พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 820 ตำนานของหอคอยเสียงสวรรค์
ในขณะที่หลิงตู้ฉิง หลินเหรินเจี๋ยและกงหลิงกำลังจะเดินขึ้นไปบนหอคอยเสียงสวรรค์ พวกเขาก็ได้ยินเสียงเรียกของหลินหรูซวน และเมื่อพวกเขามองไปที่นางพวกเขาก็เห็นว่านางพาชายหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งมีหน้าตาหล่อเหลามากับนางด้วย
“นี่พวกท่านกำลังขึ้นไปบนหอคอยเสียงสวรรค์งั้นเหรอ? บังเอิญจริง ๆ เลยข้าเองก็ว่าจะขึ้นไปชมทิวทัศน์ด้านบนเหมือนกัน!” หลินหรูซวนหัวเราะ
“งั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงส่งยิ้มให้นาง จากนั้นเขามองสำรวจชายหนุ่มที่หลินหรูซวนพามาอย่างละเอียด
จากที่เขาสามารสัมผัสได้ เขาบอกได้ว่าชายผู้นี้แทบจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับหลินหรูซวนเลย แตกต่างจากหลินหรูซวนที่มีความรู้สึกรุนแรงเป็นอย่างมากต่อชายผู้นี้
‘ชายผู้นี้น่าจะเป็นชายที่นังหนูนี่มีความรู้สึกให้…’ หลิงตู้ฉิงพึมพำกับตัวเอง
แต่ว่านังหนูนี่คงไม่รู้สินะว่าไอ้เจ้าหนุ่มผู้นี้ไม่ได้รู้สึกอะไรกับนางสักเท่าไหร่?
หลินเหรินเจี๋ยยิ้มและทักทายชายหนุ่มที่น้องสาวของเขาพามาว่า “น้องถังก็มาที่นี่เหมือนกันงั้นเหรอ? อ๋อ พี่อู๋ ข้าขอแนะนำสักหน่อย…”
แต่ก่อนที่หลินเหรินเจี๋ยจะทันได้พูด หลินหรูซวนกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า “ให้ข้าแนะนำเอง! นี่คือพี่ถังจุนเหริน ชายที่ข้าชอบแต่เพียงผู้เดียว! ที่ข้าพาเขามาวันนี้ก็เพราะว่าข้าอยากจะให้เจ้าเลิกความคิดที่จะตอแยข้าได้แล้ว อย่าคิดว่าการที่เจ้าเป็นจิตรกรและมอบสมบัติล้ำค่าต่าง ๆ ให้ข้ามันจะทำให้ข้าเปลี่ยนใจไปชอบเจ้าได้!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและส่ายหัวเล็กน้อยกับการกระทำของหลินหรูซวน แต่ในทางกลับกัน ถังจุนเหรินกลับมองหลิงตู้ฉิงด้วยแววตาสนใจและถามว่า “นี่ท่านเป็นจิตรกรงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “แล้วเจ้าล่ะเป็น..?”
ถังจุนเหรินหัวเราะอย่างเขอะเขิน เนื่องจากเขาลืมแนะนำตัวเอง “ขออภัยที่เสียมารยาท ท่านพ่อของข้ามีตำแหน่งเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลหลิน!”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าเอ็นดูซวนเป็นอย่างมาก ดังนั้นเจ้าห้ามทำร้ายนางเด็ดขาด!”
หลินหรูซวนสะดุ้งสุดตัวทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางรีบชี้หน้าถามหลิงตู้ฉิงทันที “นะนะนี่เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน!”
ในทางกลับกัน ถังจุนเหรินกลับไม่ได้รู้สึกโมโหอะไรเลยแม้แต่น้อย เขายังคงยิ้มและตอบกลับว่า “ข้าเองก็ชอบนางมากเหมือนกัน ข้าจะทำร้ายนางได้ยังไง?”
“ฮึ่ม!” หลินหรูซวนรีบเดินไปคล้องแขนถังจุนเหริน เพื่อแสดงให้หลิงตู้ฉิงเห็นว่าไม่ว่ายังไงนางก็ไม่เปลี่ยนใจ จากนั้นนางพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “ไปกันเถอะพี่ถัง พวกเราขึ้นไปบนหอคอยกันเถอะอย่าไปสนใจกับคนบ้าแบบนี้เลย!”
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์มันค่อนข้างเลยเถิดไปกันใหญ่ หลินเหรินเจี๋ยก็ได้แต่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและพูดว่า “พี่อู๋ น้องสาวของข้าเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีอารมณ์ร้อนโปรดท่านอย่าได้ถือสานางเลย!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและถามขึ้นว่า “ชายที่ชื่อ ถังจุนเหริน นั่นมีประวัติเป็นมายังไง?”
หลินเหรินเจี๋ยตอบกลับว่า “ถังจุนเหรินนั้นเป็นลูกชายคนเดียวของผู้อาวุโสถัง ซึ่งตระกูลข้าเชิญให้เขามาเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลได้ราว 200 ปีแล้ว ส่วนความสัมพันธ์ของหรูซวนกับถังจุนเหรินนั้นนับได้ว่าพวกเขาชอบกันมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นการที่พวกเขาแสดงท่าทีใกล้ชิดกันขนาดนี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกในสายตาพวกเรา ส่วนท่านก็อย่าได้ถือสาอะไรพวกเขาเลย”
“เจ้าไม่เป็นต้องกังวลหรอก หลายอย่างมันไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด เอาล่ะพวกเราเองก็เข้าไปในหอคอยกันเถอะ!” หลิงตู้ฉิงยิ้มอย่างมีเลศนัย
หลิงตู้ฉิงคิดว่าหลังจากนี้เขาต้องหาโอกาสเตือนเด็กสาวตระกูลของเขาให้ได้ก่อนที่หลาย ๆ อย่างมันจะสายเกินแก้ แต่ตอนนี้เขาต้องตรวจสอบหอคอยเสียงสวรรค์นี่ก่อนเพราะมันสำคัญกว่า
ในทันทีที่หลิงตู้ฉิงเดินเข้าไปในหอคอยเสียงสวรรค์ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที เนื่องจากเขารู้ได้ทันทีว่าแกนหลักของหอคอยแห่งนี้คือสมบัติวิเศษระดับศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถูกผนึกอยู่ที่ใจกลางหอคอย
หอคอยนี้ถูกสร้างมาอย่างดีและเหตุผลที่มันถูกสร้างขึ้นก็เพื่อคอยปกปิดสมบัติวิเศษระดับศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้จากสายตาผู้คน แถมมันยังสามารถปลดปล่อยอำนาจของสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ออกไปเล่นงานศัตรูได้หากตรงตามที่เงื่อนไขกำหนด
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?
ภายใต้การนำของหลินเหรินเจี๋ย พวกเขาทุกคนต่างค่อย ๆ เดินขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดของหอคอย ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงตรวจสอบหอคอยนี้เสร็จ
หลังจากตรวจสอบหอคอยเสียงสวรรค์จนเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็พอจะเดาออกได้แบบคร่าว ๆ แล้วว่าใครเป็นคนสร้างมันขึ้น
เขาเดาได้ว่าน่าจะเป็นหยิงหยิงแน่นอนที่สร้างหอคอยนี้ขึ้นมา เพราะนางนั้นรู้ว่าตระกูลหลินมีความสัมพันธ์ยังไงกับเขาเพราะเขากับนางเคยแลกเปลี่ยนความทรงจำซึ่งกันและกัน ยิ่งไปกว่านั้นระฆังที่ถูกผนึกเอาไว้ใจกลางหอคอยนี้ก็เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ประจำเผ่าของปีศาจสมุทร ดังนั้นหากไม่ใช่นางนำมันมา คนอื่นจะสามารถเอาระฆังนี้มาผนึกไว้อยู่ที่นี่ได้ง่าย ๆ ได้ยังไง?
หลิงตู้ฉิงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจเมื่อรู้ว่าหยิงหยิงพยายามปกป้องตระกูลของเขาแบบนี้ และถึงแม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าหอคอยนี้เปล่งอำนาจได้ถึงระดับไหน แต่เขาก็ซาบซึ้งในความตั้งใจของนาง
หลังจากที่กลุ่มของพวกเขาเดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุด เสียงดัง ‘ตึ่งง!’ ซึ่งคล้ายกับเสียงระฆังก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้ยินมันเลยยกเว้นหลิงตู้ฉิงที่ได้ยินเพียงคนเดียว เนื่องจากเสียงนี้ผู้ที่จะได้ยินมันได้จะต้องมีจิตใจที่สงบนิ่งและเมื่อคนผู้นั้นได้ยินเสียงของระฆัง อำนาจของมันอาจจะชักนำให้เขาเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้เลยก็ได้
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและสบถในใจ ไอ้เจ้าพวกลูกหลานพวกนี้นี่โง่เง่ากันดีจริง ๆ!
หลิงตู้ฉิงยืนมองทิวทัศน์จากบนหอคอยเสียงสวรรค์ ซึ่งเขาได้เห็นผืนทะเลสาบสีครามอันงดงาม แน่นอนว่าเมื่อเห็นเช่นนี้ คำกล่าวที่ว่าสถานที่แห่งนี้นั้นติดอันดับสถานที่ที่งดงามอันดับต้น ๆ ของภูมิภาคซ่งหยวนนั้นเป็นคำชมที่ไม่เกินจริงเลย
อันที่จริงหากใครก็ตามเดินขึ้นมาบนนี้คนเดียวด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่งสุดขีด หลิงตู้ฉิงก็มั่นใจว่าคนผู้นั้นจะต้องได้ยินเสียงระฆังแน่นอน และคงได้รับประโยชน์ไปไม่น้อย ซึ่งในอดีตมันน่าจะมีคนทำสำเร็จไปแล้วบ้างแน่นอน ไม่เช่นนั้นมันคงไม่มีตำนานที่เล่าขานกันว่าที่นี่สามารถทำให้ผู้คนเข้าใจพลังแห่งกฎต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
หลินหรูซวนเดินตามถังจุนเหรินไม่ห่างพร้อมกับส่งสายตาไม่เป็นมิตรไปที่หลิงตู้ฉิงบ้างเป็นครั้งคราว พยายามที่จะสื่อว่าชาตินี้นางจะไม่มีวันแต่งงานกับเขาแน่นอน!.ไอลีนโนเวล.
ส่วนทางด้านของหลินเหรินเจี๋ยและกงหลิงนั้นพวกเขาเอาใจใส่ดูแลกันเป็นอย่างดีพร้อม ๆ กับที่พวกเขาก็พยายามชี้ให้หลิงตู้ฉิงดูสถานที่ต่าง ๆ ที่สามารถเห็นได้จากบนหอคอยนี้ และอธิบายว่าสถานที่เหล่านั้นมันคืออะไร
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลิงตู้ฉิงก็เดินสำรวจไปรอบ ๆ ชั้น และสุดท้ายเขาก็แอบเอามือแตะไปที่หอคอยเพื่อส่งพลังวิญญาณของเขาไปที่ระฆังที่อยู่ตรงใจกลางหอคอย ส่งผลให้เสียงดัง ‘ตึ่งงง!’ ลั่นออกมาจากจุดกึ่งกลางหอคอย
เมื่อทุกคนได้ยินเสียงนี้ พวกเขาก็ตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง ซึ่งยกเว้นหลิงตู้ฉิง
เมื่อเห็นว่าทั้ง 4 คนตกอยู่ในภวังค์ หลิงตู้ฉิงจึงยิ้มและพูดว่า “พวกเจ้าทั้งสี่คนน่าจะได้เห็นหลายอย่างที่น่าสนใจ!”
จากนั้นทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็นั่งลง และหยิบยันต์เคลือบหยกขึ้นมาวาดสิ่งต่าง ๆ ลงไปบนมันเพื่อฆ่าเวลา
แต่แล้วผ่านไปเพียงครู่เดียว เขาก็หันไปจ้องที่ถังจุนเหรินและขมวดคิ้ว เนื่องจากในห้วงภวังค์ของถังจุนเหรินนั้นมันมีสิ่งที่เขาไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก เขาจึงวาดนิ้วขึ้นสองสามครั้งเพื่อทำให้ภาพในห้วงภวังค์ของถังจุนเหรินไปปรากฏให้หลินหรูซวนเห็นด้วย
ภาพที่ถังจุนเหรินและหลินหรูซวนเห็นอยู่ในตอนนี้นั้น คือภาพที่ถังจุนเหรินไต่เต้าพาตัวเองขึ้นไปถึงเป้าหมายของเขา ซึ่งเมื่อเขาไปถึงเป้าหมายของตัวเองแล้วเขากลับไม่สนใจหลินหรูซวนเลยแม้แต่น้อย และในท้ายที่สุดด้วยความรำคาญในพันธะนี้เขาจึงลงมือสังหารหลินหรูซวนทิ้งไปด้วยมือของเขาเอง…
แน่นอนว่าเมื่อหลินหรูซวนเห็นภาพนี้ จิตใจของนางก็แตกสลายในทันที
นางเห็นว่าถังจุนเหรินฆ่านางอย่างเลือดเย็นและตระกูลของนางก็ถูกทำลายด้วยน้ำมือของถังจุนเหริน ซึ่งในท้ายที่สุดเขาก็ยึดทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของตระกูลนางเอาไปเป็นของตัวเอง
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเพียงภาพมายาในห้วงภวังค์ แต่ภาพทุกอย่างมันถูกสร้างขึ้นจากจิตสำนึกของเจ้าของจริง ๆ ดังนั้นนี่มันคือเรื่องจริงไม่มีทางเป็นเรื่องโกหกไปได้
ในทางกลับกันคู่ของหลินเหรินเจี๋ยและหงหลิงนั้นทำให้หลิงตู้ฉิงรู้สึกพึงพอใจอยู่พอสมควร เพราะภาพที่พวกเขาเห็นนั้นแทบจะไม่แตกต่างกันเลย ซึ่งก็คือพวกเขาทั้งคู่ต่างรักกันมากและทนุถนอมกันและกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะไม่สามารถบ่มเพาะไปได้ไกล แต่พวกเขาก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไปจนแก่เฒ่า นับได้ว่าพวกเขาทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตที่มีความสุขตามประสาของคนธรรมดาสามัญ
แน่นอนว่านอกเหนือจากเหตุการณ์เหล่านี้ที่ทั้ง 4 คนเห็น คนทั้งสี่ก็เข้าใจในพลังแห่งกฎของตัวเองมากยิ่งขึ้น ซึ่งมันทำให้ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาต่างพัฒนาขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าทุก ๆ คนได้ประโยชน์กันไปมากพอแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงเคาะหอคอยอีกหนึ่งครั้งส่งผลให้ทั้ง 4 คนตื่นจากห้วงภวังค์
ทุก ๆ คนเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าประหลาดใจและพูดว่า “นี่พวกเราเพิ่งได้สัมผัสกับตำนานของหอคอยเสียงสวรรค์งั้นเหรอ?”
พวกเขาทุกคนต่างรู้สึกได้ว่าตอนนี้ความเข้าใจในพลังแห่งกฎของพวกเขาเพิ่มไปอีกระดับหนึ่ง และระดับการบ่มเพาะของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นด้วยบวกกับที่เมื่อครู่พวกเขาเองก็ได้ยินเสียงระฆัง ดังนั้นพวกเขาจะพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หลิงตู้ฉิงนึกขำอยู่ในใจ แต่สีหน้าภายนอกของเขากลับแสร้งทำเป็นว่าสับสนและพูดว่า “เมื่อครู่นี้มันคือพลังของหอคอยเสียงสวรรค์งั้นเหรอ? เมื่อครู่ข้าได้เห็นอะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนมากมาย และวาดพวกมันใส่ยันต์เคลือบหยกเต็มไปหมด!”