พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 648 ตามหาหลิงฟ่างหัว
หมิงยู่รู้หน้าที่ทันทีหลังจากได้รับคำสั่ง นางหลอมรวมร่างของนางเข้ากับหลิงตู้ฉิงทันทีเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะให้เจ้านายของนาง
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ไปยืนอยู่ที่จุดที่เคยเป็นที่ตั้งของภูเขาเอ้อหลง และเริ่มส่องหาร่องรอยของเส้นทางมิติที่หลิงฟ่างหัวได้ถูกดูดเข้าไป
จากนั้นไม่นาน หลิงตู้ฉิงก็โบกมือสร้างรอยแยกมิติขึ้นตรงหน้าเขาทันที จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปด้านใน
ทางด้านของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันที่ซุ่มดูอยู่ห่าง ๆ เมื่อเห็นภาพเช่นนี้เขาก็รู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลังจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ แอบหนีไปอย่างเงียบ ๆ
เขารู้สึกว่าเขาโชคดีมากที่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรลงไป ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ที่เขาจะได้เผชิญมันคงไม่น่าดู
แต่ว่าใครมันจะไปคิดว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราจะสามารถสร้างรอยแยกมิติและเดินทางผ่านมันได้สบาย ๆ แบบนั้น?
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเขาก้าวเข้าไปในรอยแยกมิติที่เขาสร้างขึ้น เขาก็ไปโผล่ที่ห้วงอวกาศอันไกลโพ้น
หลิงตู้ฉิงเริ่มทำการตามแกะรอยกลิ่นอายพลังของหลิงฟ่างหัวทันที เนื่องจากตัวเขาเองก็ไม่สามารถที่จะอยู่ในห้วงอวกาศแบบนี้ได้นานมากนัก เนื่องจากระดับการบ่มเพาะที่หมิงยู่เกื้อหนุนมาให้เขานั้นมันยังไม่ถึงขอบเขตราชัน
ในเวลาเดียวกัน ทางด้านของหลิงฟ่างหัวที่มีหยูเจิ้นไห่คอยคุ้มกันอยู่นั้นก็เก็บตัวบ่มเพาะอย่างบ้าคลั่งอยู่บนภูเขาเอ้อหลงที่ลอยเคว้งคว้าง
หลังจากที่บ่มเพาะพัฒนาความเข้าในกฎแห่งมิติมาได้พักใหญ่ ๆ เคล็ดวิชาบังคับกระแสมิติของนางก็ถูกนางเองพัฒนาขึ้นจนไปถึงระดับสูงมากจนแม้แต่ตัวนางก็ไม่แน่ใจว่ามันไปถึงระดับไหนแล้ว นางแน่ใจแค่ว่าสามารถใช้มันบ่มเพาะไปได้ถึงระดับสวรรค์สามัญแน่นอนโดยไม่มีปัญหา
แต่น่าเสียดายที่นางยังไม่สามารถเดินทางกลับไปได้พร้อมกับเคล็ดวิชาที่นางเพิ่งพัฒนาขึ้นมาใหม่ เนื่องจากนางเองไม่รู้ว่าพิกัดตำแหน่งที่นางเคยจากมามันคือที่ไหน
โชคดีเพียงอย่างเดียวของนางในตอนนี้ก็คือนางยังมีภูเขาเอ้อหลงไว้เป็นที่อยู่อาศัย แถมในภูเขาเอ้อหลงยังมีทรัพยากรอยู่มากมายให้นางใช้เพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะของนางเอง ไม่เช่นนั้นนางคงจะได้ลอยไปมาอยู่ในห้วงอวกาศโดยไร้ซึ่งที่หลบภัย
หลังจากบ่มเพาะไปอีกพักหนึ่ง หลิงฟ่างหัวก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าจนใจ “เมื่อไหร่ข้าจะกลับไปได้กันนะ? เฒ่าหยู เจ้าพอจะนึกวิธีที่จะทำให้พวกเรากลับไปได้บ้างไหม?”
หยูเจิ้นไห่รีบตอบกลับทันที “คุณหนู ข้าไม่เข้าใจในกฎแห่งมิติเลยจริง ๆ ข้าเพียงแค่รู้ว่าพิกัดตำแหน่งของประตูเคลื่อนย้ายของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหนก็เท่านั้น ข้าไม่แน่ใจว่ามันช่วยได้ไหม?”
เนื่องจากเขาคือผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์และได้ใช้งานประตูเคลื่อนย้ายของสำนักอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ตำแหน่งพิกัดที่ตั้งของประตูเคลื่อนย้ายของสำนัก
หลิงฟ่างหัวเมื่อได้รับตำแหน่งพิกัดที่ตั้งประตูเคลื่อนย้ายของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว และนางลองคำนวณดู นางก็ส่ายหัว “มันไกลเกินไป ข้าไม่สามารถจับเส้นทางไปถึงมันได้เลย”
หากนางสามารถสัมผัสได้ถึงตำแหน่งปลายทาง นางจะสามารถใช้ทักษะของสายเลือดหนอนมิติเดินทางไปหาได้ แต่เนื่องจากระดับการบ่มเพาะของนางในตอนนี้ยังคงต่ำอยู่ นางจึงไม่อาจสัมผัสได้ถึงตำแหน่งปลายทางที่อยู่ไกลมาก ๆ แบบนี้
“เฒ่าหยู ตอนนี้เรามาติดอยู่ในห้วงอวกาศอันเคว้งคว้างแบบนี้เจ้าคิดว่าจะมีใครมาช่วยพวกเรารึเปล่า?” หลิงฟ่างหัวถามขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย “เจ้าคิดว่าพ่อของข้าจะมาช่วยข้าไหม?”
หยูเจิ้นไห่ตอบกลับทันที “หากนายท่านรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องมาช่วยพวกเราแน่นอน ข้ามั่นใจว่านายท่านมีความสามารถพอที่จะมาช่วยพวกเราได้”
หลิงฟ่างหัวหัวเราะอย่างขมขื่น “ท่านพ่อของข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าจะเดินทางมาที่ภูเขาเอ้อหลง ดังนั้นเขาจะรู้เรื่องของพวกเราได้ยังไง? ข้าคิดว่าพวกเราคงจะต้องรอกันอีกนานจนกว่าพ่อของข้าจะเอะใจว่าทำไมข้าถึงหายไปนานไม่ยอมกลับไปสักที จากนั้นเขาถึงจะเริ่มตามหาพวกเรา… เฮ้อ ท่านพ่อ ท่านอยู่ที่ไหนกัน? ช่วยมารับพวกเราเร็ว ๆ ทีเถอะ!”
“พ่ออยู่นี่!” จู่ ๆ เสียงของหลิงตู้ฉิงก็ดังขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงพ่อของนางดังขึ้น หลิงฟ่างหัวก็หันไปหาหยูเจิ้นไห่ และถามขึ้นทันที “เฒ่าหยู ข้าคิดว่าข้าได้ยินเสียงของพ่อข้า!”
หยูเจิ้นไห่ยิ้ม เนื่องจากเขาเห็นแล้วว่าในขณะนี้หลิงตู้ฉิงได้มาปรากฏกายยืนอยู่ที่ข้างหลังหลิงฟ่างหัวเรียบร้อย
หยูเจิ้นไห่โค้งคำนับทันที “คารวะนายท่าน!”
หลิงฟ่างหัวหันกลับหลังทันที และเมื่อนางเห็นหลิงตู้ฉิง นางก็เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า “ท่านพ่อ นี่ท่านมาที่นี่ได้ยังไง? หรือว่าท่านได้ยินเสียงเรียกของข้าด้วยงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ก็บังเอิญว่าพ่อมีธุระที่ภูเขาเอ้อหลงพอดี จากนั้นเมื่อพ่อมาถึงและจากการสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ จากผู้คนที่อยู่รอบ ๆ พ่อถึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้านี่มันบุ่มบ่ามจริง ๆ ที่มาหาเรื่องภูเขาเอ้อหลงแบบนี้ หากไม่ใช่เพราะมีใครบางคนช่วยเจ้าเอาไว้ ป่านนี้เจ้าคงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากไปแล้วแน่นอน”
อันที่จริงมันเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ สำหรับเขาเช่นกันในการตามหาหลิงฟ่างหัวในห้วงอวกาศที่กว้างใหญ่แบบนี้ เนื่องจากร่างของมนุษย์นั้นมันเล็กและจับสัมผัสได้ยากมาก ๆ
ยังโชคดีที่เขายังมีภูเขาเอ้อหลง ซึ่งเป็นเหมือนเกาะขนาดใหญ่อยู่ให้ได้จับสัมผัส ดังนั้นทุก ๆ อย่างมันจึงง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเหตุการณ์มันยังเพิ่งผ่านไปได้ไม่นานภูเขาเอ้อหลงจึงยังคงลอยไปได้ไม่ไกลจากจุดที่มันถูกส่งออกมา
“ก็ข้าสัญญากับตัวเองไว้แล้วนี่นาว่าข้าจะต้องคิดบัญชีกับภูเขาเอ้อหลงให้ได้” หลิงฟ่างหัวหัวเราะ “ท่านพ่อ ท่านดูผลงานของข้าสิ เป็นไงข้าเก่งไหม ข้าสามารถทำให้ภูเขาเอ้อหลงทั้งลูกออกมาอยู่ในห้วงอวกาศได้เลยเชียวนะ!”
หลิงตู้ฉิงพ่นลมออกจมูก “เป็นผลงานของเจ้าจริงงั้นเหรอที่ทำแบบนี้?”
“แล้วมันจะเป็นใครไปได้ล่ะท่านพ่อ?” หลิงฟ่างหัวหัวเราะ “ไอ้พวกภูเขาเอ้อหลงนี่มันช่างโชคร้ายจริง ๆ ในตอนแรกข้าก็นึกว่าข้าจะล้มเหลวซะแล้ว แต่จู่ ๆ ความสามารถของข้าในการบังคับรอยแยกมิติกลับเพิ่มพูนขึ้นกว่าหมื่นเท่าในช่วงเวลาสั้น ๆ ข้าจึงสามารถเนรเทศภูเขาเอ้อหลงทั้งลูกให้ออกมาอยู่ในห้วงอวกาศแบบนี้ได้”
“อันที่จริงพวกภูเขาเอ้อหลงก็โชคร้ายจริง ๆ อย่างที่เจ้าว่านั่นล่ะ” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
หลิงตู้ฉิงเห็นด้วยว่าพวกภูเขาเอ้อหลงนั้นช่างโชคร้ายจริง ๆ ที่ถูกเด็กสาวที่มีระดับการบ่มเพาะเพียงแค่ขอบเขตรวมแสงดาราสร้างความเสียหายให้ได้ขนาดนี้
“ท่านพ่อ ข้าได้รับประโยชน์จากความผิดพลาดที่ข้าถูกดูดมาที่นี่ด้วยแหละ ในระหว่างที่ข้าหลุดมาที่นี่ข้าก็ได้เห็นปรากฏการณ์มากมายเกี่ยวกับมิติและอวกาศ ซึ่งมันทำให้ข้าพัฒนาความเข้าใจในเต๋าของข้าเพิ่มขึ้นเยอะมาก ๆ ดังนั้นข้าเลยนำความเข้าใจใหม่ ๆ ทั้งหมดมาพัฒนาเคล็ดวิชาของข้าจนในตอนนี้ข้าสามารถบ่มเพาะไปถึงระดับสวรรค์สามัญได้อย่างสบาย ๆ เลยล่ะ ท่านพ่อ!” หลิงฟ่างหัวพูดขึ้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“ขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
ก่อนที่จะเดินทางออกมา เหลียงเฟ่ยเอ๋อได้อวยพรโชคให้กับหลิงฟ่างหัวไว้เรียบร้อย ดังนั้นมันจึงไม่แปลกอะไรหากนางจะมีโชคแบบนี้
หลิงฟ่างหัวยิ้มและพูดว่า “ให้ข้าแสดงให้ท่านดูถึงพัฒนาการของข้าก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบ หลิงฟ่างหัวก็แสดงเคล็ดวิชาบังคับกระแสมิติที่ถูกปรับปรุงใหม่ให้กับหลิงตู้ฉิงได้เห็น
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “เก่งมาก ในตอนนี้เจ้าสามารถบ่มเพาะไปได้ถึงระดับเหนือล้ำโดยไม่มีปัญหาใด ๆ แน่นอน แต่ว่าเส้นทางการบ่มเพาะของเจ้าก็ยังคงต้องฝ่าฟันต่อไปอีกไกล เนื่องจากเจ้าต้องคิดหาวิธีการบ่มเพาะที่เหลือต่อไปของเจ้าด้วยตัวเองอีก ดังนั้นเจ้าจะขี้เกียจไม่ได้และเมื่อไหร่ที่จ้าบ่มเพาะไปถึงระดับสวรรค์สามัญและมีทักษะอาณาเขตสวรรค์เป็นของตัวเองแล้ว เจ้าจะสามารถออกไปท่องห้วงมิติต่าง ๆ หรือกลับมาสำรวจห้วงอวกาศแห่งนี้ด้วยตัวเองก็ได้เพื่อพัฒนาเต๋าของเจ้าเอง”
“อืม!” หลิงฟ่างหัวพยักหน้า “ว่าแต่ท่านพ่อ ท่านพาพวกเรากลับไปได้ใช่ไหม? ข้าหาทางกลับไปเองไม่เจอ”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “พ่อพาพวกเจ้ากลับไปได้แน่นอน แล้วเดี๋ยวพ่อจะวางตราประทับระบุตำแหน่งของที่นี่ไว้ให้กับเจ้าด้วย เผื่อในอนาคตหากเจ้าออกมาที่ห้วงอวกาศนี้อีกทีเมื่อไหร่เจ้าจะได้ใช้ที่นี่เป็นที่พักชั่วคราวได้ ดังนั้นเจ้าต้องไม่ลืมตำแหน่งของที่นี่ที่พ่อจะมอบให้ไว้เช่นกัน”
“ได้ ได้!” หลิงฟ่างหัวเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น “อันที่จริงภูเขาเอ้อหลงก็เป็นสถานที่ที่ไม่เลวเลย มันมีสมุนไพรตั้งมากมายอยู่ที่นี่ ท่านพ่อต้องการนำพวกมันติดตัวกลับไปด้วยรึเปล่า? แต่ว่าที่คลังสมบัตินั้นมีผนึกป้องกันที่แข็งแกร่งคุ้มกันเอาไว้อยู่ ข้าเลยยังไม่รู้เหมือนกันว่าข้างในมันมีอะไร”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เรื่องคลังสมบัติปล่อยทิ้งไว้แบบนั้นแหละอย่าไปเอาของพวกเขา แต่สำหรับบรรดาสมุนไพรเจ้าก็ใช้มันไปเถอะ ไว้ในอนาคตเมื่อที่นี่ไม่จำเป็นกับพวกเราเมื่อไหร่ พวกเราค่อยส่งกลับไปที่เดิมคืนให้กับเจ้าของที่แท้จริงของมัน”
“ในเมื่อท่านพ่อตัดสินใจแบบนั้น ข้าก็จะทำตามที่ท่านว่า!” หลิงฟ่างหัวพยักหน้า
เมื่อคุยกันเสร็จ หลิงตู่ฉิงและหลิงฟ่างหัวก็ช่วยกันประทับตราระบุตำแหน่งของที่แห่งนี้ จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เปิดรอยแยกมิติและพาหลิงฟ่างหัวกับหยูเจิ้นไห่ กลับไปที่อาณาเขตเอ้อหลงพร้อมกับเขา