พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 614 ทำลายสันเขาทรราช
เมื่อได้ยินประโยคที่หลิงตู้ฉิงพูดชัด ๆ อีกรอบ เทียนชูและเทียนเฮงก็ได้แต่แสดงสีหน้างุนงงและคิดในใจ ชายคนนี้เป็นพ่อบุญธรรมที่เลี้ยงดูหลิงยู่ชานมาก่อนหน้านี้งั้นเหรอ?
เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงเป็นพ่อบุญธรรม พวกเขาจึงเปลี่ยนมุมมองต่อหลิงตู้ฉิงใหม่
“มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา แต่ในเมื่อตอนนี้เขาได้กลับมาเป็นคนของตระกูลเทียนของพวกข้าแล้ว ดังนั้นต่อให้เจ้าจะเป็นผู้ที่เลี้ยงดูเขามา แต่นี่มันเป็นเรื่องภายในของพวกเรา เจ้าเองก็ยังไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ที่จะมาก้าวก่ายอยู่ดี” เทียนชูเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ทางด้านของเทียนเฮงก็จ้องมองไปที่เทียนชูด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นเขาหันไปหาหลิงตู้ฉิงและเอ่ยขึ้นว่า “ข้าขอขอบคุณท่านจริง ๆ ที่ก่อนหน้านี้อุตส่าห์เลี้ยงดูชานเอ๋อของพวกเราเป็นอย่างดี แต่เรื่องในวันนี้มันไม่ใช่ธุระอะไรของท่านอีกแล้ว โปรดกลับไปเถอะ!”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและตอบกลับว่า “พวกเจ้ากล้าบอกว่าเรื่องของลูกชายข้าไม่เกี่ยวอะไรกับข้างั้นเหรอ? นี่สันเขาทรราชของพวกเจ้าอยากถูกลบหายออกไปจากโลกใช่ไหม?”
“ไอ้หนุ่ม ระดับการบ่มเพาะเท่าหางอึ่งของเจ้าไม่ควรจะพูดจาโอ้อวดให้มันมากนัก!” เทียนชูเหยียดหยาม “ข้าบอกไปแล้วไงว่าให้เจ้าไสหัวไป เจ้าฟังภาษาคนไม่ออกงั้นเหรอ? อย่ามาสร้างความรำคาญให้กับข้ามากนัก ข้าไม่มีเวลาจะมาเล่นกับเจ้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหลิงตู้ฉิงก็ยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในเวลาเดียวกัน เหมาลี่ก็อุ้มหลิงยู่ชานที่ไร้สติมาหาหลิงตู้ฉิง และเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวลสุดขีดว่า “คุณชายหลิง ท่านคิดว่าท่านพอจะช่วยชานได้ไหม? ไม่ว่าพวกเราทำยังไงเขาก็ไม่ตื่นขึ้นมาเลย!”
ก่อนหน้านี้ระหว่างทางที่พวกเขาสามีภรรยาพาหลิงยู่ชานกลับมาที่สันเขาทรราช พวกเขาได้ยินเรื่องเล่าอันน่ามหัศจรรย์มากมายเกี่ยวกับหลิงตู้ฉิงจากปากของหลิงยู่ชานตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็น ความแข็งแกร่งที่เหนือผู้คนทั้งปวง ความเอาใจใส่ที่หลิงตู้ฉิงมีให้กับลูก ๆ ทุกคนรวมไปถึงเขา และอื่น ๆ อีกมากมาย
ดังนั้นในตอนนี้เมื่อนางเห็นว่าหลิงตู้ฉิงได้มาอยู่ที่นี่แล้ว แน่นอนว่านางย่อมมีความหวังที่จะให้หลิงตู้ฉิงแก้ไขสถานการณ์ของหลิงยู่ชาน
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงที่ได้เห็นหลิงยู่ชาน
เมื่อเขามองไปที่ร่างที่ดูซีดเซียวของลูกชายที่เพิ่งจะถูกขโมยพลังสายเลือด หลิงตู้ฉิงได้แต่เหม่อมองพูดอะไรไม่ออก
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในจิตใจของเขาในตอนนี้มันเต็มไปด้วยคลื่นโทสะที่โหมกระหน่ำ
“เจ้าคิดว่ามันยังน่าสนใจอีกไหมล่ะ? บรรดาอารมณ์ที่เจ้ากำลังตามหาน่ะ? ปัญหาไม่รู้จบ พันธนาการต่าง ๆ ความกังวลที่ไม่มีวันหมดสิ้น สถานการณ์ทุกอย่างที่เจ้าไม่อาจคาดคิดถึง”
“เจ้าก็จงคิดเอาจากเรื่องต่าง ๆ ที่เจ้าเผชิญมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็แล้วกันว่ามันซับซ้อนและยิ่งยากแค่ไหนกว่าจะแก้ได้แต่ละอย่าง! เจ้าลองคิดดูให้ดีว่าหากเป็นเมื่อก่อนเรื่องราวทุกอย่างมันแก้ได้ง่ายขนาดไหน! แค่ฆ่ามัน! ฆ่าทุกอย่าง! ฆ่าทุกสิ่งที่ขวางหน้า! แค่นี้ปัญหาทุกอย่างของเจ้าก็หมดแล้ว ทำไมเจ้าจะต้องมานั่งเจ็บปวดและทุกข์ทรมานจากปัญหาโง่เง่าเหล่านี้ด้วย!?”
“หากมีคนไม่เห็นด้วยกับเจ้าหนึ่ง เจ้าก็ฆ่าหนึ่ง หากไม่เห็นด้วยกับเจ้าสอง เจ้าก็ฆ่าสอง ฆ่าทุกชีวิตจนกว่าจะไม่เหลือใครที่ไม่เห็นด้วยกับเจ้า!”
“แล้วดูสภาพลูกของเจ้าในตอนนี้สิ พลังสายเลือดถูกขโมยไปจนหมด เจ้ามีปัญญาลงมือทำอะไรได้รึเปล่าล่ะ?”
“ใช่แล้วเจ้าไม่มี! ไม่สิเจ้าทำไม่ได้! เพราะว่าเจ้าในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความกังวลยังไงล่ะ! เจ้ากังวลไปหมดซะทุกอย่าง! เจ้ากังวลว่าเจ้าจะต้องย้อนกลับไปเส้นทางเดิม เจ้ากังวลว่าจะไม่ได้เจอหน้าลูกเมีย เจ้าในตอนนี้มันอ่อนแอเพราะว่าพันธะต่าง ๆ ที่คล้องเต็มตัวเจ้าไปหมด!”
“เจ้าควรจะปลดเปลื้องพันธนาการของเจ้าและฆ่าพวกมันซะให้หมด! หลังจากที่เจ้าฆ่าพวกมันหมด ปัญหาทุกอย่างที่คอยเกาะกินเจ้ามันจะหายไป มันจะไม่เหลือสิ่งใดมาทำให้จิตใจของเจ้าต้องเจ็บปวดอีก!”
“ไอ้พวกชีวิตเหล่านี้มันไม่ได้มีค่าอะไรมากไปกว่ามด พวกมันควรมีสิทธิ์แค่แหงนหน้าขึ้นมองมาที่เจ้าเท่านั้น พวกมันไม่มีสิทธิ์หายใจดังต่อหน้าเจ้า ร่างกายของมันไม่ควรยืนตัวตรงต่อหน้าเจ้าแบบนี้ สิ่งที่พวกมันทำควรมีเพียงอย่างเดียวคือนอนราบไปกับพื้นเมื่อเจ้ายืนอยู่ต่อหน้าพวกมัน!”
เมื่อความคิดเหล่านี้พรั่งพรูอยู่ในหัว กลิ่นอายที่หลิงตู้ฉิงปลดปล่อยออกมาจากร่างก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป
เทียนชูจ้องไปที่เหมาลี่ และเอ่ยขึ้นกับหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าเย็นชา “ไอ้หนุ่ม ข้าขอเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายให้เจ้าจงไสหัวไปเดี๋ยว ไม่เช่นนั้นข้าจะบี้เจ้าให้ตายเหมือนมด!”
หลิงตู้ฉิงจ้องมองไปที่เทียนชูด้วยสายตาเย็นชา “ใช่เลย มด! พวกเจ้ามันเป็นแค่มดที่น่ารังเกียจที่คิดว่าตัวเองสูงส่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเจ้ามันก็เป็นแค่มด! มดที่ข้าจะฆ่าเท่าไหร่ก็ได้โดยไม่ต้องคิดสักนิด!”
เมื่อพูดจบ บางสิ่งบางอย่างในร่างกายและหัวใจของหลิงตู้ฉิงก็เหมือนถูกปลดพันธนาการออกมา
เทียนชูสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงแปลก ๆ ในร่างของหลิงตู้ฉิงเช่นกัน แต่เมื่อเขาไม่สามารถอธิบายได้แต่สัมผัสได้ว่ามันน่าจะเป็นเรื่องไม่ดี เขาจึงมีความคิดที่จะสังหารหลิงตู้ฉิงทันที
แต่ก่อนที่เทียนชูจะทันได้ลงมือ จู่ ๆ หลิงตู้ฉิงก็เผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมและเอ่ยขึ้นว่า “เอาล่ะ เหล่ามดทั้งหลายเวลาตายของพวกเจ้ามาถึงแล้ว!”
เมื่อพูดจบ หมอกสีแดงโลหิตอันน่าสยดสยองก็แผ่ออกจากร่างของหลิงตู้ฉิง และกระจายไปทั่วทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว ซึ่งทางด้านของหมิงยู่ที่ยังคงสถิตอยู่ในร่างกายของหลิงตู้ฉิงก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า สิ่งที่อยู่ในร่างกายของหลิงตู้ฉิงในตอนนี้มันคือสิ่งเดียวกับที่มหาวิถีเต๋าของนางหวาดกลัวมากที่สุด แต่หลังจากที่นางได้สัมผัสความกลัวนี้เพียงชั่วครู่เดียว ตัวตนของนางที่สถิตอยู่ในร่างของหลิงตู้ฉิงก็ถูกทำลายหายออกไป
โชคยังดีที่ร่างของนางที่หลอมรวมเข้ากับร่างกายของหลิงตู้ฉิงเป็นเพียงร่างจำแลงโลหิตอมตะ ดังนั้นนางจึงยังคงไม่ตาย
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในเวลานี้เมื่อหมอกโลหิตแผ่ออกมาจากร่างกายของเขาจนหนาแน่น จู่ ๆ รัศมีแสงสีดำทมิฬก็แพร่ออกมาจากร่างของเขา
เมื่อแสงสีดำนี้ปรากฏขึ้น พื้นที่รอบ ๆ ที่ถูกแสงสีดำนี้ส่องทับก็ดูเหมือนราวกับว่ามันถูกกลืนกินจนหายไปและแม้กระทั่งมิติต่าง ๆ ก็เริ่มพังทลาย
เทียนชู เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็ตื่นตระหนกทันทีและตะโกนว่า “กล้าใช้ลูกไม้กับข้างั้นเหรอ ตายซะ!”
เขาปล่อยหมัดของเขาไปหาหลิงตู้ฉิง
แต่แล้วเมื่อหมัดของเขาได้สัมผัสกับแสงสีดำที่แพร่ออกมาจากร่างของหลิงตู้ฉิง ร่างของเทียนชูก็กลายเป็นแข็งค้าง จากนั้นร่างของเขาก็ถูกแสงสีดำกลืนกินด้วยความรวดเร็ว ซึ่งในเวลาเพียงชั่วครู่เดียวร่างของเขาก็สูญสลายหายไปจนหมดสิ้น
เทียนเฮงที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่หลิงตู้ฉิง ซึ่งเมื่อเขามองไปที่แววตาคู่นั้นของหลิงตู้ฉิง เขาก็สัมผัสได้ว่าสายตาแบบนี้มันคือสายตาของผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดที่มองลงมายังเหล่าสรรพชีวิต มันไม่ใช่แววตาที่คนธรรมดาจะมีได้!
เทียนเฮงรู้สึกทั้งตกตะลึงและหวาดกลัวอย่างสุดขีด เขารีบพาคนของเขาทั้งหมดถอยห่างออกไปนับร้อยกิโลเมตรทันที
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในเวลานี้ก็สามารถลอยอยู่เหนือพื้นได้ทั้ง ๆ ที่ระดับการบ่มเพาะของเขามีแค่เพียงขอบเขตประสานทะเลปราณ
ไม่ว่าแสงสีดำที่แพร่ออกมาจากร่างกายของเขามันจะแพร่และตกกระทบไปถึงไหน พื้นที่นั้น ๆ ก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งภาพในตอนนี้มันเหมือนกับว่าหลิงตู้ฉิงกลายเป็นจุดศูนย์กลางของหลุมดำที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ หายไป
แค่เวลาเพียงชั่วครู่เดียว ในที่สุดแสงสีดำก็แพร่มาจนถึงพื้นดิน ซึ่งเมื่อมันตกกระทบถึงพื้นดิน ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนพื้นก็ถูกกลืนกินหายไปไม่หลงเหลืออะไรเลยแม้แต่น้อย
“เร็วเข้าฆ่ามัน ฆ่ามันซะ!” ใครบางคนร้องตะโกนขึ้น
หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป มันไม่ใช่ว่าเมืองสันเขาทรราชของพวกเขาจะต้องหายไปจนหมดเลยไม่ใช่งั้นเหรอ?
จากนั้นทั้งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ อาวุธระดับจักรพรรดิ พลังของมหาวิถีเต๋าแห่งสันเขาทรราชก็ถาโถมใส่เข้าไปยังหลิงตู้ฉิงไม่รู้จบ
แต่แล้วด้วยการดำรงอยู่ของแสงสีดำที่แพร่กระจายออกไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ หรือพลังอำนาจใด ๆ เมื่อมันกระทบเข้ากับแสงสีดำ พวกมันก็หายไปอย่างดื้อ ๆ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แสงสีดำแพร่กระจายออกไปโดยที่ไม่มีใครสามารถทำอะไรกับมันได้แม้แต่น้อย ซึ่งในตอนนี้เมืองสันเขาทรราชก็ค่อย ๆ หายไปเรื่อย ๆ
ไม่ว่าจะเป็นพลังแห่งกฎต่าง ๆ ค่ายกลป้องกัน สิ่งก่อสร้าง เหล่าผู้เชี่ยวชาญ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลายลงไปเรื่อย ๆ
บรรดาผู้คนของสันเขาทรราชต่างมองสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับเมืองของตัวเองด้วยสายตาสิ้นหวังและหวาดกลัว
นี่พวกเขาไปล่วงเกินตัวตนแบบนี้ได้ยังไง?
ในเวลานี้ไม่ใช่แค่เพียงเหล่าผู้คนของสันเขาทรราชที่หวาดกลัว แต่ทุกคนบนโลกก็รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่จู่ ๆ ก็เกิดขึ้นในใจได้เหมือนกันทั้งหมด
ไม่มีใครรู้ว่าความกลัวนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่สิ่งที่พวกเขาสัมผัสได้ก็คือในตอนนี้มันคล้ายกับว่าวันสิ้นโลกกำลังคืบคลานมาหาพวกเขา
ในที่ห่างไกล ณ ทะเลชางหมาง ยันต์สั่งสวรรค์ที่มี่ไลพกติดตัวอยู่ตลอดจู่ ๆ ก็ลอยออกจากร่างของนางและคลี่ออก หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์มองไปยังทิศทางของสันเขาทรราชและพึมพำว่า “ท้ายที่สุดความพยายามของข้าก็สูญเปล่า…”