พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 72 ข้าไม่ขอขมา! [รีไรท์]
บทที่ 72 ข้าไม่ขอขมา! [รีไรท์]
หากหลิงตู้ฉิงไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับหลิงฉิงเฟิงจากกงหยู เขาคงไม่มีวันตกลงที่จะออกไปเจอกับหลิงฉิงเฟิงแน่นอน
พ่อแม่ของเขาไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับบรรรดาญาติ ๆ ของพวกเขาเลย แถมหลิงตู้ฉิงเองยังได้ยืนยันความสัมพันธ์โดยใช้หยดเลือดไปแล้ว ซึ่งผลออกมาว่าพวกเขาไม่มีความเกี่ยวดองกัน ฉะนั้นเขาจะออกไปพบกับคนที่ไม่ใช่ญาติทำไม
แต่ในเมื่อเขาได้รู้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่เขากับหลิงเจิ้งสงแล้ว ในตอนนี้เขาจึงถือว่าหลิงฉิงเฟิงเป็นญาติของเขาอีกคนหนึ่ง
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงพากงหยูออกจากเรือนไปหาหลิงฉิงเฟิง ผู้เชี่ยวชาญที่ตระกูลเจิ้นส่งมาให้เฝ้าจับตามองเรือนหลิงก็รีบส่งข่าวไปยังเจิ้นป่าเจ่าในทันที
เมื่อเจิ้นป่าเจ่าได้รับข่าวแล้ว เขาก็จึงสั่งการให้จี้ชิงหยวนส่งคนไปถล่มเรือนหลิงทันที
“หลิงตู้ฉิงมันออกไปแล้วก็จริง แต่บรรดาผู้คุ้มกันล่ะนายน้อย?” จี้ชิงหยวนถามขึ้น
เจิ้นป่าเจ่าเย้ยหยัน “ไม่ต้องกังวลกับไอ้พวกผู้คุ้มกันนั้นหรอก ระดับของพวกมันยังไม่มีใครอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณเลยด้วยซ้ำ เจ้าพาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณไป 3 คน ข้าไม่เชื่อว่าวันนี้ข้าจะทำให้เรือนหลิงเป็นนรกไม่ได้!”
จี้ชิงหยวนพยักหน้า “นายน้อยแล้วหลิงตู้ฉิงล่ะ? เราควรส่งคนไปสังหารมันด้วยไหม?”
เจิ้นป่าเจ่ายืนคิดอยู่นานจนกระทั่งพูดขึ้น “ส่งฟูเจินออกไปจัดการหลิงตู้ฉิงก่อน หากเขาไม่สามารถฆ่ามันได้ เราค่อยรอให้ผู้อาวุโสหวูทะลวงขอบเขตรวมแสงดาราสำเร็จ จากนั้นเราค่อยไปฆ่ามันทีหลัง
จี้ชิงหยวนพยักหน้ารับทราบ “นายน้อยข้าจะส่งคนออกไปทันที ว่าแต่ท่านต้องการให้ข้านำพวกเขาไปด้วยตัวเองหรือไม่?”
“เจ้าจะไปทำบ้าอะไร!?” เจิ้นป่าเจ่าตะคอก “ใคร ๆ ก็รู้ว่าเจ้าเป็นคนของข้า หากเจ้าตามพวกเขาไป นั่นไม่เท่ากับข้าป่าวประกาศว่าเป็นผู้ลงมืออย่างนั้นเหรอ ข้ายังไม่ต้องการประกาศสงครามกับตระกูลหลิงอย่างเต็มตัวในตอนนี้ ตระกูลของเรายังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขาโดยตรง”
ในขณะเดียวกัน หลิงตู้ฉิงได้เดินทางมาถึงภัตตาคารหลิวเย่ พวกเขาเห็นหลิงฉิงเฟิงที่กำลังนั่งรออยู่ที่โต๊ะ
“เชิญนั่ง” หลิงฉิงเฟิงเชิญชวน
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงนั่งลง หลิงฉิงเฟิงก็เปิดประเด็นก่อนทันที “เจ้าและข้า เราเป็นญาติ…”
ก่อนที่หลิงฉิงเฟิงจะได้ทันพูดจนจบประโยค หลิงตู้ฉิงก็ยกมือขึ้นให้หยุดพูด “ข้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาว เอาล่ะ เจ้าเรียกข้ามาที่นี่ เจ้ามีเรื่องอะไร?”
หลิงฉิงเฟิงขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา “ก็เรื่องที่เจ้าไปสังหารเจิ้นสีชวงซึ่งส่งผลให้ผู้นำตระกูลเจิ้น เจิ้นฟูเห่าบุกมาทวงความยุติธรรมถึงหน้าตระกูลของเราที่เมืองหลวง ท่านปู่จึงส่งข้ามาจัดการปัญหานี้ให้กับเจ้า”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าวางแผนที่จะจัดการปัญหานี้ยังไง?” หลิงตู้ฉิงถาม
“ข้าเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจิ้นสีชวงเป็นต้นเหตุ แต่เจ้าเองก็ตอบโต้จนเกินขอบเขตไป ข้าอยากให้เจ้าไปขอขมากับทางตระกูลเจิ้นจะได้ไหม?” หลิงฉิงเฟิงพยายามเกลี้ยกล่อม
“เจ้าคิดว่าแค่ขอขมามันจะพอเหรอ?” หลิงตู้ฉิงยิ้มมุมปาก
“หากเจ้าขอขมาแล้วตระกูลเจิ้นยังไม่เลิกราอีกทางตระกูลเราจะออกหน้าแทนเจ้าเอง” หลิงฉิงเฟิงให้ความมั่นใจกับหลิงตู้ฉิง
“ข้าก็นึกว่าเจ้าจะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่านี้ สุดท้ายเจ้าก็คิดได้แค่ให้ข้ายอมก้มหัวให้คนอื่น แต่ขอโทษที คนอย่างข้าไม่ชอบก้มหัวให้ใครพร่ำเพื่อ และเจ้าเองก็รู้แก่ใจว่าคนตระกูลเจิ้นเป็นฝ่ายหาเรื่องข้าก่อน มันสมควรที่จะให้พวกเขามาขอขมาต่อข้า ไม่ใช่ให้ข้าไปขอขมาพวกเขา!”
“เอาล่ะ ข้าคิดว่าข้าเสียเวลามามากพอแล้ว และตอนนี้เราคงไม่มีความจำเป็นจะต้องคุยอะไรกันอีก ข้าขอตัวกลับก่อนล่ะ ส่วนเจ้าเองก็ควรกลับไปที่ที่เจ้ามาเช่นกัน”
“กงหยู กลับ!” หลิงตู้ฉิงพูดจบเขาดีดตัวออกจากเก้าอี้แล้วหันหลังเดินจากไป
หลิงฉิงเฟิงเมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะเดินจากไปแล้วจึงตะโกนไล่หลัง “นี่เจ้า…มันยากมากนักหรือไงที่จะไปขอขมา เจ้ารู้ไหมหากเจ้ายังดันทุรังหัวแข็งอยู่เช่นนี้ มันจะเป็นผลเสียต่อชื่อเสียงของตระกูลเราและมันจะส่งผลทำให้ท่านปู่ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก!”
ผู้คุ้มกันทั้งสองที่มากับหลิงฉิงเฟิงเมื่อเห็นท่าทีของหลิงตู้ฉิงที่มีต่อนายน้อยของพวกเขาเช่นนี้จึงยอมไม่ได้ “นี่เจ้ากล้าดียังไงที่บังอาจทำตัวหยาบคายกับนายน้อยเช่นนี้ เจ้าไม่เข้าใจหรือไงว่านายน้อยอุตส่าห์ลำบากมาถึงที่นี่เพื่อสะสางปัญหาให้กับเจ้า เจ้าคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหนถึงกล้าทำตัวแบบนี้ได้!”
หลิงตู้ฉิงในเวลานี้ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของพวกเขาเลย เขาเดินจากไปโดยไม่เหลียวกลับมามองแม้แต่น้อย เหลือไว้ก้แต่เพียงกงหยู ที่ยังคงยืนจ้องหลิงฉิงเฟิงและผู้คุ้มกันทั้งสอง
หลิงฉิงเฟิงเมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงจากไปโดยไร้เยื่อใย เขามองไปยังทิศทางที่หลิงตู้ฉิงเดินจากไปด้วยแววตาเย็นชา
กงหยูที่กำลังยืนมองคนทั้งสามอยู่ เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “หากนายท่านรู้ว่าพวกเจ้าจัดการปัญหาอย่างไรเขาคงผิดหวังในตัวพวกเจ้ามาก หลิงฉิงเฟิง ตอนนี้เจ้าไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ในเมืองฟินิกซ์อีกต่อไป เจ้าจงกลับไปที่เมืองหลวงซะ ส่วนพวกเจ้าสองคนหลังจากกลับไปถึงตระกูลแล้วจงไปเก็บตัวที่หุบเขาหมื่นยอดหากไม่ได้รับคำสั่งห้ามพวกเจ้าก้าวขาออกมาแม้แต่ก้าวเดียวจากที่นั่นเป็นอันขาด!”
“ท่านคือ?” หลิงฉิงเฟิงมองไปยังกงหยูด้วยความสงสัย
ผู้คุ้มกันทั้งสองเองขมวดคิ้วมองไปยังกงหยูด้วยความสงสัยและหวาดระแวง พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดชายชราคนนี้ถึงกล้าออกคำสั่งแก่พวกเขาและยังรู้จักชื่อหุบเขาหมื่นยอดของตระกูลของพวกเขาอีก
กงหยูเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของพวกเขาจึงหยิบเหรียญตราผู้แทนแม่ทัพออกมาแสดงให้หลิงฉิงเฟิงและผู้คุ้มกันทั้งสองเห็น
เมื่อทั้งสามได้เห็นเหรียญตราอยู่ตรงหน้า สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนสีทันที พวกเขาทั้งสามก้มหัวลงแสดงความเคารพทันที
“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าข้าเป็นใคร นอกเหนือจากท่านแม่ทัพ ทุกคนต้องก้มหัวให้ข้า ตอนนี้ข้าขอสั่งพวกเจ้า จงกลับไปเมืองหลวงโดยทันทีและรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่นี่ให้กับนายท่านได้ทราบโดยไม่มีตกหล่น!”
หลังจากกล่าวจบ กงหยูหมุนตัวเดินจากไปหาหลิงตู้ฉิงทันที
หลิงฉิงเฟิงที่เห็นว่ากงหยูจากไปแล้ว เขามองตามหลังกงหยูไปอย่างตกตะลึง เขายืนอึ้งอยู่นานจนในที่สุดเขาออกคำสั่ง “ไป พวกเรากลับไปยังเมืองหลวง”
ทางด้านของกงหยู เมื่อเขาเดินจากหลิงฉิงเฟิงมาแล้ว เขารีบเดินตามหลิงตู้ฉิงมาจนทัน และเดินตามหลังโดยที่ไม่กล่าวคำใด ๆ ออกมา
หลิงตู้ฉิงเองในความคิดของเขา เขาไม่ได้ถือสาอะไรตระกูลหลิงจากคำพูดของหลิงฉิงเฟิง เนื่องจากเขาเข้าใจดีว่าทุกคำพูดหลิงฉิงเฟิงนั้นไม่ใช่สิ่งที่หลิงเจิ้งสงผู้เป็นผู้นำตระกูลอยากจะให้ทำ ประกอบกับหลิงเจิ้งสงเองได้แสดงเจตนารมณ์ของเขาออกมาแล้วว่าเขาจะสนับสนุนหลิงตู้ฉิงในทุกอย่างที่หลิงตู้ฉิงต้องการ ซึ่งเห็นได้จากการที่หลิงเจิ้งสงส่งกงหยูมาเป็นตัวแทนคุ้มครองหลิงตู้ฉิง
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงและกงหยูเดินมาได้สักพัก พวกเขาทั้งคู่หยุดลงอย่างกะทันหัน สายตาของพวกเขาทั้งสองคนมองไปด้านหน้าด้วยแววตาเย็นชา
ขณะนี้ภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือ มีชายผู้หนึ่งรอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร กำลังเดินใกล้มาในระยะประมาณ 100 เมตร
หลิงตู้ฉิงหันไปหากงหยูที่อยู่ด้านข้างและเอ่ยขึ้น “เจ้าดูสิ แล้วแบบนี้จะให้ข้าไปขอขมางั้นเหรอ แค่ข้าไม่บุกไปถึงตระกูลเจิ้นและสังหารทุกคนที่อยู่ในตระกูลจนหมด เท่านี้ก็ถือว่าข้าปราณีมากแล้ว”
“จริงอย่างที่นายท่านว่า” กงหยูพยักหน้า
หลิงตู้ฉิงมองไปยังผู้เชี่ยวชาญที่กำลังเดินเข้ามาและพูดกับกงหยู “เจ้าออกไปฆ่ามันซะ มันอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 7 เจ้าควรจะฆ่ามันได้ภายในกระบวนท่าเดียว”
กงหยูพยักหน้ารับทราบ “แต่ว่านายท่าน เราจะไม่จับตัวเขามารีดหาหลักฐานก่อนหรือว่าใครเป็นผู้ส่งเขามา?”
“เพื่ออะไร?” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเจรจากับคนที่ต้องการพุ่งเป้าสังหารข้าและเจ้าเดาไม่ออกหรือไงว่าใครส่งมัน เจ้าไม่ต้องคุยอะไรกับมันทั้งนั้น สังหารมันภายในกระบวนท่าเดียว ข้ากำลังรีบกลับเรือน!”