พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 652 ข้าคือชนชั้นสูง!
ด้วยคำอนุญาตของหลิงตู้ฉิงที่บอกกับนาง เสี่ยวเยว่เฟิงจึงพูดทุกอย่างตามที่นางคิด ซึ่งแต่ละอย่างที่นางพูดออกไปนั้นมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เช่น การทวงของที่เคยเป็นของตระกูลนางคืน
ทางด้านของหานปิงเองก็ได้แต่แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน “ข้าไม่นึกเลยว่าพวกเจ้าสองพี่น้องจะโชคดีขนาดนี้!”
ในเมื่อเสี่ยวเยว่เฟิงและเสี่ยวหลิงเฟิงกลายเป็นชนชั้นสูงของเผ่าไปแล้ว เขาจะทำอะไรต่อได้อีก?
สถานะชนชั้นสูงของเผ่าฟีนิกซ์นั้นเปรียบได้กับเหล่าเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักร ดังนั้นต่อให้จะเป็นสมาชิกระดับปกติของชนชั้นสูงมันก็ไม่ใช่ตัวตนที่ชนชั้นปกติทั่วไปของเผ่าจะล่วงเกินได้ ต่อให้เขายังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่เกี่ยวกับสถานการณ์ของเสี่ยวเยว่เฟิง ในตอนนี้เขาก็ทำได้แค่ถอยไปก่อน
ไม่นานหลังจากนั้น หานปิงก็รีบพาทหารของเมืองขนนกอัคคีกลับไปที่เมือง
ความตั้งใจแรกของเขาคือรีบไปแจ้งเรื่องนี้ให้กับตระกูลของเขาทราบในทันทีและส่งข่าวเรื่องของเสี่ยวเยว่เฟิงให้กับชนชั้นสูงได้ตรวจสอบสถานะของนางอีกทีว่ามันเป็นยังไงกันแน่
หลังจากเห็นว่าหานปิงจากไปแล้ว เสี่ยวเยว่เฟิงก็พูดกับหลิงตู้ฉิง “นายท่าน หานปิง ผู้นี้คือลูกชายของหัวหน้าตระกูลหาน สถานะของเขาหากเป็นเมื่อก่อน เขาเป็นตัวตนอยู่ในระดับเดียวกับหนิงฮ่าว แต่หลังจากที่พวกของข้าหนีออกไปจากเมืองขนนกอัคคี ข้าคิดว่าตระกูลหานตอนนี้ก็น่าจะกลายเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในเมือง”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ก็แค่ลูกของหัวหน้าตระกูลเล็ก ๆ ไม่ต้องสนใจอะไรนักหรอก เอาล่ะพวกเรารีบเข้าไปในเมืองกันเถอะ”
เขาขี้เกียจจะสนใจกับตระกูลเล็ก ๆ แบบนี้ สิ่งที่หลิงตู้ฉิงใส่ใจจริง ๆ ก็คือท่าทีของภูเขาฟีนิกซ์หลังจากนี้ต่างหาก
ทางด้านของหานปิง เขารีบกลับไปที่จวนเจ้าเมืองและตรงไปพบกับพ่อของเขาทันที ผู้ซึ่งเป็นเจ้าเมืองขนนกอัคคีคนปัจจุบัน หานฉี
“ท่านพ่อ นังเด็กผู้หญิงสองคนของตระกูลเสี่ยวกลับมาแล้ว แต่ว่าพวกนางกลับกลายเป็นชนชั้นสูงไปแล้วท่านพ่อ!” หานปิงพูดกับหานฉี
หานฉีถามขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “อะไรทำให้เจ้าแน่ใจว่าพวกนางเป็นชนชั้นสูง? หรือว่าแค่พวกนางบอกว่าพวกนางเป็นชนชั้นสูงเจ้าก็เชื่อแล้ว? เจ้ารู้รึเปล่าว่าการเป็นชนชั้นสูงนั้นไม่ได้ง่ายแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้เป็นไปนานแล้ว!”
หานปิงตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านพ่อ พวกนางทั้งสองคนสามารถกลายร่างเป็นฟีนิกซ์ที่แท้จริงได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหานฉีเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที
“แปลก พวกนางรู้วิธีกลายร่างเป็นฟีนิกซ์ที่แท้จริงได้ยังไง?” หานฉีพูดกับตัวเองด้วยสีหน้าสับสน
“จากที่พวกนางบอกมาให้ข้าฟัง พวกนางเล่าว่าพวกนางได้ไปเจอกับผู้อาวุโสระดับสูงผู้หนึ่ง ซึ่งผู้อาวุโสคนนั้นก็เป็นคนมอบวิธีการกลายร่างเป็นฟีนิกซ์ให้กับพวกนาง!” หานปิงเสริมขึ้น “และอีกอย่างกลุ่มคนที่มากับนางนั้นบางคนข้าไม่อาจมองเห็นได้เลยว่าอยู่ในระดับใด ส่วนนังผู้หญิงที่เป็นคนของตระกูลเสี่ยวนั้นในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของนางพัฒนามาอยู่ที่ระดับเหนือล้ำเข้าไปแล้ว”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ หานฉีขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “ในอดีตตอนที่นางหนีไป ข้าจำได้ว่านางยังคงอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราอยู่เลยไม่ใช่เหรอ!? นี่มันผ่านไปยังไม่ถึง 300 ปีเลยด้วยซ้ำ นางบ่มเพาะจนมาถึงระดับเหนือล้ำแบบนี้ได้ยังไงกัน? แถมกลุ่มคนที่มาด้วยกับนางยังเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านพ่อ มันยังมีอีกอย่างที่ข้ารู้สึกแปลก ๆ กับคนกลุ่มนี้” หานปิงพูดต่อ “ในช่วงเวลาที่ข้ายืนอยู่ต่อหน้าคนกลุ่มนี้ ข้าสัมผัสได้ตลอดว่ามันเหมือนข้ากำลังยืนอยู่ต่อหน้าตัวตนระดับสูงของเผ่าเรา ดังนั้นข้าคิดว่ามันเป็นไปได้ที่ในกลุ่มของพวกเด็กสาวตระกูลเสี่ยวจะมีผู้อาวุโสระดับสูงของเผ่าเราอยู่จริง ๆ และอีกอย่างก่อนที่ข้าจะจากมา นังเด็กตระกูลเสี่ยวได้ขู่ข้าเอาไว้ว่านางจะคิดบัญชีแค้นกับพวกเราและต้องการทวงสมบัติของพวกนางคืน”
หานฉีหรี่ตาและพูดว่า “หากนังพี่น้องคู่นั้นมีคนหนุนหลังเป็นผู้อาวุโสระดับสูงจริง ๆ พวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอย ส่วนสมบัติของตระกูลพวกนาง หากพวกนางอยากได้คืนมากนัก เจ้าก็จงไปจัดการคืนพวกมันให้กับพวกนางซะ”
“และอีกอย่าง เจ้าจงไปตรวจสอบด้วยว่าพ่อแม่ของนังพวกนั้นตายไปในเหมืองรึยัง ถ้ายังไม่ตายก็จงพาตัวออกมาก่อน ในตอนนี้สถานะของนังพี่น้องคู่นั้นยังไม่กระจ่างชัด มันไม่ควรที่พวกเราจะล่วงเกินพวกนางมากไปกว่าที่เป็นอยู่ ตอนนี้พวกเราคงได้แต่รอผลการตรวจสอบสถานะของพวกนางที่ข้าจะส่งไปให้ผู้สนับสนุนของเราลองตรวจสอบออกมาก่อน”
หานปิงพยักหน้า “ข้าจะทำตามที่ท่านสั่งเดี๋ยวนี้ท่านพ่อ!”
เมื่อพูดจบ หานปิงก็มุ่งหน้าตรงไปที่เหมืองทันทีและถามผู้คุมเหมืองว่า “ไอ้สวะสองตัวจากตระกูลเสี่ยวตายไปรึยัง?”
“นายน้อย พวกมันทั้งคู่ยังไม่ตาย!” ผู้คุมเหมืองรีบตอบกลับทันที “นายน้อยต้องการเอาชีวิตพวกมันงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่!” หานปิงพูดขึ้น “ไปพาตัวพวกมันมาหาข้า ข้ามีธุระกับพวกมัน”
“รับทราบ ข้าจะไปนำตัวพวกมันมาให้ท่านเดี๋ยวนี้!” ผู้คุมเหมืองรีบพูดขึ้นและหันหลังจากไปในทันที
ไม่นานต่อมา คู่สามีภรรยาที่อยู่ในสภาพไม่ต่างกับขอทานก็ถูกพามาอยู่ต่อหน้าหานปิง
ระดับการบ่มเพาะของ2สามีภรรยานั้นไม่ได้อ่อนแอสักเท่าไหร่ พวกเขาทั้งคู่อยู่ในระดับเหนือล้ำหรือขอบเขตสวรรค์ระดับ 3 แต่ว่าร่างกายของพวกเขาทั้งคู่ซูบผอมเป็นอย่างมากจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ซึ่งมันทำให้พวกเขาดูไม่เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญเลยสักนิด
เมื่อเจอกัน หญิงวัยกลางคนพูดขึ้นทันที “นายน้อยหาน โปรดตรวจสอบเรื่องราวอีกครั้งเถอะ พวกเราไม่ได้ทรยศต่อเผ่าจริง ๆ! พวกเราไม่ใช่คนทรยศ! เรื่องของตระกูลหนิงนั้นพวกเราไม่รู้อะไรด้วยเลย”
หานปิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ก่อนหน้านี้ไม่นานองค์หญิงหวงเซียะได้ทำการจับกุมเหล่าผู้ทรยศกลับมาทั้งหมดแล้ว และจากการสอบปากคำคนเหล่านั้น พวกเราก็ได้รับการยืนยันแล้วว่าตระกูลหนิงเป็นผู้ทรยศจริงและพวกเราจึงทำการประหารเหล่าผู้สมรู้ร่วมคิดไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นมันจึงไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าพวกเจ้าบริสุทธิ์หรือไม่ แต่ช่างเถอะเรื่องพวกนั้นมันไม่ได้สำคัญอีกแล้ว ตอนนี้มันมีบางเรื่องที่เกิดขึ้นกับเมืองของข้า ซึ่งมันเกี่ยวกับพวกเจ้า!”
เมื่อพูดจบ หานปิงก็สั่งให้คนของเขาพาตัวสองสามีภรรยาตามเขาออกจากเหมืองไป
ในตอนแรกที่ตระกูลหานจับคนเหล่านี้ได้ พวกเขาก็มีความคิดจับคนทั้งคู่มาใช้งานในเหมืองจะเป็นประโยชน์กว่าการฆ่าทิ้งไป ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
แต่แน่นอนว่าถ้าหากดูจากสภาพร่างกายของคู่สามีภรรยานี้แล้ว การถูกใช้งานอยู่ในเหมืองมันก็ไม่ใช่ชะตากรรมที่ดีแน่นอน
ทางด้านของหานฉี ในตอนนี้เขาได้ส่งคนของเขาไปถามเรื่องของเสี่ยวเยว่เฟิงกับผู้ที่หนุนหลังเขาที่อยู่ในภูเขาฟีนิกซ์เรียบร้อย
แต่พวกเขายังคงต้องรอคำตอบไปอีกสักพัก เนื่องจากระยะทางของเมืองขนนกอัคคีกับภูเขาฟีนิกซ์นั้นอยู่ห่างกันพอสมควร ดังนั้นในระหว่างที่เขารอคำตอบอยู่นี้เขาจึงยังไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามกับสองพี่น้องตระกูลเสี่ยว
ด้านของกลุ่มหลิงตู้ฉิง ในตอนนี้ก็ได้เดินทางเข้าไปในเมืองขนนกอัคคีเรียบร้อยแล้ว
เมืองขนนกอัคคีนั้นนับได้ว่าไม่ใช่เมืองที่ใหญ่อะไรมากมาย
มีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้เมืองขนนกอัคคีเป็นเมืองสำคัญนั้นก็คือ เมืองขนนกอัคคีมีเหมืองที่สามารถผลิตทองคำสีชาดได้เป็นจำนวนมาก
ทองคำสีชาดนั้นเป็นวัสดุที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากใช้ทองคำสีชาดนี้หลอมรวมเข้ากับสมบัติหรืออาวุธใด ๆ สมบัติหรืออาวุธนั้น ๆ จะมีคุณสมบัติเป็นธาตุไฟทันที
นอกเหนือจากนั้น บรรดาค่ายกลป้องกันของภูเขาฟีนิกซ์ต่างก็ต้องใช้ทองคำสีชาดเป็นเชื้อพลังงานให้กับพวกมัน
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการดำรงอยู่ของเมืองขนนกอัคคีนั้นจึงสำคัญมากกับภูเขาฟีนิกซ์
“นายท่าน พวกเราควรจะพักที่โรงเตี๊ยมหรือยังไงดี?” เสี่ยวเยว่เฟิงถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าเกิดที่เมืองนี้ไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อเจ้าเกิดที่นี่เจ้าก็ต้องมีเรือนอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกเราก็ไปทวงมันกลับมาและพักอยู่ในเรือนของเจ้านั่นแหละ”
“ถ้าแบบนั้นก็เยี่ยมเลยนายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้น
เมื่อพูดจบนางก็รีบนำกลุ่มของหลิงตู้ฉิงไปที่จวนเจ้าเมือง เพื่อเจรจาขอเรือนของตระกูลนางคืนทันที!