พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 773 ร่างที่แท้จริงของเผ่าปีศาจสมุทร
การที่สามารถนำสุดยอดทักษะของเผ่าตัวเองทั้งสองอย่างกลับมาได้ ทั้งชิวเจี้ยนปิงและเหล่าผู้คนของเผ่าปีศาจสมุทรก็ยอมทำตามที่หลิงตู้ฉิงต้องการทันที
แม้แต่ผู้อาวุโสเผ่าปีศาจสมุทรยังมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยแววตาเปล่งประกาย และพูดว่า “คุณชาย หรือเอาแบบนี้ดีไหม ให้ข้าเป็นนักร้องให้ท่านแทนก็ได้ แค่โปรดถ่ายทอดทักษะวิญญาณก้องกังวาลและท่วงทำนองทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ให้กับเผ่าของข้า ข้าจะยอมทำทุกอย่างที่ท่านต้องการ!”
หลิงตู้ฉิงเบะปากและมองไปที่ผู้อาวุโสเผ่าปีศาจสมุทรและพูดว่า “ไม่เอาล่ะ เจ้าแก่เกินไปข้าไม่อยากให้คนแก่อย่างเจ้ามาอยู่ข้างกายข้า มันทำให้ข้าเสียหน้า! ส่วนเรื่องของทักษะวิญญาณก้องกังวาล และ ท่วงทำนองทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์จะถูกส่งต่อให้กับเผ่าของเจ้าหรือไม่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับปลาน้อยนางนี้ว่าจะทำผลงานให้กับข้าจนข้าพึงพอใจมากพอรึเปล่า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้อาวุโสเผ่าปีศาจสมุทรรีบโทรจิตบอกชิวเจี้ยนปิงทันที ให้นางทำทุกอย่างให้หลิงตู้ฉิงพอใจให้ได้
ชิวเจี้ยนปิงรีบพยักหน้าและพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้ากระตือรือร้นว่า “ไม่ว่านายท่านจะให้ข้าทำอะไร ข้าจะยอมทำให้นายท่านพึงพอใจทุกอย่าง!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เจ้าอย่าเพิ่งขึ้นไปไกล ข้าไม่ได้คิดเรื่องแบบนั้นกับเจ้า เจ้าแค่เป็นนักร้องส่วนตัวให้ข้า และร้องเพลงให้ข้าฟังทุกวันก็พอ”
ชิวเจี้ยนปิงก้มหน้าด้วยความอับอายและพูดว่า “ทราบแล้ว ข้าจะทำตามที่นายท่านบอกทุกประการ ว่าแต่นายท่านต้องการให้ข้าร้องเพลงให้ข้าฟังตอนนี้เลยไหม?”
ในตอนแรกนางเตรียมใจพร้อมที่จะเป็นของหลิงตู้ฉิงด้วยความเต็มใจ แต่แล้วมันกลับเป็นนางฝ่ายเดียวที่เข้าใจผิดคิดว่าหลิงตู้ฉิงต้องการตัวนางเพราะเรื่องอย่างว่า
“ถ้าเจ้าอยากจะร้องตอนนี้ก็ตามใจ” หลิงตู้ฉิงพูดกับชิวเจี้ยนปิง จากนั้นเขาหันไปหาเหล่าคนของสำนักเงามายาและพูดว่า “อุลบาจะบ่มเพาะอยู่ข้างกายข้าไปก่อนช่วงนี้จนกว่าความสามารถของเขาจะแกร่งพอจนข้าพอใจ จากนั้นข้าถึงจะอนุญาตให้เขากลับไปเยี่ยมพวกเจ้าที่สำนักได้ แต่ถ้าหากพวกเจ้ามีเรื่องด่วนอยากจะเจอเขาก่อน พวกเจ้าสามารถไปตามหาเขาได้ที่อาณาจักรจันทรา ซึ่งอยู่ในอาณาเขตนภา เอาล่ะข้ามีเรื่องจะพูดแค่นี้ ข้าไปก่อนล่ะ!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงจึงเดินไปขึ้นรถมังกรพร้อมกับส่งสัญญาณให้คนของเขาทุกคนรวมถึงอุลบาเดินตามเขาขึ้นไปบนรถ
เมื่อเห็นว่าทุกคนขึ้นมาบนรถครบแล้ว หลิงตู้ฉิงหันไปพูดกับอี้ลั่วเอ๋อว่า “เจ้าจงนำทางพวกเราไปที่ป่าภูตนางฟ้าของเจ้าได้เลย อ๋อ แต่ถ้าหากระหว่างทางมีที่ไหนที่มีมหาวิถีเต๋าแห่งดิน เจ้าก็พาข้าไปแวะที่นั่นก่อน”
อี้ลั่วเอ๋อพยักหน้ารับทราบทันที และหันไปพูดกับหลงเฉินว่า “หลงเฉิน บินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ!”
เมื่อได้ยินคำสั่ง หลงเฉินก็รีบออกตัวบินด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่เขาจะทำได้ในทันที เนื่องจากในตอนนี้อุปลักษณะนิสัยของเจ้านายเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงตั้งใจบินมากกว่าเดิมเพื่อไม่ให้เจ้านายของเขาที่กำลังทำตัวแปลก ๆ อยู่ตอนนี้รู้สึกขัดใจในตัวเขา
ส่วนเสี่ยวเยว่เฟิงที่บินคู่กับหลงเฉินก็คอยทำหน้าที่ปรับกระแสลมที่เกิดขึ้นจากการกระพือปีกของหลงเฉินให้ไม่เข้าไปปะทะกับตัวรถมังกร
ทางด้านของคนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียงพูดอะไร โดยเฉพาะโม่หยูถังและอี้ลั่วเอ๋อ ซึ่งทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าแท้จริงแล้วหลิงตู้ฉิงเป็นใคร พวกเขาจึงรู้สึกหวาดกลัวหลิงตู้ฉิงมากกว่าคนอื่น ๆ
แต่ถึงแม้จะหวาดกลัว อี้ลั่วเอ๋อก็รู้สึกมีความสุขด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากหลิงตู้ฉิงไปถึงป่าภูตนางฟ้าของนางเมื่อไหร่ พรรคพวกของนางจะได้รับการช่วยเหลือเมื่อนั้นและมันจะเป็นช่วงเวลาที่เผ่าของนางจะทวงหนี้แค้นคืนจากทุกคนที่เคยรังแกเผ่าของนาง
สรุปแล้วบรรยากาศของรถตอนนี้ก็คือมีเพียงคนเดียวที่ส่งเสียงอยู่ก็คือ ชิวเจี้ยนปิง ซึ่งกำลังร้องเพลงอยู่ แต่แน่นอนว่าเสียงที่นางเปล่งออกมาตอนนี้มันไม่ได้ทรงพลังเหมือนกับตอนที่นางสู้กับโม่หยุน เพราะในเวลานั้นนางใช้พลังเกินขีดจำกัดของนางในการร้องออกมา
“พอ พอ พอ!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้ารำคาญ “นี่ความงดงามของเสียงเจ้าไปไหนหมด? ทำไมมันไม่เห็นเหมือนกับตอนที่เจ้าร้องในระหว่างสู้กับไอ้เด็กปีศาจสวรรค์นั่นเลย? มานี่ มาเอาซุปปลาเจ็ดสีของข้าไปกิน ด้วยซุปปลานี้มันจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เอ๊ะจะว่าไปแล้ว สายพันธุ์ของเจ้าก็นับได้ว่าเป็นปลานี่นา เจ้ารู้สึกแย่ไหมที่ข้าให้เจ้ากินซุปปลาเจ็ดสีแบบนี้?”
ชิวเจี้ยนปิงก้มหน้ารู้สึกผิดและตอบกลับว่า “นายท่านข้าขอโทษ เดี๋ยวข้าจะร้องให้ดีขึ้นอีกข้าสัญญา ส่วนซุปปลา ถึงแม้ว่าปกติแล้วข้าจะกินสาหร่ายเป็นอาหารเท่านั้น แต่ถ้าซุปของนายท่านช่วยให้ข้าร้องเพลงได้ดียิ่งขึ้น ข้าก็เต็มใจที่จะกินมัน!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและพูดว่า “ดีแล้วที่เจ้ารู้จักยืดหยุ่นไปกับสถานการณ์ เอาล่ะรับซุปปลานี่ไปดื่มซะ แต่จงระวังล่ะ ค่อย ๆ ดื่ม อย่าดื่มรวดเดียวจนหมด”
ชิวเจี้ยนปิงรู้ดีว่านางในตอนนี้ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะทำให้หลิงตู้ฉิงพอใจ ดังนั้นอะไรก็ตามที่มันทำให้นางแข็งแกร่งขึ้นและทำให้นางมีค่าพอในสายตาหลิงตู้ฉิง นางก็จะรับไว้ทั้งหมด ฉะนั้นถึงแม้ว่านางจะไม่เคยกินอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์มาก่อน นางก็ยังพยายามฝืนกินโดยการเอามือปิดจมูกและค่อย ๆ ยกชามขึ้นซด
แต่แล้วเมื่อชิวเจี้ยนปิงกินซุปปลาจนหมดถ้วย นางก็ไม่จำเป็นต้องรอนานในการดูผลลัพธ์ของมัน ผ่านไปแค่เพียงชั่วครู่เดียวร่างกายของนางก็เปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬาร จู่ ๆ ร่างกายท่อนล่างที่เคยเป็นหางปลาก็ฉีกขาดออกจากกันกลายเป็นขาสองขาเหมือนขามนุษย์ และทั้งร่างของนางก็ปกคลุมไปด้วยหยดน้ำเต็มไปหมดเหมือนกับว่านางเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ
“นายท่าน…” ชิวเจี้ยนปิงอุทานขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง
อันที่จริงเผ่าปีศาจสมุทรสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อเวลาที่พวกเขาขึ้นมาบนฝั่งส่วนใหญ่พวกเขาจะกลายร่างเป็นมนุษย์เพื่อความสะดวกในการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างไรก็ตามการกลายร่างเป็นมนุษย์นั้นก็มีข้อเสียเพราะพวกเขาไม่อาจอยู่ในร่างมนุษย์ได้นาน ๆ และมันก็ทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาลดลงรวมไปถึงจะต้องมีระดับการบ่มเพาะระดับสวรรค์สามัญขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ..ไอรีนโนเวล–และพวกเขาจะต้องใช้อาณาเขตสวรรค์ของตัวเองปกคลุมร่างกายเพื่อให้ชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา
หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือซุปปลาที่ชิวเจี้ยนปิงดื่มลงไปนั้นมันส่งผลทำให้ระดับการบ่มเพาะของนางทะลวงไปขึ้นไปอยู่ในระดับสวรรค์สามัญทันที แถมยังส่งผลให้อาณาเขตสวรรค์ของนางก่อรูปขึ้นจนเสร็จอีกต่างหาก
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจและพูดว่า “กลายร่างเป็นมนุษย์ได้ตอนนี้ก็ดีแล้ว นี่จะช่วยให้เจ้าหมดปัญหาไปอีกหลายอย่างในระหว่างที่ติดตามข้า เอาล่ะตอนนี้ข้าจะถ่ายทอด ‘บทเพลงแห่งสายลม’ ให้กับเจ้า และเมื่อเจ้าทำความเข้าใจมันเสร็จแล้วเจ้าก็จงร้องมันให้ข้าฟังสักหน่อย”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ถ่ายทอด ‘บทเพลงแห่งสายลม’ ให้กับชิวเจี้ยนปิง ซึ่งนางก็รีบคุกเข่าขอบคุณทันที และนั่งลงหลับตาทำความเข้าใจกับบทเพลงที่นางเพิ่งได้รับมาใหม่
อย่างไรก็ตาม สภาพกลุ่มของหลิงตู้ฉิงนั้นดูเด่นเป็นอย่างมาก ซึ่งความเด่นนี้มันนำพาปัญหาต่าง ๆ เข้ามามากมายในระหว่างที่พวกเขาเดินทาง
รถมังกรคันงามที่ถูกลากด้วยมังกรและฟีนิกซ์ แถมกลุ่มคนที่โดยสารอยู่บนรถก็มีความแข็งแกร่งแค่ระดับนภาคราม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในกลุ่ม เมื่อเห็นเช่นนี้พวกผู้เชี่ยวชาญที่มีสันดานหยาบช้าจะอดใจไหวได้ยังไงกัน?
แต่ในท้ายที่สุดบรรดาผู้คนที่ดาหน้ากันเข้ามาหาเรื่องก็ล้วนแล้วแต่มีจุดจบที่คล้ายกันก็คือ เลือดของพวกเขาถูกสูบลงไปอยู่ในจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์จนหมดตัว ส่วนสมบัติของพวกเขาก็ถูกหลิงตู้ฉิงกวาดไปจนเรียบ
ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นตลอดทาง หลิงตู้ฉิงก็ไม่สนใจเท่าไหร่ เขายังคงเดินทางต่อไปในสภาพที่เป็นจุดเด่นแบบนี้ต่อไปโดยไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น