พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 647 สืบหาความจริง
ภาพเหตุการณ์ที่หลิงฟ่างหัวพยายามสร้างรอยแยกมิติไปหาภูเขาเอ้อหลงนั้นถูกพบเห็นโดยใครหลายคน
ดังนั้นมันจึงเป็นปกติที่หลิงตู้ฉิงจะได้เห็นภาพนั้นเช่นกันผ่านห้วงความทรงจำของผู้เห็นเหตุการณ์
แต่โชคร้ายที่เขาไม่เห็นภาพเหตุการณ์ในช่วงท้ายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เนื่องจากชายคนที่โม่หยูถังนำตัวมาได้หนีออกจากบริเวณภูเขาเอ้อหลงทันที หลังจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญของภูเขาเอ้อหลงปรากฏกายออกมา
เมื่อเป็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงยังคงอยู่ในอาการสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะมันไม่มีทางที่ตอนนี้หลิงฟ่างหัวจะสามารถสร้างรอยแยกมิติที่มีอำนาจพอจะกลืนกินภูเขาเอ้อหลงได้ ใครช่วยนางกันแน่?
“พ่อบ้านโม่ จงประกาศออกไปหาคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับภูเขาเอ้อหลงอย่างละเอียด และประกาศไปด้วยว่าใครมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์จะได้รับโอสถสงบวิญญาณเป็นค่าตอบแทน” หลิงตู้ฉิงสั่งกับโม่หยูถัง
“รับทราบ!” โม่หยูถังตอบรับทันทีและรีบจากไป
ทางด้านของหลงเฉินและเสี่ยวเยว่เฟิงก็ช่วยกันออกไปประกาศหาตัวคนที่รู้รายละเอียดเพิ่มเติมเช่นกัน จะมีก็แต่หลิงไช่หยุนที่อยู่พูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ท่านพ่อ ข้าบอกท่านแล้วเห็นไหมว่าเป็นพี่ห้าที่เป็นคนทำ! พี่ห้าช่างมหัศจรรย์จริง ๆ ที่สามารถเนรเทศภูเขาเอ้อหลงทั้งลูกไปยังมิติอื่นได้ ฮ่าฮ่าฮ่า”
จ้าวเหมิงลู่และหลิวเฟ่ยเฟ่ยต่างก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสับสน “สามี ฟ่างหัวเป็นคนทำจริง ๆ งั้นเหรอ? นางทำได้ยังไงกัน?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่านางทำได้ยังไง ดังนั้นข้าจำเป็นต้องสืบทุกอย่างให้แน่ชัดในเรื่องนี้”
ไม่นานหลังจากที่หลิงตู้ฉิงประกาศออกไป ชายคนหนึ่งก็เดินทางมาหาเขา
“เจ้ามีโอสถสงบวิญญาณงั้นเหรอ?” ชายผู้นั้นถามขึ้น
ชายผู้ที่มาหาหลิงตู้ฉิง คือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชัน ซึ่งอยากได้โอสถสงบวิญญาณเป็นอย่างมากเพื่อใช้มันในการทะลวงระดับของตนเอง
“ใช่ ข้ามีโอสถสงบวิญญาณ” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “แล้วเจ้ารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับภูเขาเอ้อหลง?”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันตอบกลับทันที “ก็มันเป็นเพราะนังปีศาจตนหนึ่งที่สร้างรอยแยกมิติขึ้นมากลืนกินและส่งภูเขาเอ้อหลงทั้งลูกไปอยู่ในห้วงมิติอื่นยังไงล่ะ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น เอาล่ะเจ้าให้โอสถข้าได้รึยัง?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เจ้าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง จงกลับไปซะ!”
หลิงตู้ฉิงรู้ทันทีว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันผู้นี้มันคิดไม่ซื่อ
“แต่…” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันเริ่มแสดงท่าทีดึงดัน “เอาล่ะ ข้ายอมรับว่าข้าไม่ได้เห็นเหตุการณ์จริง ถ้างั้นข้าถามสักหน่อยได้ไหมว่าเจ้าจะขายโอสถสงบวิญญาณให้ข้าได้รึเปล่า?”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “เอาล่ะถ้าเจ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็จงจากไปซะ อย่ามารบกวนการแลกเปลี่ยนของข้า”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ไม่ใส่ใจอะไรกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันผู้นั้นอีก และรอคนที่เห็นเหตุการณ์ในช่วงท้ายจริงให้ปรากฏตัวขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันถอยไปยืนอยู่ไม่ห่างด้วยสีหน้าไม่ยินยอม เขามองไปที่เย่ฉิงเสี่ยวและคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลิงตู้ฉิง พลางคิดวางแผนอะไรบางอย่างในใจ
หลิงตู้ฉิงเหล่ตามองไปที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันและพูดว่า “ข้าขอแนะนำให้เจ้าล้มเลิกความคิดใด ๆ ก็ตามที่เจ้ากำลังคิดอยู่ ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่อาจได้อยู่ถึงวัยชราแน่นอน”
“ข้าต้องการโอสถสงบวิญญาณจริง ๆ เจ้าขายมันให้ข้าไม่ได้เหรอไง?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันได้แต่ถามขึ้นอีกครั้ง
หลิงตู้ฉิงถามกลับ “เจ้าควรจะรู้อยู่แล้วว่าโอสถสงบวิญญาณนั้นมีราคาเท่าไหร่ ดังนั้นเจ้าคิดว่าเจ้ามีปัญญาที่จะจ่ายมันไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันก็กลายเป็นขมขื่นในทันที เขารู้ตัวว่าเขาคงไม่อาจจ่ายราคาขนาดนั้นได้
“ดูเหมือนว่าเจ้าคงจะไม่มีปัญญาจ่ายสินะ!” หลิงตู้ฉิงพูดต่อ “ถ้างั้นข้าจะให้โอกาสเจ้า จงติดตามข้าและฟังคำสั่งข้านับจากนี้เป็นเวลา 1,000 ปี แล้วข้าจะให้โอสถสงบวิญญาณกับเจ้า”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันสีหน้าเปลี่ยนทันที เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้ามืดมน “นี่เจ้าต้องการให้ข้าเป็นทาสรับใช้ของเจ้างั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันเท่านั้นมีอะไรให้ภูมิใจนักหนา? ทาสรับใช้ของข้าแทบจะทุกคนล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับสูงกว่าเจ้า ในเมื่อเจ้าไม่คว้าโอกาสที่ข้ามอบให้แบบนี้ก็จงจากไปซะ!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันแสดงสีหน้าเย็นชาและหันหลังจากไปในทันที
หลิงตู้ฉิงไม่ได้สนใจในความขุ่นเคืองของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันผู้นั้นแม่แต่น้อย ตอนนี้เขาไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วที่ต้องคิดหนักก่อนจะลงมือทำอะไรลงไป
ในตอนนี้หากใครมาล่วงเกินเขา เขาสามารถลงมือได้ทันที
ข่าวเรื่องที่หลิงตู้ฉิงใช้โอสถสงบวิญญาณเพื่อแลกกับข้อมูลการหายไปของภูเขาเอ้อหลงแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปอีก 2 วัน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาผู้หนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นและถามว่า “ข้าได้ยินมาว่าท่านกำลังตามหาผู้ที่รู้เห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับภูเขาเอ้อหลงใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ถูกต้อง!”
“ในตอนที่เกิดเรื่องขึ้น ข้าบังเอิญว่าอยู่บนยอดเขาเอ้อหลงพอดี หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสของข้านำตัวข้าออกมาจากภูเขาเอ้อหลงได้ทันการ ชะตากรรมของข้าก็คงไม่พ้นจะต้องตามภูเขาเอ้อหลงไปอยู่ในมิติที่ไหนสักแห่งไปแล้ว” ผู้เชี่ยวขอบเขตนภาเล่าขึ้นพร้อมกับตัวสั่นเล็กน้อย ซึ่งสังเกตจากในแววตาของเขาได้ว่าเขายังคงรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “อันที่จริงข้ามีวิธีเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เจ้าเคยเห็นมาก่อนมาก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับภูเขาเอ้อหลงที่เจ้าได้เห็นมา แต่ข้าคงต้องทำอะไรกับเจ้านิดหน่อยเพื่อให้ข้าได้เห็นภาพนั้น หากเจ้าตกลงข้าจะมอบรางวัลชิ้นใหญ่ให้กับเจ้า”
“ข้าต้องทำอะไรบ้าง?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาถามขึ้นด้วยสีหน้าลังเล “และอีกอย่างข้าได้ยินมาว่าท่านจะให้ค่าตอบแทนเป็นโอสถสงบวิญญาณ นั้นใช่เรื่องจริงรึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “หากสิ่งที่เจ้าเล่ามาให้ข้าฟังนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก ไม่ใช่แค่ข้าจะมอบโอสถสงบวิญญาณให้กับเจ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ข้าจะมอบผลประโยชน์อย่างอื่นที่เยี่ยมกว่าให้อีกต่างหาก ไม่ต้องกังวล ข้าแค่จะดูเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับภูเขาเอ้อหลงเท่านั้น ข้าจะไม่ดูความทรงจำของเจ้าในเรื่องอื่น ๆ แน่นอน และที่สำคัญเจ้าจงคิดให้ดีว่านี่มันคือโอกาสอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของเจ้า หากเจ้าพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว เจ้าจะไม่มีวันได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่แบบนี้อีกแน่นอนในอนาคต”
ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญผู้นี้ไม่ยินยอม หลิงตู้ฉิงก็ตั้งใจไว้ว่าเขาจะบังคับให้ยอมอยู่ดี
โชคดีที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาผู้นี้ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเขาก็ตอบตกลงอย่างไม่สบายใจ
เมื่อได้รับการตกลง หลิงตู้ฉิงก็ใช้ห้วงนิทราแห่งราชันดูห้วงความทรงจำของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาผู้นี้ทันที
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หลิงตู้ฉิงก็ออกจากห้วงความฝันของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภา เขาส่ายหัวและพูดว่า “ข้าก็ว่าแล้วว่าทำไมนางถึงสามารถทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง…”
“ท่านพ่อ สรุปแล้วพี่ห้าทำมันได้ยังไง? แล้วตอนนี้นางไปอยู่ไหนแล้ว?” หลิงไช่หยุนรีบถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบว่า “มันไม่ใช่ว่าพี่ห้าของเจ้าลงมือคนเดียวหรอก นางเพียงแค่เป็นคนเริ่มเท่านั้นและหลังจากนั้นก็มีใครบางคนช่วยนางอีกแรง จากนั้นนางก็ถูกดูดเข้าไปในรอยแยกมิติที่นางสร้างขึ้นมาเอง ซึ่งพ่อเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในตอนนี้นางไปโผล่ที่ไหน!”
หลิงตู้ฉิงไม่ได้เป็นห่วงความปลอดภัยของหลิงฟ่างหัวสักเท่าไหร่ เนื่องจากข้างกายนางมีหยูเจิ้นไห่ ซึ่งอยู่ในขอบเขตราชันขั้นปลายคอยปกป้องอยู่แล้ว
และไม่ใช่แค่นั้น มันยังมีอีกตัวตนหนึ่งซึ่งแน่นอนว่าต้องดูแลนางเป็นอย่างดีแน่นอนระหว่างที่นางอยู่ในห้วงมิติไหนสักแห่ง ดังนั้นมันไม่มีทางที่จะเกิดอะไรขึ้นกับหลิงฟ่างหัว
แต่สิ่งที่หลิงตู้ฉิงไม่รู้ในตอนนี้ก็คือ ตัวตนนั้นไม่สะดวกจะลงมือต่อได้อีกแล้ว และตัวตนนั้นก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลิงฟ่างหัวตอนนี้อยู่ที่ไหน
จ้าวเหมิงลู่และคนอื่น ๆ ถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล “ฟ่างหัวถูกดูดเข้าไปในรอยแยกมิติงั้นเหรอ? ถ้างั้นพวกเราจะทำยังไงกันต่อดี?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับว่า “ทำอะไรต่อไปงั้นเหรอ? แน่นอนว่าข้าจะเป็นคนพาตัวนางกลับมาเองนี่แหละ ไม่เช่นนั้นกว่านางจะกลับมาด้วยตัวเองมันคงจะใช้เวลานานเกินไป พวกเจ้าทั้งหมดรอข้าอยู่ที่นี่ หมิงยู่กับข้าจะไปตามหานางเองในห้วงมิติ”