พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 633 การเดินทางเพื่อเนรเทศภูเขาเอ้อหลง
มี่ตั้วตั้วที่ได้ยินบทสนทนาทุกอย่างที่หลิงตู้ฉิงได้คุยกับบรรพบุรุษอสูรทมิฬสงคราม ซึ่งมันทำให้ในใจของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามมากมาย
แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยถามอะไรออกไป หลังจากที่บรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามจากไปแล้ว หลิงตู้ฉิงกลับพูดขึ้นมาก่อนว่า “เมื่อชีวิตที่แล้วของข้า เพื่อการสร้างอาวุธของข้า ข้าหลอกเอาสมบัติประจำเผ่าและโอกาสในการสร้างวิถีเต๋าของเขามา ตอนนี้เขาจึงหมดโอกาสที่จะสร้างวิถีเต๋าของเขาเอง และเผ่าของเขาก็ไม่มีโอกาสส่งต่อมรดกให้กับชนรุ่นหลัง”
“และเป็นเพราะเหตุนั้นตาเฒ่านั่นจึงจำเป็นที่ต้องสละร่างกายที่แท้จริงของตนเองหลอมรวมเข้ากับเผ่าของเขาเพื่อค้ำจุนไม่ให้เผ่าของเขาสูญสลายไป ซึ่งมันส่งผลให้เขาไม่สามารถออกมาจากเผ่าของเขาเองได้อีกตลอดกาล”
“แต่มันก็ยังมีทางแก้ไขอยู่อีกหนึ่งทางก็คือเผ่าของเขาจะต้องฝ่าออกไปจากโลกนี้ให้ได้เพื่อหนีกฎที่พันธนาการพวกเขาไว้โดยใช้เจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ของท่าน ดังนั้นนับจากนี้ไปท่านก็แค่ตั้งใจบ่มเพาะ ส่วนพวกเขาจะคอยจับตาดูท่านอย่างใกล้ชิดกว่าที่เคย ซึ่งมันจะทำให้ท่านปลอดภัยมากขึ้นด้วย”
มี่ตัวตั้วมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาตกตะลึง ในตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมบรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามถึงต้องการที่จะฆ่าหลิงตู้ฉิงมากขนาดนั้น และทำไมหลิงตู้ฉิงถึงไม่ตอบโต้อะไรเลย
หลิงตู้ฉิงหยิบอาวุธศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในสองอันที่เหลืออยู่ส่งให้กับมี่ตั้วตั้ว และพูดว่า “ข้าจะฝากอาวุธศักดิ์สิทธิ์อันนี้เอาไว้กับท่านก่อน เมื่อตาเฒ่านั่นส่งอสูรเผ่าของเขามา ท่านก็จงมอบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ไปให้กับอสูรของตาเฒ่านั่น”
“และอย่าได้คิดอิจฉาอะไรทั้งนั้น สิ่งนี้มันก็แค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ ท่านยังไม่สามารถใช้งานมันได้ ดังนั้นสิ่งนี้มันจะมีประโยชน์กว่าหากอยู่ในมือของผู้ที่คู่ควร อ๋อ และอีกอย่างฝากรบกวนท่านบอกกับตาเฒ่านั่นด้วยว่าข้าต้องการหยดเลือดของเขาสักหน่อย ข้าจำเป็นต้องใช้มัน”
แน่นอนว่าหยดเลือดของบรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามนี้ หลิงตู้ฉิงจะนำมันไปให้กับหลิงยู่ชานเพื่อให้หลิงยู่ชานแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
มี่ตั้วตั้วรับอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาและเก็บมันลงไปด้วยอาการตื่นเต้น จากนั้นเขามองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าซาบซึ้งและไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไร
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ท่านไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรข้าหรอก แค่ตั้งใจบ่มเพาะก็พอ”
มี่ตั้วตั้วพยักหน้า จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรต่อและ พาโม่จู่ออกจากคฤหาสน์สราญรมย์ไป
ส่วนทางด้านของหวงอี้เฟย แน่นอนว่าในตอนนี้เขายังคงต้องรั้งอยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์ต่อก่อนเพื่อศึกษาข้อมูลของเต๋าแห่งโอสถที่ได้รับการถ่ายทอดมา
หลิงตู้ฉิง ในเวลานี้จึงเหลืออาวุธศักดิ์สิทธิ์เพียงชิ้นเดียวอยู่กับตัว ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะใช้มันเพื่อเป็นแกนกลางของค่ายกลป้องกันให้กับสถาบันจันทรา
จากนั้น 1 ปีถัดมา ในที่สุดหมิงยู่ก็เดินทางมาถึงทะเลชางพร้อมกับหนิงฉิง
ในตอนนี้หลังจากที่หนิงฉิงได้ทำการใช้โอสถและของวิเศษต่าง ๆ ที่ได้มาจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนครบทั้งหมด ระดับการบ่มเพาะของนางจึงพัฒนามาถึงระดับนภาครามขั้นสูงสุด ซึ่งเหลืออีกเพียงก้าวเดียวจะก้าวข้ามมาอยู่ที่ระดับสวรรค์สมบูรณ์
ส่วนทางด้านหมิงยู่ ในตอนนี้ร่างที่แท้จริงของนางได้บ่มเพาะไปถึงระดับสวรรค์สมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
“นายท่าน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” หมิงยู่รีบถามขึ้นทันทีเมื่อมาถึง
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและตอบกลับ “ข้าสบายดีแล้วในตอนนี้ ว่าแต่พวกเจ้ามาหาข้าที่นี่มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
หมิงยู่หัวเราะ “ก็เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สันเขาทรราชมันน่ากลัวออกขนาดนั้น ข้าก็ต้องเป็นห่วงท่านเป็นธรรมดา หลังจากที่ข้าสร้างร่างโลหิตอมตะได้อีกร่างสำเร็จ ข้าก็รีบพาหนิงฉิงมาดูท่านที่นี่ทันที ข้ารู้สึกโล่งใจจริง ๆ ที่ท่านไม่เป็นอะไร”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ในตอนที่อยู่ที่สันเขาทรราช ข้าต้องขอโทษเจ้าจริง ๆ ที่ทำให้เจ้าต้องเสียร่างโลหิตอมตะไป”
“ไม่เป็นไรหรอกนายท่าน หมิงยู่เป็นผู้หญิงของท่านอยู่แล้ว กับอีแค่ร่างโลหิตอมตะเพียงร่างเดียวมันไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น” หมิงยู่เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ในตอนนี้เมื่อข้าได้เห็นท่านสบายดีข้าก็ดีใจแล้ว นับจากนี้ต่อไปข้าจะอยู่เคียงข้างท่านคอยรับใช้ท่านเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นมา”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อืม แต่ว่าเจ้าจงแจ้งกับคนสำนักของเจ้าด้วยว่าให้พวกเขารีบบ่มเพาะกันให้เร็วที่สุด ในเร็ว ๆ โลกของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง และในการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายจะมีโอกาสอันยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ หากพวกของเจ้าไม่แข็งแกร่งเพียงพอ พวกเจ้าจะพลาดโอกาสเหล่านั้นไปทั้งหมด”
หมิงยู่ตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าจะแจ้งกับพวกเขาให้ได้ทราบทันทีนายท่าน!”
“ในอดีตเหตุผลที่สำนักของเจ้าถูกโจมตีนั้นก็เป็นเพราะว่าสำนักของเจ้าถูกความโลภเข้าครอบงำจนหันไปร่วมมือกับเหล่าอสูรปีศาจ ดังนั้นเจ้าจงอย่าปล่อยให้พวกอสูรปีศาจของสันเขาหมื่นอสูรลากพวกเจ้าไปอยู่ในเส้นทางที่ผิดอีก เจ้าจงเตือนคนของสำนักเจ้าในเรื่องนี้อย่างจริงจังด้วย ส่วนตัวของข้าเองอีกไม่นานข้าก็จะไปคิดบัญชีกับพวกอสูรปีศาจเหล่านั้นเช่นกัน” หลิงตู้ฉิงเอ่ยเตือนขึ้นอีกรอบ
“รับทราบ ข้าจะย้ำเตือนคนของข้าอย่างจริงจัง” หมิงยู่พยักหน้ารับ
“เอาล่ะก็มีเท่านี้ที่ข้าต้องการจะสั่งเจ้า ต่อจากนี้เจ้าก็ติดตามข้าไปเหมือนเดิม” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “ในที่สุดมันก็ถึงเวลาแล้วสินะที่ข้าต้องพาเหล่าลูก ๆ ของข้าออกไปฝึกฝนในสถานที่ที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นการทำให้พวกเขาเติบโตช้าลง”
ในขณะที่หลิงตู้ฉิงกำลังจะพาลูกของเขาบางคนออกเดินทาง แต่หลิงฟ่างหัวกลับเป็นคนแรกที่เตรียมตัวจะออกไปก่อนหน้าเขา
หลิงฟ่างหัวพาทาสรับใช้ของนาง หยูเจิ้นไห่ มาหาหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าจะออกไปท่องโลกเพื่อหาหนทางพัฒนาทักษะของข้า”
“ตอนนี้เลยงั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงเอ่ยถามกลับด้วยสีหน้าสงสัย
หลิงฟ่างหัวพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ในตอนนี้ข้าได้เข้าใจกฎแห่งมิติได้อยู่หลายส่วน แต่มันก็ยังห่างจากคำว่าเพียงพอ ข้าจำเป็นที่จะต้องออกไปท่องโลกเพื่อหาโอกาสใหม่ ๆ และที่สำคัญระดับการบ่มเพาะของข้าในตอนนี้มันก็เริ่มที่สูงขึ้นเร็วมากเรื่อย ๆ หากยังเป็นแบบนี้อยู่ข้าคงจะถึงทางตันเพราะเคล็ดวิชาที่ข้ามีมันระดับสูงไม่มากพอ”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ถ้างั้นพ่อจะทิ้งตราประทับไว้บนประตูมิติของเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ หากเจ้าเผชิญกับอันตรายใด ๆ เมื่อไหร่ เจ้าจะสามารถส่งข้อความผ่านทางตราประทับมาถึงพ่อได้ และอีกอย่างเจ้าจงคิดถึงความปลอดภัยของเจ้าเองเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะมีใครพยายามปล้นเจ้าหรือรังแกเจ้า หากเจ้ารู้ตัวว่าสู้ไม่ได้เจ้าจงพยายามหนีเอาตัวรอดเพียงอย่างเดียว เมื่อถึงเวลาพ่อจะตามไปคิดบัญชีกับพวกคนเหล่านั้นให้เจ้าเอง อ๋อ และอีกอย่างที่สำคัญ อีก 800 ปี เจ้าจงไปที่สำนักเที่ยงธรรมเพื่อช่วยเหลือครูถังของเจ้าด้วย เจ้าห้ามลืมเรื่องนี้เด็ดขาด!”
หลิงฟ่างหัวหัวเราะ “ข้าจะไม่ลืมแน่นอน! หากข้าไม่สามารถสู้ได้ ข้าจะหนีและรอจนกว่าท่านพ่อจะมาช่วยข้าคิดบัญชี และอีก 800 ปี นับจากนี้ข้าจะไปที่สำนักเที่ยงธรรมเพื่อช่วยเหลือครูถัง! เอาล่ะข้าจำได้หมดแล้วข้าไปก่อนนะท่านพ่อ!”
หลิงตู้ฉิงโบกมือวาดตราประทับและแปะมันลงไปบนประตูมิติของหลิงฟ่างหัว จากนั้นเขาพยักหน้าและพูดว่า “เอาล่ะเสร็จแล้ว จงไปเถอะ”
เรื่องการบ่มเพาะของหลิงฟ่างหัวนั้นเป็นเรื่องที่เขาหนักใจมาตลอด เนื่องจากว่าตัวตนระดับสูงที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับพลังมิตินั้นเป็นตัวตนที่ฆ่าได้ยากมาก ๆ ดังนั้นในชีวิตที่แล้วจำนวนที่เขาฆ่าได้สำเร็จมันจึงมันเพียงแค่หยิบมือ ซึ่งมันทำให้เขามีความรู้ในเต๋าแห่งมิติไม่เพียงพอที่จะสอนหลิงฟ่างหัว
และเมื่อรวมกับในมหาพิภพไร้จุดจบนั้นไม่มีขุมกำลังไหนที่มีความเชี่ยวชาญในเต๋าแห่งมิติอยู่เลย มันจึงยิ่งทำให้เขารู้สึกจนปัญญา เขาจึงทำได้แต่เพียงหวังว่าหลิงฟ่างหัวจะสามารถหาวิธีการพัฒนาเส้นทางการบ่มเพาะของตัวนางเองเจอ
ส่วนตัวเขานั้นทำได้เพียงแค่ช่วยเหลือในเรื่องอื่น ๆ เช่น ด้านความปลอดภัยและสนับสนุนโอสถต่าง ๆ ให้นางพื่อให้นางใช้ในการบ่มเพาะอย่างเพียงพอ
แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ หลังจากที่หลิงฟ่างหัวออกจากทะเลชางหมางไปแล้ว นางกลับเอ่ยขึ้นว่า “เฒ่าหยู ภูเขาเอ้อหลงอยู่ที่ไหน? ก่อนหน้านี้ข้าเคยลั่นวาจาเอาไว้ว่าข้าจะเนรเทศภูเขาเอ้อหลงไปอยู่มิติอื่น ในตอนนี้มันถึงเวลาที่ข้าจะทำตามที่ข้าได้พูดไว้แล้ว”
หยูเจิ้นไห่ตอบกลับด้วยท่าทีเคารพ “คุณหนู ภูเขาเอ้อหลงอยู่ในอาณาเขตเอ้อหลง ข้ารู้จักทางที่จะไปที่นั่น”
“ถ้างั้นพวกเราก็ไปที่อาณาเขตเอ้อหลงกันเลย!” หลิงฟ่างหัวออกคำสั่งทันที
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยูเจิ้นไห่ ผู้ซื่อสัตย์ก็นำทางคุณหนูของเขาออกผจญภัยไปยังอาณาเขตเอ้อหลง!