พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 659 องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์เคลื่อนพล
เมื่อชิวไป๋หยูได้รับใบบงการทัพเพื่อเคลื่อนกำลังพลขององค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์มาจากเฟิงเจียง เขาก็รีบพาองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์จำนวน 500 นายมุ่งหน้าไปที่เมืองขนนกอัคคีทันที
ในครั้งนี้องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์มีผู้นำทัพที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ระดับนภาคราม ซึ่งเมื่อรวมกับความแข็งแกร่งขององค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์อีก 500 นาย อำนาจที่พวกเขาสามารถสำแดงออกได้ก็พุ่งไปถึงขอบเขตจักรพรรดิ
ในระหว่างที่กำลังเดินทางไปยังเมืองขนนกอัคคี ชิวไป๋หยูก็คิดแผนการผูกสัมพันธ์กับเหล่าองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นเพื่อประโยชน์ของแผนการของเขาเช่นกัน
“แม่ทัพเฟิงหลิง คนที่เราจะต้องทำการสังหารในครั้งนี้ ตัวตนของนางค่อนข้างจะพิเศษอยู่สักหน่อย” ชิวไป๋หยูพูดกับผู้นำกองกำลังองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์
เฟิงหลิงตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ในเมื่อพวกข้าได้รับคำสั่งมาแล้วไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร พวกข้าจะสังหารคนผู้นั้นแน่นอน พวกข้าจะไม่ยอมให้ใครก็ตามทรยศเผ่าฟีนิกซ์ของเรา แต่หลังจากที่จบภารกิจพวกข้าจะต้องรายงานเรื่องทุกอย่างให้กับเบื้องบนได้ทราบอย่างละเอียด”
ชิวไป๋หยูหัวเราะทันที “แน่นอนว่าเราต้องรายงานเบื้องบนเป็นเรื่องปกติและการทรยศเผ่าของเราเป็นเรื่องที่ยินยอมไม่ได้ แต่ว่าในกลุ่มของฝั่งตรงข้ามมีมนุษย์รวมอยู่ด้วย พวกท่านจะกำจัดพวกเขาด้วยรึเปล่า?”
“ต่อให้เป็นมนุษย์แต่ถ้าหากอยู่ฝั่งตรงข้าม พวกข้าก็จะกำจัดพวกเขาทั้งหมดเช่นกัน!” เฟิงหลิงพยักหน้า
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชิวไป๋หยูก็รู้สึกเบาใจขึ้นและรีบเร่งความเร็วไปยังเมืองขนนกอัคคีให้มากกว่าเดิม
ส่วนเรื่องที่องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์จะรายงานผลของภารกิจไปให้กับเบื้องบนทราบในภายหลังนั้น เขาไม่เป็นห่วงเรื่องนั้นเลยเพราะว่าในภูเขาฟีนิกซ์มีผู้คนหลายคนที่ไม่ต้องการเห็นการกลับมาของราชันสงครามอยู่แล้ว ภูเขาฟีนิกซ์ในตอนนี้ไม่เหมือนกับในอดีตอีกต่อไป ซึ่งเขาก็รู้ว่าเฟิงเจียงก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ต้องการเห็นการกลับมาของราชันสงครามเช่นกัน
หรือถ้าหากมีคนกล่าวโทษเขาในเรื่องการสังหารราชันสงครามจริง ๆ เขาก็แค่แก้ตัวว่าเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนั้นคือราชันสงครามที่กลับมาเกิดใหม่ก็พอ
ในเวลาไม่นานพวกเขาก็ได้เดินมาถึงเมืองขนนกอัคคีและไปพบกับหานฉี
“คารวะท่านผู้อาวุโสชิว” หานฉีรีบกล่าวทักทาย
ชิวไป๋หยูโบกมือและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตรองมากนัก ให้ข้าแนะนำเจ้าก่อนก็แล้วกัน นี่คือแม่ทัพเฟิงหลิง ผู้ซึ่งเป็นผู้นำกองกำลังองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ในการมาปราบปรามเหล่าผู้ก่อกบฏในครั้งนี้”
“ขอคารวะท่านแม่ทัพเฟิงหลิง!” หานฉีหันไปโค้งตัวให้กับเฟิงหลิง จากนั้นเขาพูดว่า “กลุ่มคนพวกนั้นอยู่ในการจับตามองของพวกเราตลอดเวลาและตอนนี้พวกเขาก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้หนีไปไหน น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมีมากเกินไปแถมพวกเขายังมีคนหนุนหลังที่พวกเราไม่อาจต่อต้านได้อีกต่างหาก…พวกเราเสียใจจริง ๆ ที่ไม่อาจจัดการปัญหานี้ได้ด้วยตัวของพวกเราเอง และต้องทำให้พวกท่านลำบากมาถึงที่นี่”
อันที่จริงหานฉีรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
ในเมื่อองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์มาจัดการด้วยตัวเองแบบนี้ คนในเรือนตระกูลเสี่ยวทั้งหมดจะต้องถูกกำจัดไปจนหมดอย่างแน่นอน
แต่มันก็มีเรื่องที่น่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่งตรงที่เขาคงไม่อาจได้รับวิธีการควบแน่นร่างฟีนิกซ์ที่แท้จริงได้อีกแล้ว เพราะองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์จะไม่ยอมให้เขาได้รับมันแน่นอน
แต่ถ้าเทียบกับการที่สามารถกำจัดราชันสงครามออกไปให้พ้นทางได้มันก็ถือว่าคุ้มค่า
เฟิงหลิงไม่สนใจที่จะคุยกับหานฉีแม้แต่น้อย เขาสั่งขึ้นทันที “จงรีบนำทางพวกเราไปจัดการกับเหล่าคนทรยศได้แล้ว!”
“รับทราบ!” หานฉีรีบตอบกลับ จากนั้นเขาก็รีบนำทุกคนไปที่เรือนตระกูลเสี่ยว
ในตอนที่องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ได้มาถึงเมืองขนนกอัคคี หลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ ก็สัมผัสได้เช่นกัน
“ท่านพ่อ พวกเขามาแล้ว!” หลิงไช่หยุนพูดกับหลิงตู้ฉิง “แต่กลุ่มคนที่มาใหม่นี้ข้าสัมผัสได้ว่าพวกเขาแตกต่างออกไป พวกเขามีเลือดที่บริสุทธิ์มาก ๆ! แบบนี้พวกเราจะมีปัญหารึเปล่าท่านพ่อ?”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เหล่าองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ด้วยสีหน้ามืดหม่นเช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ดูเหมือนว่าครั้งนี้มีหลายคนที่สมควรตาย!”
เขาอุตส่าห์คิดแผนให้หลิงไช่หยุนปลอมตัวเป็นราชันสงครามและคิดว่าภูเขาฟีนิกซ์จะส่งพวกคนเก่าแก่ออกมาหา
แต่ว่าพวกคนเก่าแก่กลับไม่ออกมา แต่กลับเป็นองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ออกมาแทน
ภูเขาฟีนิกซ์มันเน่าเฟะถึงขนาดนี้แล้วงั้นเหรอ? แม้แต่องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ก็ยังร่วมวงแย่งชิงอำนาจเหมือนกับคนอื่นด้วย?
เขาเคยได้สอบถามสถานการณ์ภายในภูเขาฟีนิกซ์มาจากหวงเซียะแล้วคร่าว ๆ
ถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาได้ฟังมามันจะไม่ใช่ข้อมูลที่ลึกอะไรนัก แต่สถานการณ์มันก็ไม่ควรที่จะแย่ถึงขนาดนี้?
นี่มันแค่ผ่านมาไม่กี่หมื่นปีเท่านั้นเองไม่ใช่งั้นเหรอ?
หลิงตู้ฉิงหันไปพูดกับหลิงไช่หยุน “ลูกพ่อ เดี๋ยวพ่อจะให้เจ้าถ่ายทอดคำพูดของพ่อออกไปเมื่อพวกเขามาถึง และเดี๋ยวพ่อจะมอบสิ่งของบางอย่างให้กับเจ้าเพื่อทดสอบพวกองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นว่าพวกเขามีปัญหาเหมือนกับคนอื่น ๆ รึเปล่า”
“ท่านพ่อ แล้วถ้าพวกองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นมีปัญหาด้วย พวกเราควรจะทำยังไงดี?” หลิงไช่หยุนถามขึ้นด้วยสีหน้าประหม่า
หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “ถ้าพวกเขามีปัญหาด้วยจริง ๆ พวกเราจะมุ่งตรงไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ทันทีเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งหมดให้เร็วที่สุด แต่ในตอนนี้เจ้าต้องรับหน้าไปก่อน เจ้าไม่ต้องกังวลอะไร พ่อจะให้หมิงยู่เตรียมตัวไว้เสมอหากเกิดอะไรขึ้น พ่อสามารถลงมือได้ในทันที”
ในระหว่างที่สองพ่อลูกกำลังคุยกัน องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์และกองทัพของเมืองขนนกอัคคีก็มาถึงที่หน้าเรือนตระกูลเสี่ยวเรียบร้อย
“ใครก็ตามที่อยู่ด้านในออกมาเดี๋ยวนี้!” เฟิงหลิงตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ในเวลาเดียวกันองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 500 นายก็เปลี่ยนร่างของตัวเองให้กลายเป็นฟีนิกซ์ที่แท้จริง จากนั้นพวกเขาก็หลอมรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นฟีนิกซ์ร่างยักษ์พร้อมจู่โจมได้ทุกเมื่อ
ส่วนทางด้านของผู้คนที่อยู่เรือนตระกูลเสี่ยวตอนนี้ พวกเขาไม่รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย เนื่องจากพวกเขาได้เห็นแล้วว่า หลิงไช่หยุนนั้นมีสายเลือดที่สูงส่ง พวกเขาจึงแน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไร
พวกเขาต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิงและหลิงไช่หยุนด้วยสายตาตื่นเต้นอยากรู้ว่าสองพ่อลูกคู่นี้จะคลี่คลายสถานการณ์ยังไง
หลิงไช่หยุนเอามือไพล่หลังและค่อย ๆ เดินออกไปนอกเรือนพร้อมกับสำแดงเพลิงสายเลือดของนางออกมา
เมื่อก้าวออกไปด้านนอกเรือน หลิงไช่หยุนก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมทันที “ไม่ใช่ว่าข้าบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่ามารบกวนความสงบของข้า!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงเปลวเพลิงอันสูงส่งของหลิงไช่หยุนที่ออกมาจากร่างกายของนาง เฟิงหลิงก็อดไม่ได้ที่จะรีบถามขึ้นทันที “นี่ท่านเป็นใคร?”
ถึงแม้ว่าในตอนนี้พวกเขาเปิดใช้งานค่ายกลรบเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความสูงส่งของสายเลือดที่หลิงไช่หยุนมี
ตัวตนแบบนี้จะเป็นคนทรยศได้ยังไง?
เฟิงหลิงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางชิวไป๋หยูที่ยังคงนิ่งเงียบอยู่
“เจ้ากล้าถามว่าข้าเป็นใครงั้นเหรอ?” หลิงไช่หยุนยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้ามันก็เป็นแค่แม่ทัพปลายแถวขององค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากล้าดียังไงถึงได้มาถามข้าว่าข้าเป็นใคร? อันที่จริงมันต้องเป็นข้ามากกว่าที่ถามเจ้าว่าเจ้ามาที่นี่ด้วยท่าทีคุกคามข้าแบบนี้เจ้าต้องการจะทำอะไร?”
เฟิงหลิงเงียบไปอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาพูดว่า “พวกข้ามาที่นี่ก็เพราะมีคำสั่งให้ทำการกำจัดกลุ่มผู้ทรยศ!”
หลิงไช่หยุนเย้ยหยัน “ทรยศ? ใครเป็นผู้ทรยศกัน?”
ชิวไป๋หยูพูดขึ้นแทรกทันที “ก็คนที่อยู่ในเรือนนี้ทั้งหมดยังไงล่ะที่เป็นคนทรยศ! แม่ทัพเฟิงหลิง ท่านจำที่ข้าเคยบอกท่านได้รึเปล่าว่าภารกิจนี้มันจะแตกต่างจากที่แล้วมา และผู้อาวุโสเฟิงเจียงก็ได้ทราบเรื่องราวของที่นี่ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นข้าขอให้แม่ทัพเฟิงหลิงยึดถือคำสั่งและรีบจัดการจบภารกิจให้ไวที่สุด!”