พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 732 สำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี
หลิงตู้ฉิงไม่ได้รีบร้อนที่จะเดินทางเข้าไปที่สำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีนัก เนื่องจากตอนนี้เขายังคงต้องให้เวลาหลิงฟ่างหัวและอี้ลั่วเอ๋อทำความเข้าใจในสิ่งที่พวกนางเพิ่งจะบรรลุมา
พวกเขาหยุดอยู่ในที่เดิมเป็นเวลาถึง 10 ปี ซึ่งในตอนนี้ อี้ลั่วเอ๋อสามารถปรับสมดุลระดับการบ่มเพาะสวรรค์สามัญได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ส่วนหลิงฟ่างหัวถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของนางจะยังคงอยู่ในระดับเดิมคือสวรรค์สามัญ แต่นางก็พัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะมิติของนางเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ต่อไปนี้หากเจ้าเกิดปัญหาอะไร เจ้าก็จงหลบไปอยู่ในอวกาศ ซึ่งที่นั่นเจ้าจะสามารถยืมพลังแห่งอวกาศมาใช้ได้จนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญก็ไม่อาจต่อกรกับเจ้าได้”
หลังจากหลิงฟ่างหัวและอี้ลั่วเอ๋อบ่มเพาะเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็สั่งให้โม่หยูถังพาทุกคนมุ่งหน้าไปที่สำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี ซึ่งเป็นสำนักบ้านเกิดของเขา
แต่แล้วเมื่อพวกเขาทุกคนเดินไปถึงสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี พวกเขาก็ถูกหยุดโดยผู้เชี่ยวชาญสองคนที่หลิงตู้ฉิงจำหน้าได้
ผู้เชี่ยวชาญสองคนของสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีจ้องเขม็งมาที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร และตะคอกถามว่า “นี่เจ้ายังกล้ามาที่สำนักของพวกเราอีกงั้นเหรอ?”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาคือสองคนเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงเคยเจอในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ
ในตอนนั้นเป็นเพราะหลิงตู้ฉิงต้องการครอบครองพลังของดาวอเวจี ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงไล่ทั้งสองคนนี้ออกจากดาวอเวจีไป ในตอนนี้ด้วยความบังเอิญพวกเขาก็ได้เจอกันอีก
นับตั้งแต่ตอนนั้นผ่านมานับร้อยปี ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนที่เคยอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราได้กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเรียบร้อยแล้ว
“นายท่าน…” โม่หยูถังมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตากังวลกลัวว่า หลิงตู้ฉิงจะสังหารศิษย์สำนักของเขาทั้งสองคนนี้ทิ้ง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร ในอดีตตอนที่ข้าเข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ข้าได้เจอกับพวกเขาและมีปัญหากันนิดหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าจัดการพวกเขาให้นายท่านเอง” โม่หยูถังรีบพูดขึ้น จากนั้นเขาหันไปหาผู้เชี่ยวชาญทั้งสองและพูดว่า “พวกเจ้าทั้งคู่เป็นศิษย์ของใครกัน? กลุ่มคนที่มากับข้าเป็นแขกคนสำคัญของสำนักเรา พวกเจ้ากล้าแสดงมารยาทไม่เหมาะสมแบบนี้กับแขกของสำนักเราได้ยังไง? เจ้ารีบถอยไปซะ อย่าทำให้สำนักของเราขายหน้า!”
เมื่อผู้เชี่ยวชายทั้งสองได้ยินคำพูดของโม่หยูถังแบบนี้ พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าโม่หยูถังเป็นคนสำนักเดียวกับพวกเขา
แต่ถึงแม้จะได้ยินแบบนี้ ด้วยสถานะของพวกเขาที่เป็นหนึ่งในอัจฉริยะของสำนักบวกกับที่พวกเขาไม่เคยเห็นหน้าโม่หยูถังมาก่อน พวกเขาจึงยังคงรู้สึกว่ายอมไม่ได้
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทันพูดอะไรเถียงกลับไป ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น และเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “หยูถังนั่นเจ้าเหรอ?”
เมื่อโม่หยูถังเห็นหน้าของชายชราที่ปรากฏตัวขึ้นและทักเขา เขาก็รีบเดินเข้าไปหาและพูดทักทายขึ้นทันที “คารวะอาจารย์ลุง ไม่ได้เจอกันนานเลย!”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนที่ในตอนแรกยังรู้สึกไม่ยินยอม ตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นว่าโม่หยูถังรู้จักกับผู้อาวุโสของสำนัก พวกเขาก็รีบจากไปในทันที
“นี่เจ้าหายไปไหนมาตั้งนาน? ทำไมเจ้าถึงไม่กลับมาที่สำนักบ้างเลย?” ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เอ่ยถามขึ้น
โม่หยูถังหัวเราะและตอบกลับว่า “ก่อนหน้านี้ข้าออกไปท่องเที่ยวที่อาณาเขตจันทราทมิฬ ซึ่งที่นั่นข้าดันไปมีปัญหากับนายน้อยของหมู่บ้านราตรีทมิฬและถูกคนเหล่านั้นลอบทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสจนต้องหนีไปที่อาณาเขตนภาไปซ่อนอยู่ในทะเลชางหมาง และจากนั้นข้าก็ได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวของนายท่านของข้า ช่วยให้ข้าฟื้นฟูจนกลับมาเป็นเหมือนเดิม อาจารย์ลุงนี่คือนายท่านของข้าที่ข้าติดตามอยู่ หลิงตู้ฉิง นายท่านนี่คืออาจารย์ลุงของข้า จู้หมิงเซียน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยทักทายจู้หมิงเซียน
ส่วนทางด้านของจู้หมิงเซียนก็พยักหน้าทักทายกลับ จากนั้นเขาก็กวาดสายตามองไปยังเหล่าผู้คนที่อยู่ด้านหลังหลิงตู้ฉิง จนสุดท้ายสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หยูเจิ้นไห่ หยูคงหมิง และหมิงยู่ เป็นพิเศษ
“หยูถัง นี่ข้าไม่เจอเจ้าแค่ไม่กี่ร้อยปี ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำไปซะแล้ว เจ้านี่ช่างไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลยจริ งๆ!” จู้หมิงเซียนหัวเราะ “ว่าแต่สหายของเจ้าที่เหลือนี้คือ?”
โม่หยูถังมองไปที่เหล่าผู้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังหลิงตู้ฉิง และหันกลับมาตอบจู้หมิงเซียนด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเขาคือครอบครัวและผู้ติดตามของนายท่านทั้งหมด โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันทั้งสองก็เป็นคนรับใช้ของนายท่านเช่นกัน”
โม่หยูถังจงใจบอกระดับการบ่มเพาะของหยูเจิ้นไห่และหยูคงหมิง และเน้นย้ำว่าพวกเขาทั้งคู่ถึงแม้จะมีระดับการบ่มเพาะที่สูงแต่ก็เป็นได้แค่คนรับใช้เท่านั้น เพื่อให้จู้หมิงเซียนรับรู้ว่าหลิงตู้ฉิงเป็นผู้ที่ไม่ควรจะถูกมองข้าม
ในเมื่อหลิงตู้ฉิงสั่งไม่ให้เขาเผยเรื่องหลิงเทียนหยุน หรือเรื่องของคัมภีร์เก้าเทพปีศาจ ดังนั้นโม่หยูถังจึงเหลือแค่ใช้วิธีการพูดแบบนี้เพื่อบอกใบ้ให้กับจู้หมิงเซียน
และก็เป็นแบบที่คาดไว้ จู้หมิงเซียนสีหน้าเปลี่ยนทันที เขารีบหันมาให้ความสนใจกับหลิงตู้ฉิง และพูดขึ้นด้วยท่าทีที่สุภาพขึ้น “มันนานแล้วที่ข้าไม่ได้พบกับศิษย์หลานของข้า ดังนั้นข้าจึงเผลอเรอไปบ้าง ข้าต้องขออภัยคุณชายหลิงด้วยจริง ๆ”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและตอบกลับ “ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ!”
แน่นอนว่าจู้หมิงเซียนไม่ใช่คนโง่ แค่เขารู้ว่าหลิงตู้ฉิงมีคนรับใช้เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันถึง 2 คนเขาก็เดาได้ทันทีว่า หลิงตู้ฉิงต้องมีสถานะไม่ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนท่าทีและเชิญกลุ่มของหลิงตู้ฉิงเข้าไปพักผ่อนในสำนัก
หลังจากที่กลุ่มของหลิงตู้ฉิงเข้าไปพักในเรือนรับรองของสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีเรียบร้อย และจู้หมิงเซียนได้ขอตัวจากไป โม่หยูถังก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “นายท่าน ข้าต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ที่สำนักของข้าต้อนรับท่านไม่สมฐานะ!”
หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรทั้งนั้นหรอกพ่อบ้านโม่ ข้าไม่ได้ถือสาอะไร เอาเป็นว่าตอนนี้เจ้าจงรีบไปจัดการเรื่องประตูเคลื่อนย้ายของสำนักเจ้าก่อนจะดีกว่า ข้าอยากจะรีบไปที่เขตแดนอุดรทมิฬให้เร็วที่สุด มันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่หากรั้งอยู่ที่สำนักของเจ้านาน ๆ”..ไอรีนโนเวล
ตั้งแต่ที่หลิงตู้ฉิงเหยียบเข้ามาในสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี เขาก็ยิ่งรู้สึกชัดเจนได้ถึงกลิ่นอายของบางสิ่งที่เป็นอัปมงคลและชั่วร้ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม
หากเขาเดาไม่ผิด มันน่าจะมีบางสิ่งบางอย่างอยู่ใต้สำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี ซึ่งกำลังแหงนมองขึ้นมาที่ด้านบนรอวันที่มันจะได้กลับขึ้นมาอย่างแน่นอน
สถานการณ์เช่นนี้มันยิ่งทำให้หลิงตู้ฉิงไม่อยากจะรั้งอยู่ในสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีมากขึ้นไปอีก
และที่สำคัญหากสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีรู้เรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ สถานการณ์ที่เลวร้ายอีกแบบมันก็อาจจะขึ้นด้วย
ทางด้านของโม่หยูถัง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงรีบจะจากไปแบบนี้ แต่เขาก็ยังเชื่อในการตัดสินใจของเจ้านายของเขา และอีกอย่างหากไม่จำเป็นจริง ๆ เขาเองก็ไม่ค่อยจะอยากให้หลิงตู้ฉิงอยู่ในสำนักของเขานานสักเท่าไหร่ด้วยเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าการติดตามหลิงตู้ฉิงมันจะทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มากมาย แต่เขาก็เห็นว่าทุกสถานที่ที่หลิงตู้ฉิงเดินทางผ่านส่วนใหญ่ล้วนต้องมีเหตุนองเลือดเกิดขึ้นทั้งนั้น เขากลัวว่าสำนักของเขาจะกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องนองเลือดไปด้วยฝีมือของเจ้านายผู้เหนือล้ำของเขา
“นายท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะรีบไปคุยกับเบื้องบนของสำนักของข้าเดี๋ยวนี้เพื่อให้พวกเราเดินทางไปที่เขตแดนอุดรทมิฬโดยเร็วที่สุด!” โม่หยูถังพูดขึ้น จากนั้นเขาจากไปในทันทีเพื่อไปขอให้สำนักของเขาเปิดประตูเคลื่อนย้ายให้หลิงตู้ฉิง
3 วันต่อมา โม่หยูถังกลับมาหาหลิงตู้ฉิงในสภาพอิดโรย ซึ่งใครก็ตามที่ได้เห็นแบบนี้จะต้องเดาได้ไม่ยากว่า โม่หยูถังใส่ความพยายามให้กับธุระของหลิงตู้ฉิงมากขนาดไหน
“พ่อบ้านโม่ มีปัญหาอะไรรึเปล่า?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
โม่หยูถังส่ายหัวและพูดว่า “ไม่มีนายท่าน ข้าแค่รู้สึกเพลียนิดหน่อยกับการต้องโน้มน้าวผู้อาวุโสในสำนักหลายคนก็เท่านั้น ความตั้งใจของพวกเขาในตอนแรกคืออยากให้ข้ารั้งอยู่ที่สำนัก แต่ข้ากลับรู้สึกว่าข้าอยากจะติดตามนายท่านไปมากกว่า ดังนั้นข้าเลยต้องใช้ความพยายามมากสักหน่อยเพื่อพูดให้พวกเขายินยอม”
อันที่จริงปัญหาที่โม่หยูถังเผชิญมันมากกว่าที่เขาเล่าเยอะ เนื่องจากการที่เขาสามารถเลื่อนระดับการบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ มันทำให้สำนักของเขาเห็นคุณค่าในตัวเขามากขึ้น
และอีกอย่างการที่เขาซึ่งเป็นอัจฉริยะของสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี แต่กลายมาเป็นพ่อบ้านให้กับหลิงตู้ฉิงแบบนี้มันค่อนข้างที่จะดูไม่เหมาะสมในสายตาของสำนัก
แต่ในท้ายที่สุด เขาก็สามารถโน้มน้าวให้บรรดาผู้อาวุโสของสำนักคล้อยตามได้โดยที่ไม่ได้เปิดเผยความลับของหลิงตู้ฉิง
เมื่อเตรียมตัวกันเสร็จ โม่หยูถังก็รีบพาหลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ เดินทางผ่านประตูเคลื่อนย้ายของสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีไปยังสำนักเงามายาที่อยู่ในเขตแดนอุดรทมิฬทันที!