พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 62 ณ จวนเจ้าเมืองฟินิกซ์[รีไรท์]
บทที่ 62 ณ จวนเจ้าเมืองฟินิกซ์[รีไรท์]
หลังจากที่เฮ่อเจี้ยนปิงกลับมาถึงจวนเจ้าเมือง เขาก็เตรียมตัวที่จะกลับไปเมืองหลวงทันทีด้วยอาการรู้สึกสับสน
เมื่อหยิงหวูเจี้ยงเห็นว่าศิษย์พี่ของเขากลับมาแล้ว เขาจึงถามทันทีว่า “เป็นไงบ้างศิษย์พี่?”
เฮ่อเจี้ยนปิงโบกมือแล้วพูดว่า “คนของเจ้าคงมองไม่ทันจริง ๆ ข้าพบร่องรอยของการต่อสู้เมื่อวานนี้ของพวกเขา จากที่ข้าดูร่องรอยของการต่อสู้มันเหมือนกับว่าคนที่มาจากกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตจะถูกกดดันให้ถอนตัวกลับไป”
“ท่านคิดอย่างนั้นหรือ?” หยิงหวูเจี้ยงถามอย่างรวดเร็ว
ขอบเขตควบแน่นลมปราณประมือกับขอบเขตรวมแสงดารา และผลที่ออกมาคือขอบเขตรวมแสงดาราหนีไป?
“ข้าก็ไม่อยากเชื่อแบบนั้นหรอก!” เฮ่อเจี้ยนปิงส่ายหัว “บางทีอาจจะมีบางอย่างที่เราไม่เข้าใจ เอาล่ะ พักเรื่องนี้ไปก่อนแล้วกัน ข้าต้องติดต่อกับอาจารย์ก่อน ข้าขอยืมคริสตัลสื่อสารของเจ้าได้ไหม? ข้ามีเรื่องสำคัญมากที่จะบอกอาจารย์”
หยิงหวูเจี้ยงพูดขึ้นพลางยื่นคริสตัลสื่อสารสีแสงให้เฮ่อเจี้ยนปิง “นี่เป็นคริสตัลสื่อสารที่ไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินที่มีเพียงช่วงสงครามเท่านั้นถึงจะสามารถใช้งานได้ แต่เมื่อศิษย์พี่ได้รับคำสั่งมาจากท่านอาจารย์ ศิษย์พี่ก็ใช้งานได้”
เมื่อได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากหยิงหวูเจี้ยง เฮ่อเจี้ยนปิงจึงได้ติดต่อกับจ้าวปาเทียนทันที
“อาจารย์หลังจากการตรวจสอบข้าก็ได้ข้อสรุปเบื้องต้นของหลิงตู้ฉิงแล้ว” เฮ่อเจี้ยนปิงรายงาน
จ้าวปาเทียนขมวดคิ้ว “เจ้าเจอเรื่องสำคัญอะไรถึงขนาดต้องใช้คริสตัลสื่อสารฉุกเฉินเพื่อติดต่อข้า?”
เฮ่อเจี้ยนปิงเล่าเรื่องของหลิงตู้ฉิงแล้วพูดต่อว่า “นี่เป็นเหตุการณ์ที่ข้าเข้าใจในระยะสั้น ๆ มีเรื่องแปลก ๆ มากมายเกี่ยวกับหลิงตู้ฉิง แต่ตัวตนของเขาได้รับการยืนยันแล้วว่าเขาเป็นหลานชายของแม่ทัพหลิงเจิ้งสง การฝึกฝนและความแข็งแกร่งของเขาไม่เลวเลย ที่สำคัญที่สุดคือเขาเป็นคนที่มีความรู้และเป็นคนที่มีนิสัยใจคอที่ไม่เลว”
เฮ่อเจี้ยนปิงคิดว่าจริง ๆ แล้ว จ้าวปาเทียนส่งเขาไปตรวจสอบว่าที่หลานเขยของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงพูดลักษณะนิสัยใจคอของหลิงตู้ฉิงขึ้นมาเสริม
แน่นอนว่าเรื่องที่เขากล่าวก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน
จ้าวปาเทียนขมวดคิ้วเมื่อเขาได้ฟังคำอธิบายของเฮ่อเจี้ยนปิง
อย่างไรก็ตามถ้าตัวตนของหลิงตู้ฉิงมีปัญหา มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเชิญหลิงตู้ฉิงมาเป็นอาจารย์ที่สถาบันราชวงศ์
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลิงมีความแข็งแกร่งเท่าไหร่? และเด็ก ๆ พวกนั้นแปลกกว่าคนอื่นอย่างไร?
“แล้วลูก ๆ ของเขาล่ะ?” จ้าวปาเทียนถาม
เฮ่อเจี้ยนปิงกล่าวด้วยความเข้าใจว่า “เด็ก ๆ พวกนั้นดูไม่มีปัญหาอะไร พวกเขาเป็นแค่ลูกบุญธรรมที่หลิงตู้ฉิงอุปการะมาเท่านั้น จริง ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย ข้าได้ยินมาว่าเขาเพิ่งไปหอนางโลมมาเร็ว ๆ นี้ นอกจากนั้นเขาก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เขาน่าจะเหมาะกับหลานสาวของท่าน”
“ข้าถามเจ้าว่าเด็กเหล่านั้นฝึกฝนกันอย่างไร….” จ้าวปาเทียนกล่าวด้วยความไม่พอใจ ทันใดนั้นเขาก็ตกตะลึงว่า “เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
“อาจารย์ ก็ท่านให้ข้าไปตรวจสอบว่าที่สามีในอนาคตของเหมิงลู่ไม่ใช่เหรอ?” เฮ่อเจี้ยนปิงหัวเราะและพูดต่อว่า “แต่หลิงตู้ฉิงนั้นมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก เขายังสามารถรู้ถึงความเกี่ยวข้องของข้ากับเหมิงลู่ได้ตั้งแต่แรกที่ข้าพบกับเขา อันที่จริงแม้แต่ข้าเองก็ยังไม่สามารถหยั่งถึงความแข็งแกร่งของเขาได้ละเอียดเลย”
“อาจารย์ ข้าเกรงว่าอีกไม่นานท่านคงได้ดื่มเหล้ามงคลของงานแต่งเหมิงลู่ ใช่แล้วอาจารย์ ท่านทราบหรือยังว่าหลิงตู้ฉิงกล่าวว่าเขาต้องการให้เหมิงลู่กลับมาภายใน 3 เดือน ถ้ามีเวลามากกว่านี้ข้าจะไม่ใช้คริสตัลสื่อสารฉุกเฉินเพื่อติดต่อท่าน………..อาจารย์?…อาจารย์?…!”
เมื่อสังเกตว่าไม่มีเสียงอีกด้านหนึ่งตอบกลับ เฮ่อเจี้ยนปิงจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตัดการเชื่อมต่อของคริสตัลสื่อสาร…
จ้าวปาเทียนขณะนี้กำลังนั่งตกตะลึง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดพึมพำว่า “ข้าก็สงสัยว่าทำไมเสี่ยวเหมิงถึงได้ยกย่องหลิงตู้ฉิงมากนักเมื่อตอนนางกลับมา ที่แท้นางพยายามยกยอความสามารถของว่าที่สามีนางให้ข้าเปิดทางให้นางและหลิงตู้ฉิงนี่เอง…แต่จะว่าไปหลิงตู้ฉิงผู้นี้มีฐานะเป็นหลานชายของหลิงเจิ้งสง แม้ว่าเขาจะเป็นบุตรจากลูกนอกสมรส แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว แม้ว่ามันจะดูแปลก ๆ สักหน่อย แต่ก็ไม่สำคัญ ช่างมันก็แล้วกัน ในเมื่อหลานของข้าชอบพอในตัวเขา เช่นนั้นข้าจะลองให้โอกาสเขาดูสักครั้ง”
“ยังไงซะตำแหน่งผู้ช่วยของข้าในสถาบันราชวงศ์ มันก็เป็นตำแหน่งที่สำคัญมากและไม่มีผลกระทบเท่าไหร่กับสถาบันอยู่แล้วคงไม่มีใครคัดค้านเรื่องนี้ได้แน่นอน ส่วนบลูก ๆ ของเขา ตราบใดที่พวกเขาไม่ส่งผลกระทบต่อความสุขของเสี่ยวเหมิงข้าก็คงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ยังไงซะความสุขของหลานข้าต้องมาเป็นอันดับแรก ถ้านางชอบเขาจริง ๆ ข้าจะต้องให้นางแต่งกับเขาให้ได้ ต่อให้หลิงเจิ้งสงจะไม่เห็นด้วยก็ตาม!”
หลังจากคุยกับตัวเองซักพัก จ้าวปาเทียนก็หยิบคริสตัลสื่อสารขึ้นมาติดต่อจ้าวเหมิงลู่ว่า “เสี่ยวเหมิง เจ้าเข้ามาหาปู่ที่ห้องทำงานที”
คริสตัลสื่อสารอันที่จ้าวปาเทียนใช้อันนี้เป็นแบบระดับต่ำ ใช้ติดต่อสื่อสารได้เพียงในระยะใกล้เท่านั้น ส่วนการสื่อสารทางไกลต้องใช้คริสตัลสื่อสารระดับสูงของกองทัพเท่านั้น
เมื่อจ้าวเหมิงลู่ได้รับคำสั่งจากจ้าวปาเทียน นางจึงรีบมาหาปู่ของนางทันที
เมื่อนางมาถึง นางจึงเริ่มถามด้วยท่านกังวลปนสงสัย “ท่านปู่ ท่านมีอะไรรึเปล่า ทำไมจู่ ๆ ท่านถึงเรียกให้ข้าเข้ามาหา หรือว่าท่านจัดการเรื่องเกี่ยวกับหลิงตู้ฉิงและลูก ๆ ของเขาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
นางคิดอย่างจริงจังว่า หากสถาบันราชวงศ์ของปู่นางไม่สามารถดึงหลิงตู้ฉิงเข้าร่วมได้ มันจะเป็นความสูญเสียที่มหาศาล นางรู้สึกค่อนข้างกังวล
อย่างไรก็ตามมุมมองของจ้าวปาเทียนในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
จ้าวปาเทียนมองไปยังจ้าวเหมิงลู่อย่างเอ็นดู เขาส่ายหัวแล้วยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “เสี่ยวเหมิงเอ๋อ…เจ้าได้ไปเลือกคู่ครองกับพ่อแม่ของเจ้าหรือยัง? มีใครที่ถูกใจเจ้าสักคนไหม?”
“ไม่” จ้าวเหมิงลู่แทบจะตอบในทันทีที่จ้าวปาเทียนถามจบ “ท่านปู่ ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลยนะ!”
จ้าวปาเทียนรู้สึกจนใจ เขายิ้มและตอบจ้าวเหมิงลู่ด้วยคำถามว่า “ดูที่เจ้าร้อนรนสิ เจ้าชอบหลิงตู้ฉิงใช่ไหม?”
จ้าวเหมิงลู่รู้สึกตะลึง นางยังไม่ได้บอกกับใครเลยเรื่องข้อตกลงของนางกับหลิงตู้ฉิง แล้วปู่ของนางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
นางเพิ่งรู้จักกับหลิงตู้ฉิงเพียงไม่นาน หากนางพูดเรื่องที่นางจะไปแต่งงานกับหลิงตู้ฉิง แน่นอนว่าตระกูลของนางจะไม่ยินยอมให้นางไปอย่างแน่นอน นั่นเพราะต่อให้ฐานะของหลิงตู้ฉิงจะดูเหมือนว่าเคยอยู่ในตระกูลชนชั้นสูง แต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่าเขายังอยู่ในช่วงตกต่ำ ต่อให้นางจะอธิบายว่าเขามีความสามารถมากมายยังไงมันก็ยังคงไม่เพียงพอที่ตระกูลของนางจะคิดว่าหลิงตู้ฉิงเหมาะสมกับนางแน่นอน
นางวางแผนไว้ว่าจะให้ปู่ของนางเชิญหลิงตู้ฉิงเข้ามาที่สถาบันก่อน จากนั้นนางจะให้หลิงตู้ฉิงแสดงความสามารถให้ปู่ของนางเห็นความสามารถที่มหัศจรรย์ของเขา
เมื่อปู่ของนางได้เห็นความสามารถของหลิงตู้ฉิงแล้ว นางถึงจะเริ่มพูดถึงข้อตกลงของการแต่งงานระหว่างนางและหลิงตู้ฉิง
ในเวลานี้นางคาดไม่ถึงเลยว่าเรื่องมันจะแดงออกมาแล้ว!
นางหลบสายตาก้มหน้ามองลงกับพื้น และกล่าวกับปู่ของนาง “ขะ ข้า ไม่รู้ว่าท่านปู่กำลังพูดเรื่องอะไร…”
เมื่อจ้าวปาเทียนเห็นถึงอาการเขินอายของหลานสาว เขาก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และยืนยันการตัดสินใจของเขาแก่จ้าวเหมิงลู่ “เอาล่ะ เพื่อเห็นแก่ความสุขของเจ้า ปู่ให้สัญญาว่าจะเชิญเขามาที่สถาบันของเรา แต่…เขาจะยังรับตำแหน่งอาจารย์ผู้สอนไม่ได้ นอกซะจากว่าเขาจะแสดงความสามารถจนเป็นที่ยอมรับ ข้าจะให้ตำแหน่งอื่นที่ไม่มีความสำคัญให้กับเขาก่อน”
“สำหรับลูก ๆ ของเขานั้น ในเมื่อเจ้าบอกว่าพวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะ ปู่จะให้พวกเขาได้ลองเข้าชั้นเรียนพื้นฐานเบื้องต้นของสถาบันก่อน หากพวกเขามีผลการศึกษาเป็นที่น่าพึงพอใจ ปู่ค่อยย้ายพวกเขาไปชั้นเรียนหลักต่อ…”
จ้าวเหมิงเงยหน้าขึ้นมาปู่ของนางด้วยอาการตกตะลึง “ท่านปู่ ทะ ท่านตกลงเหรอ!”
“ข้าจะไม่ตกลงกับคำขอของหลานสาวสุดที่รักของข้าได้ยังไง?” จ้าวปาเทียนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “แต่อันที่จริงแล้ว เจ้าควรเอ่ยกับปู่ตรง ๆ ว่าเจ้ามีคนที่เจ้าชอบอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเก็บไว้เป็นความลับแบบนี้ ถึงแม้ว่าคน คนนั้นจะเป็นคนธรรมดาก็ตามเถอะ”
จ้าวเหมิงลู่รีบตอบโต้ทันควัน “แต่เขาไม่ใช่คนธรรมดาสักหน่อย!”
“ฮ่า ฮ่า ได้ ๆ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะส่งจดหมายเชิญไปหาเขาให้มาที่สถาบันราชวงศ์ ส่วนตำแหน่งของเขา ข้าจะให้เขาเป็นผู้ช่วยอาจารย์ไปก่อนแล้วกัน” จ้าวปาเทียนพูดเสริม “เออ ใช่ เจ้าควรที่จะบอกกับพ่อแม่ของเจ้าด้วยเรื่องเกี่ยวกับหลิงตู้ฉิงคนนี้ ไม่เช่นนั้นพ่อและแม่ของเจ้าก็จะยังคงวุ่นวายหาคู่ครองให้เจ้าเรื่อย ๆ”