พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 683 เจ้าแห่งการกิน
โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งไม่คาดคิดเช่นกันว่าหลิงยี่เทียนจะยอมตกลงง่ายแบบนี้
“หากพวกอาณาจักรจันทราให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันและจักรพรรดิร่วมรบด้วย บางทีพวกมันคงสามารถต่อต้านพวกเราได้แต่ตอนนี้….” โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งพูดกับพรรคพวกของเขาด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ในเมื่อทุกอย่างเข้าทางเราหมดแล้ว ถ้างั้นทุกคนจงเตรียมตัวเริ่มการโจมตี!”
อสูรจิ้งจอกอาวุโสเสนอแนะทางโทรจิต “นายน้อย ข้าคิดว่าพวกเราต้องทดสอบพวกมันก่อน!”
อสูรจิ้งจอกไม่ลืมที่จะย้ำเตือนว่าเป้าหมายของการรบครั้งนี้มันคือการที่พวกเขาอยากจะเห็นไพ่ลับทั้งหมดของอาณาจักรจันทรา
โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งพยักหน้ากับตัวเอง จากนั้นเขาหันไปสั่งอสูรแรดอาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ เขาและสั่งว่า “ข้ามอบโอกาสให้เผ่าของเจ้าเป็นผู้โจมตีเป็นอันดับแรก!”
ในเมื่อต้องการจะหยั่งเชิงฝั่งตรงข้าม โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งจึงตัดสินใจใช้เผ่าอสูรแรดเป็นพวกแรกที่เข้าโจมตี เนื่องจากอสูรแรดนั้นมีจุดเด่นในด้านการป้องกัน ทั้งผิวหนังและกล้ามเนื้อของบรรดาอสูรแรดนั้นหนาเป็นอย่างมาก และที่นอกเหนือจากนั้นบรรดาอสูรแรดทุกตนจะได้รับการฝึกฝนใช้พลังธาตุดินตั้งแต่เกิด เพื่อเสริมการป้องกันของตัวมันเองเข้าไปอีก
พวกมันจะใช้พลังธาตุดินสร้างม่านป้องกันเคลือบผิวหนังของมันอีกทบหนึ่ง ซึ่งการที่จะทำลายม่านป้องกันนี้หากเป็นผู้เชี่ยวชาญเผ่ามนุษย์ปกติจะต้องมีระดับการบ่มเพาะมากกว่าพวกมัน 1 ระดับเป็นอย่างน้อยจึงจะสามารถทะลวงผ่านม่านป้องกันไปถึงชั้นผิวหนังของพวกมันได้
เมื่อได้ยินคำสั่งของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋ง อสูรแรดอาวุโสหัวเราะและพูดว่า “ตราบใดที่พวกมนุษย์ไม่ส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของพวกมันลงมารบ มันก็ไม่ยากที่เผ่าอสูรแรดของข้าจะกระทืบทหารระดับล่างของพวกมันให้ตายคาเท้า ไป ลูกหลานของข้า ไปเหยียบพวกมันให้จมดินเพื่อให้เป็นเกียรติแก่นายน้อยของพวกเรา!”
ทันทีที่อสูรแรดอาวุโสพูดจบ อสูรแรด 1,000 ตนก็พากันกระทืบเท้าเดินหน้าเข้าสู่สนามรบ ส่งผลให้พื้นดินบริเวณนั้นสั่นสะเทือนราวกับมีแผ่นดินไหว
ในขณะเดียวกับที่โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งจัดทัพ หลิงยี่เทียนก็เดินกลับไปแนวหลังกองทัพของเขาและพูดกับบรรดาคนของเขาว่า “ศึกครั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันและจักรพรรดิจะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงไปรบด้วย ดังนั้นพวกเราจะต้องชนะศึกครั้งนี้ให้ได้ด้วยตัวเองโดยที่พวกเราจะต้องจำกัดความเสียหายของฝั่งเราเองให้น้อยที่สุด ไม่เช่นนั้นสิ่งที่พวกเราสร้างมาทั้งหมดมันจะจบลงที่วันนี้”
ถึงแม้พวกเผ่าอสูรจะพ่ายแพ้ศึกครั้งนี้ เผ่าของพวกมันก็ยังคงอยู่รอดต่อไปได้เพราะจำนวนที่พวกมันพากันมาบุกในรอบนี้มันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของกองกำลังพวกมันเท่านั้น
แต่ถ้าหากอาณาจักรอาณาจักรพ่ายแพ้ในวันนี้ พวกเขาจะไม่เหลือทางให้ถอยอีกแล้ว
ดังนั้นต่อให้หลิงยี่เทียนไม่ย้ำเตือนพวกเขา พวกเขาก็คิดอยู่ในใจแล้วว่าไม่ว่าจะยังไงวันนี้พวกเขาจะขอสู้จนตัวตาย
แต่เมื่อพวกเขาเห็นภาพของอสูรแรดตัวโต 1,000 ตนวิ่งออกมาจากแนวหน้าของกองทัพอสูร บรรดาผู้คนของอาณาจักรจันทราก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
พวกเขาจะใช้แผนไหนดีในการหยุดอสูรแรดเหล่านั้นที่มีอำนาจการบุกตะลุยมหาศาล?
หากเป็นกองทหารธรรมดาย่อมไม่สามารถหยุดอำนาจการบุกตะลุยอันบ้าคลั่งของพวกมันได้แน่นอน ต่อให้จะใช้ค่ายกลรบมันก็คงไร้ประโยชน์! แล้วแบบนี้พวกเขาจะใช้แผนไหนดีในการรับมือกับพวกมัน?
ทางด้านของเย่จางเฟิง เมื่อเขาเห็นว่าอสูรแรดเป็นพวกแรกที่ดาหน้าออกมา เขาจึงบอกข้อมูลจุดเด่นจุดด้อยของพวกอสูรแรดทันทีให้กับหลิงยี่เทียน เพื่อให้หลิงยี่เทียนได้นำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจว่าจะรับมือกับอสูรแรดเหล่านี้ยังไง
ในเวลาเดียวกัน แม่ทัพผู้หนึ่งก็ก้าวออกมาหาหลิงยี่เทียน และพูดว่า “ฝ่าบาท ข้าขออาสานำทัพ 100,000 นายไปรับมือกับบรรดาอสูรแรดเหล่านี้เอง ข้าคิดว่าข้าสามารถหยุดพวกมันได้!”
หลิงยี่เทียนมองไปที่อสูรแรด 1,000 ตน จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมพูดว่า “พวกมันก็แค่แรด 1,000 ตัว มันไม่จำเป็นถึงขนาดที่พวกเราจะต้องส่งทหาร 100,000 นายไปรับมือหรอก พวกเจ้าจำได้ไหมว่าพวกอสูรมันเคยพูดเอาไว้ว่าพวกมันชอบกินมนุษย์? เดี๋ยวพวกเจ้าคอยดูวันนี้ ข้าจะให้ไอ้พวกอสูรมันได้พบกับมนุษย์ที่เป็นเจ้าแห่งการกินอสูร! เกาหยู ศึกแรกนี้ข้าให้เจ้าจัดการ!”
เกาหยูเลียริมฝีปากทันที “องค์ฝ่าบาทช่างรู้ใจข้าจริง ๆ แค่ข้าเห็นร่างอ้วน ๆ ของพวกมันข้าก็น้ำลายสอแล้ว!”
เมื่อเห็นเกาหยูเลียริมฝีปาก บรรดาผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็รู้สึกขนลุกกันขึ้นมาทันที
ปากนั่นกลืนกินชีวิตไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว
ถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะมีรูปร่างเป็นมนุษย์ แต่จริง ๆ แล้วเขาคือปีศาจยักษ์ที่กลืนกินได้ทุกสิ่ง!
ในเวลานี้ระดับการบ่มเพาะของเกาหยูได้พัฒนามาจนถึงระดับหลุดพ้นสามัญแล้ว
หากพูดกันตามเหตุผลแล้วการที่เกาหยูทะลวงระดับการบ่มเพาะได้เร็วขนาดนี้มันเป็นเรื่องที่ปกติมาก ๆ เนื่องจากการบ่มเพาะของเกาหยูมีเพียงแค่อย่างเดียวคือการกิน ตราบใดที่มีอาหารให้เขากิน เขาก็สามารถทะลวงระดับไปได้เรื่อย ๆโดยไม่มีการติดคอขวดแต่อย่างใด
แต่แน่นอนว่ายิ่งระดับการบ่มเพาะของเกาหยูสูงขึ้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งต้องกินมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งปัญหานี้มันทำให้หลิงยี่เทียนปวดหัวมาโดยตลอดเพราะหลาย ๆ ครั้งเขาก็หาอาหารมาให้เกาหยูไม่ทันเหมือนกัน
หลิงยี่เทียนมองไปที่เหล่าอสูรมากมายพลางคิดในใจ หลังจากจบศึกนี้เขาคงไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องอาหารของเกาหยูไปได้พักใหญ่!
อันที่จริงตามแผนเดิมของหลิงยี่เทียน เขาจะให้เกาหยูออกไปรบเฉพาะในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเท่านั้น แต่เมื่อเขาเห็นว่าฝั่งตรงข้ามกลับส่งอสูรแรดที่ดูน่าหวาดเกรงออกมาตั้งแต่ต้นแบบนี้ เขาจึงไม่มีทางเลือกต้องใช้ความโหดเหี้ยมของเกาหยูทำลายขวัญกำลังใจของฝั่งตรงข้ามให้ย่อยยับแทน
เมื่อทางฝั่งอสูรแรดเห็นว่าฝั่งตรงข้ามของพวกมันส่งแค่เพียงผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญออกมาคนเดียวเท่านั้นเพื่อรับมือกับพวกมัน พวกมันก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
พวกมันทั้ง 1,000 ตนล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับสวรรค์สามัญทั้งสิ้น ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำก็ยังต้านพวกมันไม่ไหวเลย
ทำไมฝั่งตรงข้ามถึงได้ส่งผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญเพียงคนเดียวออกมาสู้กับพวกมันแบบนี้?
ทางด้านของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งก็งุนงงเช่นกันว่า หลิงยี่เทียนพยายามจะทำอะไรกันแน่?
ในระหว่างที่ฝั่งอสูรกำลังงุนงง เกาหยูก็ได้เดินออกมาที่สนามรบแล้ว และร่างกายของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผิวหนังของเขาจู่ ๆ ก็มีเกล็ดสีดำปกคลุมร่างกายและขยายขึ้นทั้งใหญ่พ้อมทั้งสูงกว่า 10 เมตร แววตาของเขากลายเป็นดูกระหายอยู่ตลอดเวลา
ส่วนทางฝั่งของอาณาจักรจันทรา เมื่อเห็นเช่นนี้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึกเพราะว่าวันนี้จะเป็นอีกวันที่ชื่อเสียงของเจ้าแห่งการกินอสูรจะระบือไกลไปกว่าเดิม!
เกาหยูมองไปที่บรรดาอสูรแรดทั้งหลายและพูดว่า “ไอ้พวกวัวอ้วนทั้งหลาย มาเร็วรีบเข้ามาหาปากข้าซะดี ๆ ข้าหิวแล้ว!”
เมื่อเหล่าอสูรแรดได้ยินเช่นนี้ พวกมันก็รู้สึกเดือดดาลทันที พวกมันกู่ร้องพร้อมกับพุ่งเข้าไปหาเกาหยูด้วยแรงทั้งหมดที่มีในทันที
เมื่อเกาหยูเห็นเช่นนี้ก็แสยะยิ้มพร้อมกับเลียริมฝีปาก จากนั้นเขาอ้าปากกว้างไปทางอสูรแรด 1,000 ตนที่กำลังวิ่งเข้ามาหา
ทันทีที่เกาหยูอ้าปาก บรรดาอสูรแรดก็รู้สึกได้ทันทีว่าร่างของพวกมันถูกดูดเข้าไปหาเกาหยูโดยที่พวกมันควบคุมร่างกายของพวกมันไม่ได้อีกแล้ว พวกมันสัมผัสได้ราวกับว่าปากของเกาหยูมันคือหลุมดำดี ๆ นี่เอง!
อสูรแรด 1,000 ตนพุ่งเข้าไปหาปากของเกาหยูด้วยความเร็วเหนือบรรยาย
แต่ยิ่งพวกมันเข้าใกล้ปากของเกาหยูมากเท่าไหร่ ร่างของพวกมันก็โดนพลังบางอย่างย่อส่วนร่างกายของพวกมันให้เล็กลงมากเท่านั้น หลังจากนั้นบรรดาอสูรแรดทั้ง 1,000 ตนก็หายเข้าไปในปากของเกาหยูกันจนหมดไม่มีเหลือ…
เมื่อกลืนอสูรแรดทั้งพันตนลงท้องไปจนหมด เกาหยูก็เรอออกมาดังลั่น จากนั้นร่างของเขาก็ล้มลงไปนอนกับพื้นอย่างควบคุมไม่ได้จนผืนแผ่นดินสะเทือน!