พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 654 แผนการร้ายของเหล่าอสูรปีศาจ
ต่อให้หลิงตู้ฉิงไม่ได้อธิบายอะไร ในตอนนี้ทุกคนก็เดาได้แล้วว่ามันมีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้น
โดยเฉพาะเสี่ยวถิงไห่และอี้ฉิงฟ่าง ซึ่งมีความคุ้นเคยกับทองคำสีชาดเป็นอย่างดี เมื่อพวกเขาถูกสอบถามแบบนี้พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันมีบางอย่างไม่ปกติ
ในสถานที่ที่มีแต่กฎแห่งอัคคี มันจะไปมีอากาศที่หนาวเย็นดำรงอยู่ได้ยังไง?
หลิงตู้ฉิงไม่ต้องการที่จะอธิบายอะไรในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ตอบคำถามของเสี่ยวถิงไห่และถามต่อไปว่า “นอกจากเรื่องที่เจ้ารู้สึกหนาวแล้วมันยังมีอย่างอื่นอีกไหมที่เจ้ารู้สึกแปลก ๆ? อะไรก็ได้ที่เจ้ารู้สึกว่ามันไม่ปกติเจ้าลองพูดมาก่อน ข้าอยากฟังมันทั้งหมด”
วิชาห้วงนิทราแห่งราชันมันไม่ได้ไร้เทียมทานถึงขนาดที่จะสามารถรู้ไปถึงความรู้สึก ร้อน หนาว เจ็บ กังวล หวาดกลัว หรือความคิดของผู้ที่ถูกอ่านความทรงจำได้
ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงจำเป็นต้องสอบถามรายละเอียดเหล่านี้ก่อน จากนั้นเขาค่อยเข้าไปดูห้วงความทรงจำของเสี่ยวถิงไห่เพื่อประกอบภาพรวมทั้งหมด
เสี่ยวถิงไห่และภรรยาของเขาครุ่นคิดทบทวนหนักขึ้นอยู่พักใหญ่ จากนั้นอี้ฉิงฟ่างก็พูดขึ้นว่า “มันมีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่แน่ใจว่ามันแปลกประหลาดรึเปล่า ตามประวัติที่ข้าเข้าใจเกี่ยวกับแร่ทองคำสีชาดของเมืองขนนกอัคคี ทุก ๆ 100 ปี ภูเขาฟีนิกซ์จะมาที่นี่เสมอเพื่อรับเอาทองคำสีชาดไปกักตุนเผื่อไว้เป็นเชื้อเพลิงพลังงานให้กับเมืองลอยฟ้า และใช้ในงานกิจการด้านอื่น ๆ”
“แต่ว่าเมื่อ 200 ปีที่แล้วที่ข้ากับสามีเพิ่งถูกส่งตัวเข้าไปในเหมือง ในเวลานั้นพวกเรากลับไม่ได้รับคำสั่งให้ขุดเหมืองเลยเป็นเวลานานมาก หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ยินการมาเยือนของคนจากภูเขาฟีนิกซ์ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพวกเราไม่ได้ขุดเหมืองพวกเราก็ไม่มีทองคำสีชาดให้กับคนจากภูเขาฟีนิกซ์ ดังนั้นจึงมีคนหลายคนที่ถูกทำโทษในเหตุการณ์ครั้งนั้น”
“แต่หลังจากนั้นแทบจะในทันที พวกเราก็ถูกบังคับให้ขุดเหมืองอย่างบ้าคลั่งทั้งวันทั้งคืนไม่มีพัก แต่ไม่ว่าพวกเราจะขุดไปมากสักเท่าไหร่ พวกเราก็ได้ยินแต่ว่าแร่ที่พวกเราขุดมันไม่มากพออยู่ดี ดังนั้นพวกเราจึงถูกลงโทษอยู่หลายรอบมากในตอนนั้น ข้าไม่รู้ว่าที่เหมืองอื่น ๆ เป็นแบบเหมืองที่พวกเราทำงานอยู่รึเปล่า แต่ถ้าจะให้ข้าประมาณการณ์คร่าว ๆ จำนวนแร่ที่เหมืองของพวกเราขุดในตอนนั้นมันน่าจะมากพอสำหรับให้ภูเขาฟีนิกซ์เก็บไว้ใช้ได้หลายร้อยปีซะด้วยซ้ำ”
เสี่ยวถิงไห่พูดขึ้นเสริมทันทีเช่นกัน “ข้าเองก็จำเหตุการณ์ตอนนั้นได้เหมือนกัน ข้าเองก็เกือบที่จะขาดใจตายจากอาการหมดแรง แต่โชคดีที่ข้ายังฮึดสู้ผ่านพ้นมันมาได้”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วพลางพยักหน้าฟังเสี่ยวถิงไห่และอี้ฉิงฟ่างเล่าประสบการณ์ที่พวกเขาประสบมาไปเรื่อย ๆ
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หลิงตู้ฉิงก็พูดขึ้นว่า “เอาล่ะข้าฟังประสบการณ์ของพวกเจ้ามามากพอแล้ว ตอนนี้ข้าจะเข้าไปในห้วงความทรงจำของพวกเจ้าเพื่อดูสภาพด้านในเหมืองผ่านสายตาของพวกเจ้าในตอนนั้นว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างในทุก ๆ วัน”
เสี่ยวถิงไห่และอี้ฉิงฟ่างรู้สึกลังเลเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าจะให้หลิงตู้ฉิงเข้าไปดูในห้วงความทรงจำของพวกเขาดีหรือไม่ และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงจะใช้วิธีไหนในการเข้าไปดู มันจะอันตรายกับพวกเขาหรือเปล่า?
แต่เมื่อพวกเขาคิดถึงโอกาสที่จะได้เข้าไปเป็นหนึ่งในชนชั้นสูง พวกเขาจึงตอบตกลงในท้ายที่สุด
หลิงตู้ฉิงเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากถึงวิธีการที่เขาใช้เพื่อเข้าไปดูห้วงความทรงจำของคนทั้งคู่ เขาแค่บอกให้คนทั้งคู่ให้ความร่วมมือกับเขา จากนั้นเขาก็ใช้วิชาห้วงนิทราแห่งราชันเพื่อเข้าไปดูห้วงความทรงจำในช่วงระหว่างที่คนทั้งสองอยู่ในเหมือง
หลังจากผ่านไปอีกพักใหญ่ หลิงตู้ฉิงก็พูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งสองคนไปพักผ่อนก่อนเถอะ เมื่อความจริงของเรื่องนี้ถูกเปิดเผยขึ้น ข้าจะให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการ”
เสี่ยวถิงไห่และอี้ฉิงฟ่างต่างพยักหน้า และเดินไปหาลูกสาวทั้งสองคนพวกเขาเพื่อไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบในระหว่างที่พวกเขาไม่ได้เจอกันมานานนับร้อยปี
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงกลับนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องที่เขารับรู้พลางขมวดคิ้วแน่น
“ท่านพ่อ มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นงั้นเหรอ?” หลิงไช่หยุนเอ่ยถาม
นางคือผู้ที่กำลังจะกลายเป็นผู้นำของภูเขาฟีนิกซ์ตามคำบอกของพ่อนาง ดังนั้นหากภูเขาฟีนิกซ์กำลังจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นมันจึงเป็นธรรมดาที่นางต้องการจะรู้เรื่องด้วย
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “มันมีไอ้พวกโง่บางคนของภูเขาฟีนิกซ์ที่ชินชากับชีวิตที่สุขสงบจนไม่รู้ว่าในตอนนี้หายนะกำลังแอบมาเยือนถึงหน้าประตูบ้าน แร่ทองคำสีชาดที่เป็นส่วนสำคัญในการให้พลังงานกับเมืองลอยฟ้ามีปัญหา แต่ไอ้พวกโง่นั่นกลับละเลยและไม่ยอมส่งคนที่มีความสามารถมาตรวจสอบดูแล”
“ท่านพ่อ นี่ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” หลิงไช่หยุนแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ “เกิดอะไรขึ้นกับแร่ทองคำสีชาด? แล้วเมืองลอยฟ้าที่ท่านพูดถึงมันคืออะไรกัน?”
หลิงตู้ฉิงอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง “เมืองลอยฟ้าคือเมืองที่ลอยได้อยู่บนฟ้าเหนือภูเขาฟีนิกซ์ ซึ่งถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เมืองลอยฟ้าคือภูเขาฟีนิกซ์นั่นล่ะ”
“เมืองลอยฟ้าคือป้อมปราการที่ถูกทิ้งไว้โดยเหล่าบรรพบุรุษฟีนิกซ์ทั้งหลาย ซึ่งมันคือเมืองจักรกลที่ไว้ใช้ในการสงครามที่ทรงอำนาจมากที่สุด หากมีอะไรเกิดขึ้นกับมัน ก็หมายความว่าความแข็งแกร่งของภูเขาฟีนิกซ์นั้นได้หายไปเกินครึ่งเลยทีเดียว”
“และในเมื่อเมืองลอยฟ้ามันคือเมืองจักรกล ดังนั้นมันจึงต้องได้รับการซ่อมบำรุงอยู่ตลอดเวลาและหนึ่งในวัสดุสำคัญในการซ่อมบำรุงมันก็คือแร่ทองคำสีชาด”
“ซึ่งในตอนนี้มันกลับมีใครบางคนวางกลอุบายกับทองคำสีชาดและไอ้พวกโง่จากภูเขาฟีนิกซ์กลับไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปเมืองลอยฟ้าจะต้องพินาศแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้นภูเขาฟีนิกซ์ทั้งหมดก็จะล่มสลายตามไปในไม่ช้า”
ในตอนนี้หลิงไช่หยุนรู้แล้วว่าปัญหามันหนักหนาแค่ไหน นางจึงรีบถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวลทันที “ท่านพ่อ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็รีบแจ้งให้พวกคนของภูเขาฟีนิกซ์รู้ตัวเลยเถอะ พวกเขาจะได้จัดการกับปัญหานี้ได้ทันการ!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “มันไม่ง่ายขนาดนั้น ในเมื่อคนของภูเขาฟีนิกซ์โง่ได้ขนาดนี้แสดงว่าสถานการณ์ภายในจะต้องไม่ปกติเหมือนกัน”
“ถ้างั้นเราจะทำยังไงดีท่านพ่อ?” หลิงไช่หยุนถามขึ้นอีกครั้ง
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่เป็นไร แผนการทุกอย่างของพวกไม่ประสงค์ดี มันเพิ่งจะเริ่มก็เท่านั้น สถานการณ์มันยังไม่เลวร้ายเท่าไหร่และที่สำคัญพวกเราก็อยู่ที่นี่แล้วด้วย ด้วยความสามารถของพี่สามและพี่ห้าของเจ้า พวกเราจะแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงเทียนหยุนและหลิงฟ่างหัวต่างรู้สึกงุนงงทันทีว่าความสามารถของพวกเขาจะช่วยแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ยังไง? พวกจึงถามขึ้นด้วยสีหน้าสับสน “ท่านพ่อ ท่านต้องการให้พวกเราทำอะไรงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ให้พ่อเล่าข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในเหมืองตอนนี้ก่อนก็แล้วกัน! พ่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของทั้งพวกอสูรและปีศาจที่ติดตัวมากับเสี่ยวถิงไห่และอี้ฉิงฟ่าง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมพ่อถึงรู้ว่าสถานการณ์ของที่นี่มันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้องกำลังเกิดขึ้น”
“แต่เนื่องจากตัวตนของทั้งอสูรและปีศาจนั้นเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับเหล่าคนของภูเขาฟีนิกซ์อยู่แล้ว ดังนั้นพวกมันคงไม่เปิดเผยตัวออกมาในที่โล่งแน่นอน ดังนั้นมันจึงเหลือความเป็นไปได้ที่จะมีอสูรและปีศาจเพียง 2 ชนิดที่ซ่อนตัวอยู่ในเหมือง ชนิดแรกก็คือปีศาจเงา ซึ่งมีทักษะที่สามารถซ่อนตัวอยู่ในเงามืดได้และเป็นเหตุผลที่ทำให้ในบางครั้งเสี่ยวถิงไห่และอี้ฉิงฟ่าง จู่ ๆ ก็รู้สึกหนาวขึ้นมาเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เนื่องจากเงาของพวกเขาถูกปีศาจเงามาซ่อนตัวอยู่”
“ส่วนอีกชนิดหนึ่งก็น่าจะเป็นอสูรดิน เพราะด้วยความสามารถมุดดินของมันนั้นเหมาะกับการซ่อนตัวในเหมืองมาก ๆ ตราบใดที่ไม่มีใครเอะใจว่ามีพวกมันอยู่ในเหมือง มันก็แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะหาอสูรและปีศาจพวกนี้พบ สรุปแล้วก็คือในเหมืองแห่งนี้นั้นมีพวกมันหลบซ่อนตัวอยู่เพื่อคอยขโมยทองคำสีชาดหรือไม่ก็ปนเปื้อนพลังปีศาจลงไปในแร่”
“ไม่ใช่ว่าแร่ทองคำสีชาดถูกดูแลโดยคนของเมืองขนนกอัคคีไม่ใช่เหรอ? หรือว่าคนของเมืองขนนกอัคคีจะสมรู้ร่วมคิดกับพวกอสูรปีศาจด้วย?” หลิงไช่หยุนรีบถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “พ่อก็ไม่แน่ใจในเรื่องนั้น แต่จากที่พ่อเดา ๆ ดู พวกอสูรปีศาจมันน่าจะมีกันไม่เยอะมากเท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นพวกมันจะถูกพบเห็นได้ง่ายมากเกินไป และเมื่อมันมีไม่เยอะ ดังนั้นไอ้พวกอสูรปีศาจพวกนี้มันคงไม่สามารถเคลื่อนย้ายทองคำสีชาดไปซ่อนได้ไกลนัก พวกมันจะต้องเอาทองคำสีชาดไปซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่งใกล้ ๆ”
“ฉะนั้น เทียนหยุน พ่อคงต้องพึ่งพาความสามารถของเจ้าในการตามหาเหล่าอสูรปีศาจที่ซ่อนอยู่ในเหมืองและตามพวกมันไปยังที่ที่พวกมันซ่อนทองคำสีชาด และถัดมาเจ้าก็จงบันทึกตำแหน่งของที่ซ่อนเพื่อให้ฟ่างหัวไปขโมยทองคำสีชาดออกมาให้หมด หลังจากนั้นพวกเราค่อยมาดูกันว่าไอ้พวกโง่พวกไหนมันจะดิ้นพล่านกันบ้าง”
หลิงฟ่างหัวหัวเราะ “แผนของท่านพ่อน่าสนใจจริง ๆ!”
หลิงเทียนหยุนพยักหน้า “แค่บันทึกตำแหน่งเองงั้นเหรอ? ง่ายมากท่านพ่อ!”
เมื่อถึงเวลา เขาก็แค่ใช้ร่างเงาของเขาในการทำภารกิจ
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เจ้าต้องระวังตัวเอาไว้ให้ดีด้วยล่ะ ถึงแม้ว่าเจ้าจะส่งร่างเงาของเจ้าเข้าไปในเหมือง แต่ถ้าเจ้าถูกพบตัวโดยปีศาจเงามันก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเจ้าสักเท่าไหร่”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกท่านพ่อ อย่างมากข้าก็แค่เสียร่างเงาไปสักตัวหนึ่ง” หลิงเทียนหยุนหัวเราะ
“ไม่ว่าจะยังไงเจ้าก็ต้องระวัง” หลิงตู้ฉิงเตือนอีกครั้ง จากนั้นเขาก็หยิบเอาแผนที่เหมืองที่ได้มาจากพ่อและแม่ของเสี่ยวเยว่เฟิง ส่งให้กับหลิงเทียนหยุน