พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 698 โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งผู้น่าสงสาร
เมื่อได้ยินหลิงตู้ฉิงปฏิเสธ โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งถึงกับหน้าเจื่อนทันที โดยไม่พูดพร่ำอะไรต่อโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งยกฝ่ามือขึ้นตบไปที่หน้าผากตัวเองพยายามฆ่าตัวตายทันที
เขารู้เป็นอย่างดีว่าโอกาสรอดของเข้าเป็นศูนย์แล้วแน่นอนถ้าหากเผชิญหน้ากับตัวตนผู้เป็นเจ้าของตำหนักไร้หทัย ดังนั้นมันจะเป็นการดีที่สุดที่เขาจะฆ่าตัวตายไปให้จบ ๆ ซะ
แต่แล้วในขณะที่ฝ่ามือกำลังจะถึงหน้าผาก จู่ ๆ สายลมสายหนึ่งก็พัดมาตรึงฝ่ามือของเขาเอาไว้ไม่ให้ขยับ
“ข้ายังมีคำถามมากมายหลายอย่างจะถามเจ้า ดังนั้นเจ้ายังตายตอนนี้ไม่ได้!” หลิงตู้ฉิงพ่นลมออกจมูก “หากข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตาย ต่อให้เจ้าตายข้าก็จะทำให้เจ้าฟื้นขึ้นมาใหม่!”
โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าโศก “ท่านผู้อาวุโสโปรดเมตตาให้ข้าตายอย่างไม่ทรมานด้วยเถอะ!”
ตั้งแต่ตอนที่เขาเกิด โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งเคยได้ยินเรื่องราวของเจ้าแห่งตำหนักไร้หทัยมาบ่อยมาก เขาเคยได้ยินเรื่องเล่ามาทั้งหมดถึงเรื่องความโหดเหี้ยมอำมหิต ไร้อารมณ์ ไร้ความปราณี และความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดที่มีสถานะสูงส่งมากเท่าไหร่ เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนผู้นี้ทุกคนก็ทำได้เพียงแต่ก้มหัวหลีกทางให้เพียงอย่างเดียว ไม่เช่นนั้นสิ่งที่พวกเขาจะต้องเจอก็คือความตาย!
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดขึ้นว่า “หลังจากที่ข้าถามคำถามเจ้าเสร็จ ข้าสัญญาว่าเจ้าจะตายอย่างไม่ทรมาน และข้าจะอนุญาตให้เจ้าได้ไปเกิดใหม่อีกต่างหาก”
“ขอบคุณมาก ผู้อาวุโส!” โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งโค้งคำนับ
โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งรู้ดีว่าต่อหน้าหลิงตู้ฉิง การที่เขาได้รับอนุญาตให้ไปเกิดใหม่นั้นถือได้ว่าเป็นความโชคดีของเขาเป็นที่สุด
หลงหยาในเวลานี้ยืนฟังทุกอย่างด้วยสีหน้างุนงง เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“นายน้อย เขาเป็นใครกัน?” หลงหยาอดไม่ได้และถามขึ้น
โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งเหลือบมองไปที่หลงหยา แต่ไม่ได้ตอบกลับอะไร
การที่เขาได้รับคำมั่นสัญญาจากหลิงตู้ฉิงว่าจะได้ไปเกิดใหม่นั้นถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่อยากพูดอะไรให้มากความจนไม่เข้าหูหลิงตู้ฉิง
หลงหยามองไปที่หลิงตู้ฉิง และครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเมื่อเขาคิดอะไรออกได้บางอย่าง เขาจึงคว้าเข้าที่คอของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งทันทีและตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าดุดันว่า “ปล่อยข้าออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะฆ่าเขาซะ!”
ก่อนหน้านี้เขาได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงมีเรื่องสำคัญอยากจะถามโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋ง ดังนั้นเขาจึงใช้ชีวิตของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งมาเป็นข้อต่อรองกับหลิงตู้ฉิงแทน
โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
นี่เขาอุตส่าห์อ้อนวอนขอร้องจนมหาปีศาจที่อยู่ตรงหน้าเขาปล่อยให้เขาไปเกิดใหม่แล้วแท้ ๆ แต่ตอนนี้เขากลับถูกคนของตัวเองเล่นงานแทน?
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หลงหยา และพูดว่า “ต่อให้เจ้าข้าฆ่าเขา เขาก็ไม่ตายหรอก”
หลงหยาบีบคอโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งแรงขึ้นและตะโกนว่า “ไร้สาระ! ปล่อยให้ข้าออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเขาซะ!”
โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งโกรธในความโง่งมของหลงหยาซะจนเขาหายใจแทบไม่ออก เขาได้แต่ก่นด่าหลงหยาอยู่ในใจ
‘ไอ้หน้าโง่เอ้ย! เจ้าจะขู่ฆ่าข้าทำบ้าอะไร? เมื่อกี้เจ้าไม่ได้ยินเหรอไงว่าต่อให้ข้าอยากจะตายข้าก็ตายไม่ได้! ดังนั้นต่อให้เจ้าจะฆ่าข้า ข้าก็ไม่ตายอยู่ดีไอ้หน้าโง่! ข้ากำลังจะได้ตายอย่างไม่ทรมานอยู่แล้วดี ๆ แต่ในตอนนี้เจ้ากลับจะทำให้ข้าตายอย่างทรมานอีก ไอ้สารเลวบ้านี่ หากเจ้ามีความสามารถจริงก็ลองฆ่าข้าให้ตายลงตรงนี้ดูสิ เอาเลย!’
หลิงตู้ฉิงที่เห็นเช่นนี้ก็รู้สึกสังเวชโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งอยู่ในใจ ไอ้เด็กนี่มันช่างโชคร้ายจริง ๆ!
“เจ้าบีบคอจนเขาหายใจไม่ออกแล้วนั่นน่ะเจ้ารู้ตัวไหม?” หลิงตู้ฉิงพูดเตือนไปที่หลงหยา
หลงหยาตอบกลับด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม “ข้าไม่สนใจ หากเจ้าไม่ปล่อยข้าไป ข้าจะบีบคอเขาให้ตายตรงนี้!”
หลังจากพูดจบ หลงหยาก็บีบคอโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งแรงขึ้นจนโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งเผยร่างที่แท้จริงและหมดสติไป
ในตอนนี้หลงหยาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เนื่องจากเขาเห็นท่าทีของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งที่ไม่ปกติต่อหลิงตู้ฉิง เขาจึงอยากจะออกไปจากที่นี่ให้ได้อย่างเดียวจนเขาไม่สนแล้วว่าเขาจะล่วงเกินโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งขนาดไหน
ความคิดในใจของเขา ตอนนี้มีแค่เอาตัวรอดก่อนส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็หัวเราะเบา ๆ จากนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรหลงหยาอีก
หลงหยา เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่ได้ดูจะรู้สึกรู้สาอะไรกับคำขู่เลย เขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะคลายแรงบีบที่คอของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งลงจนโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งคืนสติมาอีกรอบ
ครึ่งวันต่อมา หมิงยู่ก็ลุกขึ้นมายืนที่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิงอีกครั้งและพูดว่า “นายท่าน ตอนนี้ข้าเข้าใจมหาค่ายกลคุกโลหิตแห่งอาชูร่าได้ส่วนหนึ่งแล้ว!”
“ดีมาก เอาล่ะเจ้าเริ่มฆ่าพวกเขาต่อได้แล้ว!” หลิงตู้ฉิงชี้นิ้วไปทางเหล่าผู้คนของสำนักวายุคลั่ง
เมื่อได้ยินคำสั่ง หมิงยู่พยักหน้ารับทันที จากนั้นร่างของนางก็สลายออกเป็นหมอกเลือดและพุ่งเข้าไปหาผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของสำนักวายุคลั่ง
ผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นพยายามดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์ แต่น่าเสียดายที่การโจมตีต่าง ๆ ของเขาไม่เป็นผลใด ๆ เลยกับหมอกเลือด จนท้ายที่สุดเขาก็ถูกหมอกเลือดกลืนกินร่างไปจนหมดภายในพริบตา
เมื่อเสร็จจากเป้าหมายแรก หมิงยู่ก็พุ่งไปหาเป้าหมายถัดไปในทันทีและหลอมรวมร่างของผู้โชคร้ายคนถัดไปเข้ากับหมอกเลือดของนาง
ในระหว่างที่หมิงยู่สังหารคนมากขึ้น หมอกเลือดของนางก็เริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายจากหมอกที่หนาแน่นก็ควบแน่นกลายเป็นสระโลหิตแทน
เมื่อกลายเป็นสระโลหิต อำนาจของหมิงยู่ก็มากขึ้น จากนั้นนางก็ไม่ใช้วิธีสังหารทีละคนอีกต่อไป นางขยายขนาดสระโลหิตกลืนกินผู้คนของสำนักวายุคลั่งทีละมาก ๆ แทน จนท้ายที่สุดจากสระโลหิตก็ขยายจนกลายเป็นทะเลโลหิต
จากนั้นถัดมาภาพที่แปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้น เนื่องจากผู้ที่เพิ่งจะถูกหมิงยู่กลืนกินเข้าไปจู่ ๆ ร่างของพวกเขาก็ปรากฏขึ้นมาจากทะเลโลหิตอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ดวงตาของพวกเขาเป็นสีแดงก่ำเหมือนโลหิต และจากนั้นพวกเขาก็เริ่มแยกย้ายกันโจมตีเหล่าผู้คนของสำนักวายุคลั่งอย่างไม่คิดชีวิต
เมื่อเผชิญกับการโจมตีของทั้งทะเลโลหิตและบรรดาผู้คนที่จู่ ๆ ก็ฟื้นขึ้นมาจากทะเลโลหิต เหล่าคนของสำนักวายุคลั่งก็ล้มตายเร็วขึ้นมากเป็นเท่าทวีคูณ และยิ่งพวกเขาตายและถูกทะเลโลหิตดูดกลืนไปมากเท่าไหร่ มันก็เท่ากับว่าหมิงยู่มีผู้ช่วยมากขึ้นเท่านั้น
จนท้ายที่สุดทะเลโลหิตก็ปกคลุมไปจนทั่วสำนักวายุคลั่ง ซึ่งหมิงยู่ เมื่อเห็นเช่นนี้นางก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงไม่อนุญาตให้นางถ่ายทอดวิชานี้ให้กับคนในสำนักของนาง
หากคนในสำนักของนางเรียนรู้วิชานี้เข้าและควบคุมมันไม่ได้ มันจะไม่ใช่เรื่องยากเลยที่วิชานี้จะสามารถสังหารคนได้ทั้งอาณาเขตได้อย่างสบาย ๆ
หลงหยาที่เห็นภาพเช่นนี้ก็รู้สึกสยองจนขนลุก เขาไม่เคยเห็นวิชาใดที่มันสามารถปลุกศัตรูที่ตายให้ฟื้นขึ้นมาสู้ให้กับตัวเองต่อได้แบบนี้ แถมผู้ที่ถูกปลุกขึ้นมากลับยังมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับเดิมก่อนตายอีกต่างหาก
ภายใต้การโจมตีของมหาค่ายกลคุกโลหิตแห่งอาชูร่า ครึ่งวันต่อมาทุกคนของสำนักวายุคลั่งยกเว้นผู้ที่มีระดับสูงกว่าขอบเขตจักรพรรดิก็ตายลงจนหมด และกลายเป็นหนึ่งในตัวช่วยของหมิงยู่
จากนั้นอีกครึ่งวันถัดมา ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิก็ตายลงไปอีกคนหนึ่ง ซึ่งมันยิ่งทำให้หมิงยู่มีอำนาจที่จะสังหารมากขึ้น
เมื่อได้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิมาเป็นผู้ช่วย ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิคนที่สองก็ถูกสังหาร….
จากนั้นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิคนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ ถูกสังหารไปเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดก็เหลือแต่หลีต้าฉิงเพียงคนเดียวที่ยังยืนหยัดเหลืออยู่
แต่ด้วยการถูกรุมจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ 7 คน และยังมีอำนาจของค่ายกลป้องกันสำนักที่สะกดข่มอยู่ หลีต้าฉิงก็ทนต่อได้อีกเพียงแค่ 3 วัน สุดท้ายเขาก็ถูกสังหารลงโดยหมิงยู่เช่นกัน
“นี่คืออำนาจของมหาค่ายกลคุกโลหิตแห่งอาชูร่าสินะ…” โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งถอนหายใจ
แค่เพียงโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งพูดจบประโยค หลิงตู้ฉิงและหมิงยู่ก็หันมามองทางเขาและหลงหยา
เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกจ้องมอง ด้วยความตกใจหลงหยาก็พลั้งมือบีบคอโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งแรงจนเกินไปจนคอของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งหักในทันที!