พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 638 สังหารหลูหมิง
หลังจากมู่หยุนชานตั้งใจแล้วว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง เขาก็เริ่มเตรียมตัวโคจรพลังทั้งหมดที่ร่างของเขาจะสามารถสะสมได้ตั้งแต่ตอนก่อนคุยกับหลูหมิง
ในอดีต หลิงตู้ฉิงเคยพูดกับเขาไว้ว่าด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้จะสามารถใช้กระบี่ได้อย่างมากสุดเพียงแค่หนึ่งครั้ง จากนั้นเขาจะไม่สามารถต่อสู้ต่อไปได้อีกพักใหญ่ เนื่องจากเขาจำเป็นต้องทำการพักฟื้นฟูพลังให้กลับมา
แต่หลังจากร้อยปีแห่งการทำความเข้าใจในกระบี่ที่เขาได้รับการถ่ายทอด มู่หยุนชานก็คิดว่าหลิงตู้ฉิงนั้นประเมินตัวเขาสูงเกินไป
หลังจากทำความเข้าใจมันจนบรรลุ มู่หยุนชานก็รู้ว่าด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ แค่ครั้งเดียวเขาก็ไม่สามารถใช้มันได้ จริง ๆ แล้วเขาใช้มันได้เพียงแค่ครึ่งท่าเท่านั้น
ดังนั้นในตอนนี้ เขาจะใช้เพียงแค่ครึ่งท่าในการจัดการกับหลูหมิง ซึ่งเขาก็ตื่นเต้นอยากทดสอบมันเป็นอย่างมากว่ามันจะรุนแรงจนถึงขนาดสังหารหลูหมิงได้หรือไม่
“เจ้าอสูร เจ้ารู้บ้างไหมว่าเจตจำนงแห่งการสังหารนั้นมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็น อากาศ ผืนดิน มหาสมุทร หรือแม้แต่ต้นหญ้า ซึ่งในเวลาปกติพวกเราคงไม่อาจสัมผัสถึงเจตจำนงเหล่านั้นได้ เนื่องจากมันไม่ได้เป็นภัยอะไรต่อเรา” มู่หยุนชานเอ่ยขึ้น “น่าเสียดายที่ระดับการบ่มเพาะของข้านั้นต่ำเกินไปที่จะสามารถใช้กระบี่ที่ท่านลุงของข้าถ่ายทอดให้ได้จนเต็มท่า แต่ข้าก็คิดว่ามันน่าจะเพียงพอที่จะกำจัดอสูรอย่างเจ้า!”
หลังจากวินาทีที่มู่หยุนชานพูดจบ ทุก ๆ ชีวิตที่อยู่ในอาณาเขตสุสานกระบี่ก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่พวกเขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
หินทุกก้อนมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสังหารชีวิตโดยการถูกพวกมันกระทบ ทรายทุกเม็ดสามารถกลบฝังชีวิตให้ดับสิ้น กิ่งไม้ทุกกิ่งสามารถใช้ทิ่มแทงหรือทุบ แม้แต่ต้นหญ้ายังสามารถสังหารได้หากมีปัจจัยเพียงพอ…
ในตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในอาณาเขตสุสานกระบี่แผ่เจตจำนงแห่งการสังหารออกมาทั้งหมด
ถึงแม้ว่าเจตจำนงแห่งการสังหารที่สิ่งของเล็ก ๆ เพียงสิ่งเดียวปลดปล่อยออกมามันจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่เมื่อสรรพสิ่งทุกอย่างปลดปล่อยเจตจำนงแห่งการสังหารออกมาพร้อม ๆ กัน มันก็กลายเป็นพลังเจตจำนงแห่งการสังหารที่ยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการ
เจตจำนงแห่งการสังหารของทุกสรรพสิ่งต่างล่องลอยอยู่ทั่วพื้นดินเต็มไปหมด ซึ่งทั้งหมดนี้มันคือผลพวงของท่าไม้ตาย ‘กระบี่พิภพสังหาร’ ที่มู่หยุนชานกำลังจะใช้เพื่อทำลายศัตรูของเขา
และในตอนนี้ศัตรูของเขาก็คือ หลูหมิง ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง!
มู่หยุนชานมองไปรอบ ๆ กายดูเจตจำนงแห่งการสังหารที่กำลังล่องลอยปกคลุมไปทั่วผืนแผ่นดิน จากนั้นเขาโบกมือดึงเจตจำนงแห่งการสังหารของเหล่าสรรพสิ่งให้ควบแน่นเป็นกระบี่อยู่ในมือ
แค่เพียงชั่วครู่เดียวพลังของเจตจำนงแห่งการสังหารของทุกสรรพสิ่งในอาณาเขตสุสานก็ควบแน่นเป็นกระบี่ครึ่งเล่มอยู่ในมือของมู่หยุนชาน
มู่หยุนชาน เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถขึ้นรูปกระบี่ไปได้มากกว่านี้ เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นเขาเขวี้ยงกระบี่ออกไปหาหลูหมิงอย่างเชื่องช้า
หลูหมิงที่ในตอนแรกไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยกับวิชากระบี่ที่มู่หยุนชานเอ่ยขึ้นว่ามันชื่อ กระบี่พิภพสังหาร
ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาที่สูงกว่ามู่หยุนชาน แถมความแข็งแกร่งโดยรวมในฐานะที่เขาเป็นอสูรนั้นก็มากกว่าอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจอะไรกับกระบี่ที่มู่หยุนชานกำลังจะใช้ เขาจึงรอให้มู่หยุนชานปลดปล่อยมันออกมาเพื่อที่เขาจะได้ทำลายมันทิ้งเพื่อสร้างความสิ้นหวังให้กับมู่หยุนชานอย่างต่อเนื่อง
แต่ว่าหลังจากที่มู่หยุนชานเหวี่ยงกระบี่มาหาเขาและเขาก็สัมผัสได้ถึงเจตจำนงแห่งการสังหารอันหนาแน่นที่มาจากทั้งกระบี่และสรรพสิ่งที่อยู่รอบกาย ซึ่งมันทำให้เขารู้แล้วว่าในตอนนี้ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายไปเรียบร้อย
เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในตอนนี้ทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบกายเขามันส่งเจตจำนงแห่งการสังหารมาหาเขาราวกับว่าเขาเป็นศัตรูของพวกมัน และพวกมันต้องการฆ่าเขา ความรู้สึกตอนนี้ที่เขาเผชิญมันคล้ายกับว่าเขาเป็นศัตรูของผืนพิภพ!
หากเป็นตามปกติ การที่ใครคนใดคนหนึ่งจะกลายเป็นศัตรูของผืนพิภพได้นั้น คนผู้นั้นจะต้องทำผิดต่อกฎสวรรค์ ซึ่งส่งผลให้สวรรค์และผืนพิภพต้องการลงทัณฑ์
แต่สถานการณ์ตอนนี้ที่หลูหมิงเผชิญอยู่นั้นสวรรค์ไม่ได้ขุ่นเคืองใด ๆ ต่อเขา แต่ผืนพิภพดันอยากให้เขาตาย!
หลูหมิงรู้แน่นอนว่าเขาไม่อาจต้านเจตจำนงแห่งการสังหารระดับนี้ที่มาจากผืนพิภพที่เขาเหยียบอยู่ได้ เขาจึงจัดสินใจบินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที
ในเมื่อสวรรค์ไม่ได้ขุ่นเคืองอะไรกับเขา ดังนั้นหากเขาบินขึ้นไปบนฟ้าเขาควรจะรอดใช่ไหม?
ในตอนนี้หลูหมิงไม่คิดถึงเรื่องการสังหารทายาทของเทพกระบี่อีกต่อไปแล้ว เขามีความคิดเพียงอย่างเดียวในหัวสมองก็คือห นีและจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกครั้งเด็ดขาด!
เมื่อเห็นว่าหลูหมิงพยายามบินขึ้นไปบนฟ้าเพื่อหนี มู่หยุนชานก็เอ่ยขึ้นว่า “หากเจ้าคิดว่าการบินหนีขึ้นไปบนฟ้านั้นสามารถที่จะหลีกเลี่ยงกระบี่ของข้าได้ เจ้าก็ดูถูกกระบี่ของข้ามากเกินไปหน่อยแล้ว!”
หลังจากที่มู่หยุนชานพูดจบ เจตจำนงแห่งการสังหารอันแข็งแกร่งสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากสุสานเทพกระบี่เข้ารั้งตัว หลูหมิงที่กำลังบินขึ้นสูงไปบนฟ้าเอาไว้
เจตจำนงแห่งการสังหารที่พุ่งออกมาจากสุสานเทพกระบี่นั้นควบแน่นเป็นกระบี่นับหมื่นเล่มเข้าโรมรันใส่ร่างของหลูหมิงไม่หยุดหย่อน สกัดเขาเอาไว้บนอากาศเพื่อรอ กระบี่ครึ่งเล่มที่มู่หยุนชานเหวี่ยงให้มาถึง
หลูหมิงที่รู้แล้วว่าในตอนนี้เขาคงไม่อาจหนีรอดได้ เขาจึงตัดสินใจที่จะปะทะกับกระบี่ครึ่งเล่มที่พุ่งมาหาเขาแบบตรง ๆ โดยการหยิบเอาทั้งอาวุธระดับจักรพรรดิทั้งสมบัติช่วยชีวิตต่าง ๆ นานามากมายขึ้นมา และพุ่งสวนไปยังกระบี่ครึ่งเล่มทันที
จากนั้นภาพที่มู่หยุนชานเห็นถัดมาก็คือร่างของกวางขนาดมหึมาที่มีความสูงกว่า 200 เมตรค่อย ๆ ร่วงลงมาจากฟากฟ้า และหล่นลงกระแทกพื้นเสียงดั่งสนั่นที่บริเวณไม่ไกลจากหน้าประตูสำนักกระบี่เอกภพของเขา
ในหลุมลึกที่เกิดขึ้นจากแรงกระแทก หลูหมิงที่อยู่ก้นหลุมและกำลังจะใกล้ตาย เขาตะโกนถามขึ้นด้วยความยากลำบาก “ลุงของเจ้าเป็นใครกันที่สามารถคิดค้นกระบี่ที่ไร้เทียมทานขนาดนี้ได้!?”
มู่หยุนชานเดินไปหาหลูหมิงด้วยรอยยิ้ม และตอบกลับว่า “ลุงของข้าก็คือผู้ที่พ่อของข้าคอยติดตามรับใช้ในอดีต ข้าเข้าใจว่าเผ่าอสูรอย่างเจ้าน่าจะรู้ดีนะว่าเขาคือใคร จริงไหม?”
หลูหมิงพึมพำด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยเป็นเฮือกสุดท้ายก่อนตาย “ดาวมรณะนั่นกลับมาแล้วงั้นเหรอ…ถ้างั้นอนาคตของเผ่าข้าก็คงจบแล้วสินะ…”
หากหลูหมิงรู้ตั้งแต่แรกว่า ‘ลุง’ ที่มู่หยุนชานเอ่ยถึงนั้นคือ หลิงตู้ฉิง เขาคงหนีไปตั้งแต่แรกแล้ว
น่าเสียดายที่เขามารู้ในตอนนี้ที่มันสายไปทั้งหมด เขาไม่สามารถกลับไปแจ้งข่าวร้ายนี้ให้กับสันเขาหมื่นอสูรให้ได้ทราบ
ในเมื่อคนผู้นั้นกลับมา มันก็หมายถึงว่าชะตากรรมของเหล่าอสูรทั้งหลายกำลังจะก้าวไปสู่จุดจบ
มู่หยุนชานมองไปที่ร่างอันมหึมาของหลูหมิง จากนั้นเขาหันหลังกลับไปตะโกนบอกคนของเขาในสำนักกระบี่เอกภพ “ลากร่างของมันเข้าไปในสำนักและทำการชำแหละเนื้อ หนัง เลือด เส้นเอ็น และ กระดูกออกจากกัน จากนั้นก็เอาไปเก็บรักษาเอาไว้ให้ดีทุกส่วนในร่างกายของมันสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด”
เมื่อได้ยินคำสั่ง บรรดาศิษย์ของสำนักกระบี่เอกภพก็รีบวิ่งกรูกันเข้ามาลากร่างของหลูหมิงด้วยสีหน้าเบิกบาน ในระหว่างที่ มู่เทียนหยู มู่ว่านชิว และบรรดาผู้อาวุโสของสำนักต่างมองไปที่มู่หยุนชานด้วยอาการตกตะลึง
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า พ่อหรือบรรพบุรุษของพวกเขาจะสามารถสังหารอสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นปลายได้ด้วยตัวคนเดียว
“ท่านพ่อ นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?” มู่ว่านชิวถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่เชื่อ
มู่หยุนชานตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ในตอนนี้สิ่งที่ข้าทำได้ดีที่สุดก็คือการรวบรวมเจตจำนงแห่งการสังหารของสรรพสิ่งได้เพียงแค่ในอาณาเขตเดียวเท่านั้น แต่อำนาจที่แท้จริงของกระบี่นี้มันสามารถรวมเจตจำนงแห่งการสังหารของสรรพสิ่งได้ทั้งโลก! ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต มันดึงเจตจำนงแห่งการสังหารออกมาเกื้อหนุนมันได้ทั้งหมด ข้าจินตนาการไม่ออกจริง ๆ ข้าจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะมีใครที่สามารถต้านทานกระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยเจตจำนงแห่งการสังหารของสรรพสิ่งทุกอย่างบนโลกแบบนั้นได้!”