พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 610 จุดเริ่มต้นหายนะของสันเขาทรราช
ในตอนแรกที่บรรดาผู้คนของสำนักเต๋าสวรรค์ได้ยินว่า หลิงตู้ฉิงกล่าวว่าสำนักของพวกเขานั้นยากจน พวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นว่า หลิงตู้ฉิง จู่ ๆ ก็มอบอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ให้กับสำนักของพวกเขาง่าย ๆ พวกเขาต่างก็คิดในใจ ยอมจนให้สักครั้งก็แล้วกัน! อย่างน้อย ๆ ถ้ายอมรับว่าจนแล้วได้อาวุธศักดิ์สิทธิ์มันก็คุ้มค่าที่จะยอมรับ!
เมื่อจู่ ๆ ก็ได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาแบบนี้ ซวนหยวนก็เผยรอยยิ้มอันเบิกบานและเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณท่านมาก!”
“เอาล่ะ เจ้าและคนของเจ้าทุกคนจงแยกย้ายกันไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับลูกสาวของข้าเป็นการส่วนตัว” หลิงตู้ฉิงไล่ซวนหยวนและบรรดาผู้คนของสำนักเต๋าสวรรค์ออกไปราวกับว่าเขาเป็นเจ้าของสำนักแห่งนี้
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ไม่ใส่ใจเหล่าคนของสำนักเต๋าสวรรค์อีกว่าจะแสดงท่าทียังไงกับคำพูดของเขา เขาดึงตัวหลิงว่านถิงมาอยู่ใกล้ ๆ และพูดกับนางว่า “ลูกพ่อ ตอนนี้พ่อคงไม่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของเจ้าสักเท่าไหร่เพราะว่าความแข็งแกร่งของทาสรับใช้ของเจ้าทั้ง 15 คนนั้นเพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้พอสมควร แต่ทาสรับใช้เหล่านี้นั้นจำนนต่อเจ้าเพราะอำนาจของสัญญากฎสวรรค์เท่านั้น พวกเขาไม่ได้ภักดีต่อเจ้าอย่างแท้จริง ดังนั้นในเมื่อความแข็งแกร่งของการคุ้มกันของเจ้าไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ พ่อจะมอบทาสรับใช้ของพ่อที่อ่อนแอที่สุดไว้คอยติดตามเจ้าอีก 1 คน ซึ่งทาสรับใช้ของพ่อจะภักดีต่อเจ้าไปจนวันที่เขาสิ้นสุดลมหายใจ”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็หันไปพูดกับหลิวไฮ่กวน ผู้ซึ่งเป็นทาสรับใช้ขอบเขตราชันขั้นต้น “นับจากนี้ไปเจ้าจงติดตามลูกสาวของข้าและปกป้องนางด้วยชีวิตของเจ้า จงทำตามคำสั่งของนางทุกอย่างเฉกเช่นเดียวกับที่เจ้าทำตามคำสั่งของข้า”
หลิวไฮ่กวนพยักหน้าตอบรับทันที “นายท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะปกป้องคุณหนูด้วยชีวิตของข้า”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ลูกพ่อ ตอนนี้สำนักเต๋าสวรรค์นั้นไม่มีปัญหาอีกต่อไปแล้ว แต่เจ้าเองก็ออกจากบ้านมาเป็นเวลานาน เจ้าอยากจะตามพ่อกลับไปอยู่ที่บ้านเราและเจอกับพี่น้องของเจ้าสักพักไหม?”
หลิงว่านถิงยิ้มและพูดว่า “ท่านพ่อ อันที่จริงเมื่อไม่นานมานี้ข้าเองได้ทราบข่าวของที่บ้านจากพี่ใหญ่มาแล้ว ดังนั้นข้าคิดว่าข้าคงยังไม่กลับไปในตอนนี้จะดีกว่า ไว้ขอข้าอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อยแล้วเดี๋ยวข้าจะกลับหาท่านและทุกคนด้วยตัวเองอีกทีจะดีกว่า”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วในทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ “เจ้าเจอกับยู่ชานงั้นเหรอ? พี่ใหญ่ของเจ้ามาที่นี่ทำไม?”
หลิงว่านถิงหัวเราะ “ท่านพ่อ พี่ใหญ่ได้เจอกับพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาแล้ว และตอนนี้เขาก็กำลังตามพ่อแม่ของเขากลับไปที่สันเขาทรราช! ข้าไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าแท้จริงแล้วพี่ใหญ่จะเป็นคนของตระกูลเทียนที่มีชื่อเสียง!”
สีหน้าของหลิงตู้ฉิงกลายเป็นมืดหม่นในทันที “ไม่ใช่ว่าข้าบอกเขาไปแล้วรึไงว่าห้ามออกจากทะเลชางหมางในระหว่างที่ข้าไม่อยู่! และข้าบอกกับเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าเขาเป็นคนของสันเขาทรราช!”
หลิงตู้ฉิงรู้สึกไม่สบายใจมาตลอดตั้งแต่ออกจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ มาในตอนนี้เมื่อเขาได้ยินเรื่องราวของหลิงยู่ชานจากปากลูกสาวของเขา เขาก็เข้าใจได้แล้วว่าสาเหตุที่เขาไม่สบายใจมันเกิดจากอะไร
หลิงว่านถิงแสดงสีหน้างุนงง “ท่านพ่อ แต่ว่าพี่ใหญ่เขาบอกกับข้าว่าเขาทำการยืนยันสายเลือดของเขากับเหล่าคนตระกูลเทียนแล้ว ซึ่งผลที่ออกมามันก็บ่งชี้ว่าพวกเขามีที่มาเดียวกันนะท่านพ่อ”
หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ “พี่ของเจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร! ข้าได้บอกไปแล้วว่าห้ามออกมาจากทะเลชางหมางไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะมีอันตราย โดยเฉพาะยิ่งพี่ของเจ้าไปที่สันเขาทรราชมันยิ่งมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นหายนะต่อตัวเขาเอง ช่างเถอะ ตอนนี้พ่อจะเสียเวลาไม่ได้แล้ว พ่อต้องรีบไปที่สันเขาทรราชในทันทีเพื่อพาตัวเขากลับบ้าน ลูกพ่อ เจ้าจะอยู่ที่นี่หรือเจ้าจะไปกับพ่อ?”
หลิงว่านถิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็เอ่ยตอบ “ท่านพ่อ ข้าจะไปกับท่าน!”
เมื่อนางได้ยินว่าพี่ใหญ่ของนางอาจจะเกิดอันตราย นางเองก็อยู่ไม่สุขและต้องการที่จะไปช่วยพี่ของนางเช่นกัน
ในตอนนี้นางมีทาสรับใช้ที่แข็งแกร่งอยู่เป็นสิบคน ดังนั้นนางมั่นใจว่าอย่างน้อย ๆ นางก็น่าจะช่วยเหลืออะไรได้บ้างไม่มากก็น้อย
ทางด้านของหลิงยู่ชาน ในตอนนี้ก็กำลังติดตามเทียงซ่งหยูและเหมาลี่กลับไปที่สันเขาทรราช
อันที่จริงความตั้งใจแรกของหลิงยู่ชานก็คือ เมื่อเขาพบกับพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาแล้วเขาอยากจะกลับเข้าไปรอหลิงตู้ฉิงในทะเลชางหมางก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรต่อ
แต่หลังจากการที่เขาถูกรบเร้าโดยเทียนซ่งหยูและเหมาลี่ ให้เขากลับไปที่สันเขาทรราชเพื่อกราบไหว้บรรพบุรุษและปรับแต่งสายเลือดให้เข้มข้นขึ้นกว่าเดิมบวกกับการที่เขาเป็นคนที่มีคุณธรรมและกตัญญูอยู่แล้ว เขาจึงไม่อยากจะปฏิเสธให้พ่อแม่ที่แท้จริงของเขาเสียใจ ดังนั้นเขาจึงยอมทำตามที่พ่อแม่ของเขาปรารถนาเดินทางมาที่สันเขาทรราช
ในระหว่างที่เดินทางนั้น เทียนซ่งหยูและเหมาลี่ต่างก็พยายามเอาอกเอาใจหลิงยู่ชานทุกอย่างรวมไปถึงการขอโทษเขาตลอดเวลาที่ปล่อยให้เขาต้องตกระกำลำบากอยู่ที่ทะเลชางหมางเพียงคนเดียว ซึ่งส่วนนี้มันก็ยิ่งทำให้หลิงยู่ชานปฏิเสธไม่ออก
แต่แล้วหลังจากที่เดินทางไปได้สักพักเมื่อ หลิงยู่ชานได้ยินว่าพวกเขาจะต้องผ่านสักนักเต๋าสวรรค์ด้วย ดังนั้นหลิงยู่ชานจึงบอกกับทุกคนให้แวะที่สำนักเต๋าสวรรค์ก่อนเพื่อที่เขาจะได้ทักทายกับหลิงว่านถิง
เมื่อได้รับการร้องขอจากหลิงยู่ชาน เทียนซ่งหยูก็รีบตอบตกลงทันที
ซึ่งจากนั้นหลิงยู่ชานก็ได้พบกับหลิงว่านถิง และจากนั้นพวกเขาคุยกันได้อยู่พักใหญ่ ๆ จากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้าย
หลิงยู่ชานเดินทางต่อเพื่อกลับไปที่สันเขาทรราชและเมื่อเขาได้เดินทางไปถึงจุดหมาย เทียนซ่งหยูก็รีบพาเขาเข้าไปคารวะเหล่าผู้อาวุโสขจองตระกูลทันที และในเวลาเดียวกัน เทียนหยูเฮงและเทียนเก๋อก็แอบไปพบกับผู้อาวุโสพวกเขาเช่นกัน
ไม่นานหลังจากนั้น เทียนซ่งหยูก็ร้องขอให้หลิงยู่ชานเข้าไปในสถานที่ที่เส้นชีพจรตระกูลสถิตอยู่เพื่อปรับแต่งสายเลือดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งเทียนเก๋อเองก็รู้ข่าวเรื่องนี้ทันทีเช่นกัน เขาจึงเริ่มเคลื่อนไหวตามที่เขาและเหล่าผู้อาวุโสของเขาได้วางแผนเอาไว้
ทางด้านของหลิงยู่ชานก็ถูกนำตัวไปที่เส้นชีพจรตระกูลโดยเทียนหลี ผู้ซึ่งเป็นปู่ของ เทียนซ่งหยู
แต่หลังจากที่เทียนหลีนำหลิงยู่ชานไปที่เส้นชีพจรตระกูล เขาก็ถูกหยุดไว้โดยเทียนเฟิง
“เทียนเฟิง ข้านำตัวเหลนของข้ามาที่นี่เพื่อปรับแต่งสายเลือด!” เทียนหลีเอ่ยขึ้นกับ เทียนเฟิง
เทียนเฟิงยิ้มและตอบกลับว่า “งั้นจงรอสักครู่ก่อน ในตอนนี้เทียนเก๋อกำลังใช้พลังของเส้นชีพจรตระกูลขัดเกลาสายเลือดของเขาอยู่เช่นกัน”
เทียนหลีพยักหน้า
เรื่องปัญหาสายเลือดของเทียนเก๋อนั้นเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วสำหรับคนของสันเขาทราช ดังนั้นการที่เทียนเก๋อต้องพึ่งพาพลังของเส้นชีพจรตระกูลในการขัดเกลาสายเลือดของเขาบ่อย ๆ มันจึงเหมือนเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต่างก็รู้
ด้วยสิทธิพิเศษของเทียนเก๋อที่เป็นถึงโอรสสวรรค์ ดังนั้นหากเขาต้องการใช้เส้นชีพจรตระกูล คนอื่น ๆ ก็จำเป็นต้องรอก่อนให้เขาใช้เสร็จก่อน
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เทียนเก๋อก็เดินออกมาจากห้องเส้นชีพจรตระกูล พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิผู้หนึ่งที่เดินตามหลังออกมาราวกับว่ากำลังคุ้มครองเทียนเก๋ออยู่
เทียนหลีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าอึ้งเล็กน้อย “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นท่านปรมาจารย์เทียนชูนี่เองที่อยู่ด้านในเพื่อช่วยเหลือ ไม่แปลกใจเลยที่รอบนี้เทียนเก๋อดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีกพอสมควร”
เทียนชูยิ้มและเอ่ยว่า “เทียนเก๋อ เป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งของพวกเรา ดังนั้นมันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วที่จะช่วยเหลือเขา ว่าแต่นี่คือเหลนของท่านที่สูญหายไปนานใช่รึเปล่า? ดูแล้วหน่วยก้านไม่เลวเลย เอาล่ะ ท่านรีบเข้าไปด้านในเพื่อให้เหลนของท่านปรับปรุงสายเลือดเถอะ”
เทียนหลีพยักหน้าและพูดว่า “ถ้างั้นข้าขอพายู่ชานเข้าไปด้านในก่อน!”
เมื่อหลิงยู่ชานและเทียนหลีเข้าไปด้านในห้องเส้นชีพจรตระกูล เทียนเฟิงก็รีบเดินมาพูดกับเทียนเก๋อทันที “เจ้าพร้อมไหม?”
เทียนชูเอ่ยขึ้นแทรก “ความแข็งแกร่งของสายเลือดเจ้าหนูนั่นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากจริง ๆ น่าเสียดายที่พรสวรรค์ของเขากลับย่ำแย่ไปสักหน่อยไม่เช่นนั้นสันเขาทรราชของพวกเราคงได้มีโอรสสวรรค์ถึงสองคน ช่างเถอะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงต้องให้เจ้าหนูนั่นเป็นผู้เสียสละแล้วล่ะ เทียนเก๋อ เมื่อถึงเวลาเจ้าจะต้องตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ให้กับข้า เจ้ารู้ใช่ไหม?”
เทียนเก๋อรีบตอบกลับทันที “บรรพบุรุษ ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน ข้าขอสาบานต่อกฎแห่งสวรรค์!”
เทียนชูพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม