พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 605 ถูกใช้เป็นแรงงาน
โม่หลิงซีและอู๋หลิงซีรู้สึกราวกับว่าในตอนนี้สมองของพวกเขามีปัญหา
ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นต้น ซึ่งเพียงพอที่จะกลายเป็นบรรพบุรุษของสำนักใด ๆ ก็ได้กลับกลายเป็นคนรับใช้ของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณได้ยังไง?
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกตกตะลึง พวกเขาก็เก็บซ่อนอาการทางสีหน้าเอาไว้เป็นอย่างดี แต่แน่นอนว่าพวกเขาได้เพิ่มความอันตรายของหลิงตู้ฉิงมากขึ้นไปอีกระดับ
หลังจากคุยกันเสร็จ โม่หลิงซีก็จัดแจงให้คนของเขาพากลุ่มของหลิงตู้ฉิงไปพักอยู่ที่เรือนรับรองแขกระดับพิเศษ
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็ยอมไปพักแต่โดยดี เนื่องจากเขายังไม่ได้เจอกับลูกสาวของเขา เขาจึงไม่อาจไปจากที่นี่ได้และเขาเองก็ไม่อยากจะเรียกหลิงว่านถิงให้ออกมาพบกับเขาตอนนี้ เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการไปรบกวนลูกสาวของเขาที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการเก็บตัว
ดังนั้นเขาจึงยอมรอด้วยความกังวลใจว่าในตอนนี้ลูกสาวของเขาจะทำใจเรื่องความรักของนางในอดีตได้แล้วรึยัง?
ในระหว่างที่เขากำลังอยู่ในห้วงความคิด เสียงของซือโถวเหวินหยวนก็ลอยมาจากนอกเรือน “นายท่าน ท่านอยู่ข้างในรึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับทันที “ข้ากำลังคิดอยู่พอดีว่าเจ้าหายหัวไปอยู่ที่ไหน เข้ามาได้!”
ซือโถวเหวินหยวนรีบเดินเข้ามาทันทีด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “นายท่าน ข้าเพิ่งได้รับแจ้งว่าท่านมาที่นี่ ข้าจึงรีบมาในทันที ส่วนคุณหนูนั้นในตอนนี้นางกำลังอยู่ในช่วงการปิดด่านบ่มเพาะ ดังนั้นข้าเกรงว่านายท่านอาจจะต้องรอต่อไปอีกสักหน่อย”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “เดินมาหาข้าตรงนี้ ข้าจะมองผ่านสายตาเจ้าเพื่อดูว่าที่ผ่านมาลูกของข้ามีความเป็นอยู่ยังไง”
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ได้ใช้ห้วงนิทราแห่งราชันเพื่อดูห้วงความทรงจำของซือโถวเหวินหยวนเกี่ยวกับหลิงว่านถิง
หลักจากผ่านไปพักใหญ่ หลิงตู้ฉิงก็ออกมาจากห้วงความทรงจำของซือโถวเหวินหยวน และพูดว่า “ข้ามอบหมายให้เจ้าเป็นผู้ติดตามลูกสาวของข้า ทำไมเจ้าถึงไม่คอยอยู่เคียงข้านางตลอดเวลา?”
สิ่งที่หลิงตู้ฉิงเห็นทั้งหมดในห้วงความทรงจำของซือโถวเหวินหยวนนั้นมันมีความทรงจำเกี่ยวกับหลิงว่านถิงน้อยมาก ๆ
ซือโถวเหวินหยวนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “นายท่าน ข้าเป็นเพียงแค่ศิษย์ที่อยู่ในระดับสวรรค์สามัญธรรมดา ๆ ด้วยสถานะของข้าที่ต่ำต้อยเช่นนี้ ข้าจะสามารถติดตามคุณหนูได้อย่างไร เหล่าบรรพบุรุษของสำนักไม่อนุญาตให้ข้าได้เข้าใกล้นางด้วยซ้ำ”
“ในอนาคตข้าจะทำให้เจ้าได้อยู่คอยรับใช้ลูกสาวของข้าเอง ไม่เช่นนั้นข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง?” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น “ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้นข้าเห็นแล้วว่าเจ้าเองก็ทำได้ดี ดังนั้นข้าจะมอบประโยชน์ให้กับเจ้าตามที่ข้าเคยได้สัญญาเอาไว้”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงหยิบขวดหยกขึ้นมา 1 ขวดที่ภายในบรรจุน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาออกมาพร้อมกับพูดว่า “จงโคจรเคล็ดวิชาสำนักเต๋าสวรรค์ของเจ้าพร้อมกับใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาในขวดนี้ชำระร่างกายของเจ้าเองที่นี่ซะ”
หากซือโถวเหวินหยวนนำน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาออกไปจากที่นี่และมีผู้คนอื่น ๆ รู้เข้ามันจะเกิดปัญหาอื่นตามมาทันที
อย่างน้อย ๆ พวกตัวตนระดับสูงจะไม่ยอมให้ศิษย์ธรรมดา ๆ เช่น ซือโถวเหวินหยวนได้ใช้มันแน่นอน ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงสั่งให้ซือโถวเหวินหยวนใช้มันที่นี่โดยตรงทันที
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซือโถวเหวินหยวนก็รีบใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาชำระล้างร่างกายของเขาเองทันทีเช่นกัน เนื่องจากเขาเองก็รู้ตัวดีว่าหากขืนเขาชักช้าหรือนำมันออกไปเขาคงไม่มีวันได้ใช้มันแน่นอน
หลังจากเห็นว่าซือโถวเหวินหยวนชำระล้างร่างกายเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็หยิบอาวุธระดับจักรพรรดิขึ้นมาหนึ่งชิ้นและพูดว่า “ข้าจะมอบอาวุธชิ้นนี้ให้กับเจ้าเพื่อใช้มันในการปกป้องว่านถิง หากคนของสำนักเจ้าต้องการนำมันไป เจ้าจงบอกให้พวกเขาไปถามความเห็นของว่านถิง”
ซือโถวเหวินหยวนคุกเข่าลงคำนับและพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ขอบคุณนายท่านสำหรับสมบัติ!”
หากไม่ใช่ศิษย์สายหลักที่มีพรสวรรค์เหนือล้ำ มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่สำนักจะมอบอาวุธจักรพรรดิให้พกติดตัวเอาไว้
แต่ในตอนนี้เขากำลังจะมีมันแล้วหนึ่งชิ้น!
“ลุกขึ้น!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “ว่าแต่ จากที่ข้าดูความทรงจำของเจ้า ว่านถิงได้ปิดด่านมากนานกว่า 8 ปีแล้ว ซึ่งจากพรสวรรค์ของนางมันไม่น่าจะใช้เวลานานขนาดนี้ในการทำความเข้าใจเคล็ดวิชาของสำนักเจ้า ดังนั้นข้าคิดว่าข้าคงไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไปแล้ว เจ้าจงไปเรียกนางให้มาหาข้าที”
ซือโถวเหวินหยวนรู้สึกลังเลเล็กน้อย จากนั้นเขาถามขึ้นว่า “นายท่าน มันจะดีงั้นเหรอ?”
“แค่ทำตามที่ข้าสั่ง รีบไป!” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้นอีกครั้ง
“ถ้างั้นข้าจะลองดู” ซือโถวเหวินหยวนรีบตอบรับ “แต่นายท่าน สถานที่ที่คุณหนูปิดด่านนั้นมีผู้อาวุโสขอบเขตราชันเฝ้าเอาไว้อยู่ตลอดเวลา ข้าเกรงว่าโอกาสที่ข้าจะได้เจอกับคุณหนูนั้นช่างริบหรี่เป็นอย่างมาก”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้ว “หากเจ้าไม่สามารถเจอนางได้จริง ๆ เจ้าก็จงไปหาอู๋หลิงซีเพื่อให้เขาพาเจ้าเข้าไปหาลูกสาวของข้า”
ซือโถวเหวินหยวนยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นเขาเดินไปยังสถานที่ที่หลิงว่านถิงปิดด่านบ่มเพาะในทันที ซึ่งเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็เป็นอย่างที่เขาคาดเอาไว้ เขาไม่สามารถเข้าไปใกล้บริเวณที่หลิงว่านถิงอยู่ได้ด้วยซ้ำ เนื่องจากมันมีกำแพงพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งขวางกั้นเขาอยู่
“ผู้อาวุโส บิดาของเจ้านายข้าได้มาถึงที่สำนักของเราแล้ว และเขาต้องการที่จะพบกับเจ้านายของข้า ผู้อาวุโสได้โปรดเรียกเจ้านายของข้าให้ที” ซือโถวเหวินหยวนตะโกนขึ้น
หลังจากนั้นเพียงครู่เดียวก็มีเสียงหนึ่งดังลอยออกมา “ว่านถิง กำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการบรรลุวิชา ข้าไม่อนุญาตให้ใครมารบกวนนางได้ทั้งนั้น!”
ซือโถวเหวินหยวนเริ่มรู้สึกอยู่ไม่สุข “แต่ว่าบิดาของ…”
“ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ได้รับอนุญาตทั้งนั้น!” หลังจากสิ้นเสียง ซือโถวเหวินหยวนก็โดนพลังปริศนาผลักร่างจนตัวลอยกระเด็นห่างออกมา
เมื่อเป็นเช่นนี้ ซือโถวเหวินหยวนจึงไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงเดินไปหาอู๋หลิงซี
อู๋หลิงซีขมวดคิ้ว “ว่านถิงกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการบรรลุความเข้าใจวิชาร่างเงาวิญญาณ นางจะถูกรบกวนตอนนี้ได้ยังไง? ไม่เป็นไรเดี๋ยวข้าจะไปคุยกับเขาเอง”
จากนั้นอู๋หลิงซีก็ไปถึงหน้าเรือนของหลิงตู้ฉิงในเวลาเพียงชั่วพริบตา “คุณชาย ท่านว่างอยู่รึเปล่า?”
“เข้ามาได้!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
อู๋หลิงซียิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ในตอนนี้ว่านถิงกำลังอยู่ห่างเพียงก้าวเดียวกับการเข้าใจวิชาร่างเงาวิญญาณ การที่ท่านจะรบกวนนางในเวลานั้นข้าเห็นว่าไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง ท่านรออีกสักหน่อยจะได้หรือไม่ ข้าคิดว่าอีกไม่นานท่านก็จะได้เจอกับนางแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารออกมาจากร่างและมองไปยังอู๋หลิงซีด้วยสายตาเย็นชาทันที
“คุณชายหลิง…” อู๋หลิงซีรีบเอ่ยขึ้น
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตามเส้นทางการบ่มเพาะของลูกสาวข้า นางไม่จำเป็นต้องบ่มเพาะวิชาร่างเงาวิญญาณเลยแม้แต่น้อย และจากที่ข้ารู้มาวิชานี้สำหรับสำนักของเจ้ามันถือได้ว่าเป็นวิชาที่ยังไม่สมบูรณ์ซะด้วยซ้ำ ซึ่งมันต้องเป็นผู้ที่มีร่างกายที่พิเศษจริง ๆ สำนักของเจ้าถึงจะอนุญาตให้คนผู้นั้นได้ฝึกมัน หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ สำนักของเจ้าเห็นว่าลูกสาวของข้านั้นมีพรสวรรค์และร่างกายที่วิเศษมากพอกับเงื่อนไขในการลองฝึกและพัฒนามัน ดังนั้นสำนักของเจ้าจึงตั้งใจใช้ลูกสาวของข้าเป็นตัวช่วยในการทำให้พวกเจ้าเข้าใจในวิชาร่างเงาวิญญาณสินะ!”
ในเวลาเดียวกับที่กลิ่นอายสังหารของหลิงตู้ฉิงแผ่ออกไปเรื่อย ๆ มันก็ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของสำนักเต๋าสวรรค์ตื่นตัวในทันที ซึ่งจากนั้นเพียงชั่วครู่เดียวโม่หลิงซีและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่เรือนรับรองที่หลิงตู้ฉิงอาศัยอยู่
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “ว่านถิงเกิดขึ้นมาโดยมีร่างแห่งเต๋า ดังนั้นนางจึงเป็นผู้ที่เหมาะที่สุด ท่านจะให้นางช่วยพวกเราสักหน่อยไม่ได้หรือยังไง?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะด้วยสีหน้าเย็นชา “การที่ข้าส่งลูกสาวของข้ามาที่นี่ก็เพราะว่านางมีร่างแห่งเต๋า ซึ่งมันทำให้นางเหมาะจะเป็นผู้นำของพวกเจ้าและทำให้สำนักของพวกเจ้ามีโอกาสรุ่งเรืองอีกครั้ง แต่นี่พวกเจ้ากลับใช้งานลูกสาวของข้าราวกับว่านางเป็นแรงงานของพวกเจ้า อู๋หลงซี ข้าเคยบอกเจ้าไว้แล้วใช่ไหมว่าถ้าหากลูกสาวของข้าต้องทุกข์ยากเพราะสำนักพวกเจ้า พวกเจ้าจะต้องจ่ายราคาอย่างหนัก เจ้าจำได้ใช่ไหม?”
ก่อนที่อู๋หลงซีจะทันได้ตอบอะไรออกไป ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิพูดสวนขึ้นก่อนว่า “ราคาอะไรที่เจ้าต้องการให้พวกเราจ่าย? ไม่สิ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาทำให้พวกเราต้องจ่ายให้เจ้ากัน?”