พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 612 หายนะของสันเขาทรราช
ในระหว่างที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด จู่ ๆ เทียนเฟิงและเทียนชิวก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าผู้คนและเมื่อพวกเขามองไปที่เทียนเก๋อ สีหน้าของพวกเขาก็เปล่งประกายไปด้วยความยินดี
แต่แล้วเมื่อพวกเขามองไปที่เทียนหลีที่กำลังแสดงท่าทีต่อต้านสุดฤทธิ์ พวกเขาก็เอ่ยขึ้นว่า “พี่เทียนหลี พวกเราขอยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นพวกเราที่เป็นฝ่ายผิด แต่ว่าท่านต้องเข้าใจว่า ชานนั้นมีเพียงแค่สายเลือดที่แข็งแกร่งแต่พรสวรรค์ของเขานั้นช่างต่ำต้อยเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าหากเทียบกับเทียนเก๋อ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องเสียสละสายเลือดของเขาให้กับเทียนเก๋อเพื่ออนาคตของสันเขาทรราชของเรา โปรดท่านจงเข้าใจด้วยด้วย!”
เทียนชูเอ่ยขึ้นเสริมเช่นกัน “ก่อนหน้านี้เทียนเก๋อเองก็ได้สัญญาต่อกฎสวรรค์เอาไว้แล้วว่า เขาจะชดเชยให้กับชานในอนาคตเช่นกัน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เทียนหลีก็ยิ่งโมโหมากเข้าไปใหญ่ แต่เขาเองก็ไม่อาจระบายอะไรมากไปได้มากกว่านี้ เนื่องจากเขาเข้าใจเหตุผลของคนเหล่านี้ดีว่าที่ทำไปทั้งหมดมันเพื่อสันเขาทรราช
แต่สิ่งที่เขารับไม่ได้ก็คือทำไมเรื่องราวแบบนี้มันได้ถึงมาเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของเขา!
เทียนหลีมองไปที่หลิงยู่ช่านที่หมดสติอยู่ในอ้อมแขนของเขา จากนั้นเขาตะโกนขึ้นด้วยความโกรธแค้น “แค่เพื่อความเป็นใหญ่ในอนาคตมันทำให้พวกเจ้าถึงขนาดทำร้ายคนในตระกูลเดียวกันได้แบบนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดกับพวกเจ้าอีกแล้ว! นับจากต่อไปนี้ข้าขอสาปแช่งให้พวกเจ้าทุกคนถูกฟ้าดินลงโทษกันให้หมด!”
เทียนหลีนั้นมีระดับการบ่มเพาะอยู่แค่เพียงขอบเขตจักรพรรดิขั้นกลางเท่านั้น เขารู้ตัวดีว่าสถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่ในตอนนี้เขาคงไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้อีกต่อไป
ดังนั้นในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เขาต้องกระทำก็คือการสำรวจอาการของหลิงยู่ชาน และปลุกขึ้นมาให้ได้เร็วที่สุด
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เทียนหลีก็กอดหลิงยู่ชานเอาไว้แน่น และรีบพุ่งตัวออกไปจากห้องเส้นชีพจรตระกูลทันที
ส่วนทางด้านของเทียนชิวและเทียนเฟิง เมื่อพวกเขาเห็นว่าเทียนหลีได้จากไปแล้ว พวกเขาก็เผยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจออกมาโดยทันที
แต่ทางด้านของเทียนชู เมื่อเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่มันกลายเป็นเช่นนี้เขาก็ส่ายหัวและรู้สึกผิดในใจอยู่บ้างเช่นกัน
แต่แล้วในเวลาเดียวกับที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หลิงตู้ฉิงก็ได้พาคนของเขามาถึงสันเขาทรราชแล้วเรียบร้อย
ก่อนหน้านี้ที่หลิงตู้ฉิงได้ยินว่าหลิงยู่ชานกำลังเดินทางไปที่สันเขาทรราช เขาก็รีบพาเหล่าผู้คนของเขาเดินทางมาที่สันเขาทรราชทันที
แต่น่าเสียดายที่สำนักเต๋าสวรรค์นั้นไม่มีประตูเคลื่อนย้ายที่เชื่อมต่อไปถึงสันเขาทรราช ดังนั้นวิธีการเดินทางเดียวที่หลิงตู้ฉิงสามารถใช้ได้ก็คือการบินไปด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียว
แต่ด้วยความรีบร้อน หลิงตู้ฉิงจึงไม่ได้ให้หลงเฉินเป็นผู้ลากรถมังกรในการเดินทาง แต่หลิงตู้ฉิงกลับใช้ให้เหล่าทาสรับใช้ของเขาที่อยู่ในระดับการบ่มเพาะขอบเขตจักรพรรดิเปิดใช้งานพาหนะวิเศษอย่างเต็มกำลัง เพื่อพาเขามุ่งไปที่สันเขาทรราชแทน
แน่นอนว่าความเร็วของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดินั้นย่อมเหนือล้ำกว่า หลงเฉินอยู่แล้ว
เมื่อสัมผัสได้ถึงความกังวลของสามี เย่ชิงเฉิงก็เอ่ยขึ้นว่า “สามี ท่านอย่ากังวลมากไปเลย ข้าว่าชานจะต้องไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
หลิงว่านถิงพูดขึ้นเสริมเช่นกัน “ท่านพ่อ พี่ใหญ่ จะต้องไม่เป็นอะไรหรอกเชื่อข้านะ”
แม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะได้ยินคำปลอบใจเช่นนี้ ความกังวลใจของเขาก็ไม่ได้คลายลงไปเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน สีหน้าของเขากลับย่ำแย่มากขึ้นไปอีก
ยิ่งเขาเข้าใกล้สันเขาทรราชมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น แล้วแบบนี้มันจะทำให้เขาสบายใจขึ้นได้ยังไง?
ที่สำคัญเขาคือผู้ที่เข้าใจในสถานการณ์ของสายเลือดหลิงยู่ชานมากที่สุดและเข้าใจว่าในสันเขาทรราชนั้นมันมีสิ่งใดที่เป็นภัยคุกคามต่อลูกชายคนโตของเขา มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกใจร้อนมากเข้าไปกันใหญ่
ซวนหยวนที่ติดตามมาด้วยและเห็นว่าในตอนนี้กลิ่นอายของหลิงตู้ฉิงเริ่มจะเปลี่ยนไป เขาจึงเอ่ยขึ้นเตือนสติว่า “พี่หลิง ข้าสัมผัสได้ว่าในตอนนี้กลิ่นอายของท่านเริ่มจะไม่คงที่เท่าไหร่แล้วนะ!”
ในฐานะที่ในตอนนี้เขากลายเป็นผู้พิทักษ์เต๋าของหลิงว่านถิง ดังนั้นเขาจำเป็นต้องติดตามมาด้วยเพื่อปกป้องนาง และด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาที่แข็งแกร่งเหนือกว่าทุกคน ซวนหยวนจึงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากลิ่นอายของหลิงตู้ฉิงในตอนนี้มันค่อย ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
แต่น่าเสียดายที่หลิงตู้ฉิงไม่สนใจอะไรในคำเตือนของซวนหยวนทั้งนั้น เขาเอาแต่จดจ่ออยู่กับการไปถึงสันเขาทรราชให้เร็วที่สุดแค่เพียงอย่างเดียว
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดหลิงตู้ฉิงและคนของเขาก็ได้มาถึงสันเขาทรราช ซึ่งหลังจากที่พวกเขามาถึงพวกเขาก็ถูกหยุดโดยผู้เชี่ยวชาญของสันเขาทรราชทันที
“พวกเจ้าเป็นใคร ต้องการมาทำอะไรที่สันเขาทรราชของพวกเรา!” ผู้เชี่ยวชาญของสันเขาทรราชถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
ถึงแม้ว่ากลุ่มคนของหลิงตู้ฉิง แต่ละคนจะมีระดับการบ่มเพาะที่น่ากลัวแต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญของสันเขาทรราชก็ไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย พวกเขาต่างภาคภูมิใจในชาติกำเนิดของตัวเองว่าไม่เป็นรองใครในโลกทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น และยิ่งโดยเฉพาะเมื่ออยู่ภายในอาณาเขตของพวกเขา
หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาทันที “เล้งเจี้ยนชิว เจ้าจงเปิดทางให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าต้องการไปพบกับลูกชายของข้าโดยเร็วที่สุด!”
เล้งเจี้ยนชิวพยักหน้าและตอบกลับทันที “รับทราบ นายท่าน!”
แน่นอนว่าเล้งเจี้ยนชิวรู้ดีว่าความหมายของคำว่า ‘เปิดทาง’ หมายความว่ายังไง ดังนั้นเมื่อเห็นว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญของสันเขาทรราชขวางทางอยู่ เขาจึงใช้อำนาจของเจตจำนงเขากวาดเหล่าผู้ที่ขวางทางจนตายไปทั้งหมด จากนั้นเขาก็รีบพากลุ่มของหลิงตู้ฉิง เข้าไปในเมืองสันเขาทรราชทันที
“รีบแจ้งข่าวออกไปเร็ว ศัตรูบุก! ศัตรูเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิ!” บรรดาผู้เชี่ยวชาญของสันเขาทรราชที่เหลือรอดอยู่ต่างตะโกนส่งข่าวให้กันและกัน
เมื่อเห็นสถานการณ์บานปลายเช่นนี้ ซวนหยวนที่ตามมาด้วยก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น
ในฐานะที่เขาเป็นบรรพบุรุษของสำนักเต๋าสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำใด ๆ ที่เขาได้กระทำลงไป มันก็ไม่ต่างอะไรกับเจตจำนงของสำนักเต๋าสวรรค์ทั้งสำนัก และยิ่งไปกว่านั้นบรรดาผู้อาวุโสของสำนักเขาอีกสิบกว่าคนที่ยกพวกตามหลิงว่านถิงมาที่สันเขาทรราชในตอนนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการประกาศสงครามกันซึ่ง ๆ หน้าระหว่างสำนักเต๋าสวรรค์และสันเขาทรราช
ตามที่เขาคาดไว้จริง ๆ ว่าการติดตามปีศาจนรกตนนี้มาด้วยนั้นเป็นความคิดที่แย่สุด ๆ!
ต่อให้ปีศาจตนนี้มันจะเปลี่ยนแปลงตัวเองจนมีลูกหลายคนแล้วก็ตาม สันดานของมันก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ในทุกที่ที่ปีศาจตนนี้ย่างกรายไปมันจะต้องมีแต่ความวายป่วงไปทุกหนแห่ง ต่อให้ในตอนนี้ไอ้ปีศาจตนนี้มันจะไม่ได้ลงมือฆ่าด้วยตัวเองเหมือนแต่ก่อน แต่การที่มันสั่งให้คนของมันฆ่าแทนมัน มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยแม้แต่น้อย!
ในระหว่างที่ซวยหยวนกำลังครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดีกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ ทั้งเมืองสันเขาทรราชก็เข้าสู่สภาวะเตรียมรับมือกับศัตรูเต็มรูปแบบไปแล้วเรียบร้อย!