฉิงก่อน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชางคงก็รู้สึกอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่จากนั้นเมื่อเขาได้สติ ร่างเขาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของหลิงตู้ฉิงเพียงชั่วพริบตา และถามขึ้นว่า “ไหนโอสถระดับสูงอะไร?”
มู่หลงหยานเองก็มาถึงในชั่วอึดใจถัดมาเช่นกัน นางรีบพูดกับเย่ชางคงทางโทรจิตทันที “สามี ที่ข้าสามารถทะลวงระดับมาอยู่ขอบเขตจักรพรรดิได้ก็เพราะว่าเป็นตู้ฉิง ที่มอบโอสถกำหนดเต๋าและโอสถสงบวิญญาณให้กับข้า เย่หยูหลันเล่าให้ข้าฟังว่าโอสถเหล่านี้ตู้ฉิงได้มาจากสำนักวิญญาณโลหิตเป็นจำนวนมาก เพราะเขาเป็นผู้ที่ช่วยคลายผนึกตำหนักโอสถให้ เราควรที่จะแลกเปลี่ยนโอสถเหล่านี้มาบางส่วนเพื่อที่จะเอามาใช้กับสำนักของเรา….”
“แต่ว่าท่านอย่าได้คิดเอาเปรียบเขาโดยใช้ลูกสาวของเราเป็นข้ออ้างเด็ดขาด ลูกเขยของเราคนนี้มีนิสัยที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร เขาคือคนที่ยึดมั่นในการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าใครที่คิดจะเอาเปรียบเขาคนเหล่านั้นทุกคนล้วนต้องเจอกับเรื่องแย่ ๆ ไปทุกราย และอีกอย่างเขาก็ได้ให้โอสถกำหนดเต๋าและโอสถสงบวิญญาณกับข้าแล้ว ดังนั้นเราต้องไม่เอาเปรียบเขามากไปกว่านี้อีก”
เย่ชางคงยิ้มให้กับหลิงตู้ฉิง และเอ่ยถามว่า “ลูกเขยของข้า ข้าเองก็อยากจะแลกเปลี่ยนกับเจ้าเหมือนกัน แต่ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าต้องการอะไรบ้าง เจ้าพอจะบอกข้าได้ไหม?”
ในยุคปัจจุบัน เหล่าโอสถระดับสูงที่หลิงตู้ฉิงมีในตอนนี้นั้นต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถหาซื้อมันได้ง่าย ๆ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่มีใครต้องการขายมัน แต่แล้วในตอนนี้กลับมีคนเปิดขายมันอย่างไม่อั้น แน่นอนว่าพวกเขาจึงต้องรีบคว้าโอกาสนี้เอาไว้
ผ่านไปสักพัก หานหลิงอู่ที่เพิ่งกลับมาจากคลังสมบัติของตระกูลตัวเองอย่างรีบร้อนก็รีบกระโดดเข้ามาร่วมวง และพูดกับหลิงตู้ฉิงบ้างเช่นกัน “คุณชายหลิง! ข้านำบรรดาวัสดุมาให้ท่านแล้ว ท่านลองเลือกดูสักหน่อยว่าถูกใจชิ้นไหน ข้าเอามาเผื่อไว้หลายสิบอันเลย ซึ่งถ้ามันเหลือข้าขอเอาพวกมันแลกกับโอสถของท่านบ้างได้ใช่ไหม?”
ในระหว่างที่เขากลับไปที่คลังสมบัติ เขาเองก็ได้รับข่าวจากหานซ่งหยวนเช่นกันว่า หลิงตู้ฉิงกำลังเปิดขายโอสถ เขาจึงรีบหยิบวัสดุออกมาเผื่ออีกหลายสิบรายการเพื่อเอามาแลกเปลี่ยนกับโอสถให้ทันก่อนที่ตระกูลเย่จะแลกไปจนหมด
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ไหนให้ข้าดูสักหน่อยว่าเจ้ามีอะไรมาบ้าง…”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เริ่มแลกเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ กับเย่ชางคง หานหลิงอู่ และสุดท้ายก็ตระกูลหยูที่รีบเข้ามาร่วมวงด้วยเช่นกัน จนในตอนนี้บรรยากาศด้านหลังสำนักมันกลายเป็นตลาดแลกเปลี่ยนสิ่งของย่อม ๆ ไปแล้ว…