พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 831 คุกเข่าสำนึก
เมื่อหลิงตู้ฉิงได้ยินกงเจี้ยนฟานเอ่ยขึ้นว่า ตระกูลกงกับตระกูลหลินจะเป็นศัตรูกันตลอดไป เขาก็รู้ดีว่าถ้าหากเขาปล่อยให้ตระกูลกงจากไปทั้งแบบนี้ ทั้งสองตระกูลนี้จะฆ่าล้างกันไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบสิ้นหรือจนกว่าจะมีตระกูลไหนตายไปหมดสักตระกูล
ดังนั้นเพื่อแก้ไขความบาดหมางนี้ หลิงตู้ฉิงจึงจำเป็นต้องรั้งให้กงเจี้ยนฟานอยู่ต่อก่อน
ทางด้านของกงเจี้ยนฟาน เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิงกล่าวหาว่าสิ่งที่เขาเข้าใจมาทั้งหมดนั้นมันไร้สาระ เขาก็ยิ่งเดือดมากไปกันใหญ่
สิ่งนี้มันไม่ต่างอะไรกับหลิงตู้ฉิงเอาเกลือมาโปะที่แผลสดของเขาที่เพิ่งโดนตระกูลหลินกระทำมา
แต่แล้วก่อนที่เขาจะได้ทันลงมือทำอะไรต่อ เขากลับเห็นหลิงตู้ฉิงวาดนิ้วเขียนตัวอักษรสีทองอร่าม 2 ตัวขึ้นกลางอากาศ ซึ่งตัวแรกก็คือคำว่า ‘เต๋า’ และอีกคำก็คือ ‘เหตุผล’
ในตอนแรก กงเจี้ยนฟานตั้งใจไว้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอย่างน้อย ๆ เขาจะต้องเอาชีวิตหลิงตู้ฉิงให้ได้ แต่เมื่อเขาได้เห็นอักษร 2 คำที่หลิงตู้ฉิงวาดขึ้นแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึงทันที และจากนั้นจากความตะลึงก็เริ่มกลายเป็นความหวาดกลัวจนเหงื่อเม็ดเป้ง ๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก!
คนอื่น ๆ อาจจะไม่เข้าใจการกระทำของหลิงตู้ฉิง แต่ในฐานะที่เขาเป็นศิษย์คนหนึ่งของสำนักเที่ยงธรรมเขาย่อมเข้าใจมันดี
อักษรที่หลิงตู้ฉิงวาดขึ้นนั้นมันไม่ต่างอักษรที่อาจารย์ของเขาเคยวาดขึ้นในอดีตเพื่อใช้ทดสอบหัวใจเต๋าของเขา
แต่แน่นอนว่าวิธีการวาดอักษรของหลิงตู้ฉิงนั้นมันแตกต่างจากของอาจารย์เขา ซึ่งวิธีการของหลิงตู้ฉิงนั้นเหนือล้ำกว่าซะอีก!
หลิงตู้ฉิงมองไปที่กงเจี้ยนฟานที่กำลังเหงื่อตก จากนั้นเขาพูดต่อ “ไม่เพียงแค่เจ้าไม่เข้าใจหลักเหตุและผล แต่นี่เจ้ากลับไม่เข้าใจมนุษย์เลย ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเจ้าขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลได้ยังไงในเมื่อเจ้ายังไม่รู้จักความเป็นมนุษย์ดีพอ”
“เจ้ารู้รึเปล่าว่ามนุษย์นั้นแตกต่างจากสิ่งของยังไง? ทำไมอาวุธวิเศษระดับสูงมากมายถึงไม่อาจถูกเรียกว่ามนุษย์ได้ทั้ง ๆ ที่บางชิ้นก็มีจิตสำนึกของมันเองจนมันสามารถมีความคิดได้เหมือนมนุษย์? ก็เพราะว่าพวกมันไม่มีอารมณ์เหมือนมนุษย์ยังไงล่ะ!”
“กงหลิงนั้นเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของเจ้า แต่เพื่อประโยชน์ของตระกูล เจ้ากลับกล้าเอาชีวิตของหลานสาวเจ้ามาแลก การที่เจ้าทำแบบนี้ข้าขอถามเจ้าสักหน่อยว่ามีหลักการไหนบ้างที่สอนให้เจ้าทำแบบนี้?”
“และที่สำคัญที่สุดหลานสาวของเจ้าตอนนี้นางตั้งครรภ์อยู่ ซึ่งมันหมายความว่านางกำลังสืบต่อสายเลือดของเจ้าให้ยังคงอยู่ต่อไปในอนาคต และแน่นอนว่าเรื่องนี้ตระกูลของเจ้าก็ได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ เช่นกัน แต่เจ้ากลับมองไม่เห็นคุณค่าตรงนี้เลย เจ้าลืมไปแล้วรึไงว่าการที่เจ้าหมั่นพัฒนาตระกูลของเจ้าก็เพื่อทำให้ตระกูลของเจ้าอยู่รอดต่อไปได้ในอนาคต แต่ตอนนี้เจ้ากลับกำลังจะทำลายทายาทของตัวเอง เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่าการทำเช่นนี้มันขัดแย้งกับหลักเหตุผลอยู่!”
“อันที่จริงต่อให้กงหลิงไม่ใช่หลานสาวของเจ้า แต่ถ้าหากพูดกับตามหลักเหตุผลแล้วนางคือผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์จริงไหม? หากเป็นคนปกติทั่วไปเขาก็ต้องมีความเห็นใจหญิงที่กำลังตั้งครรภ์กันทั้งนั้น แต่นี่ข้าไม่เห็นอารมณ์ความรู้สึกแบบนั้นจากเจ้าเลย แถมไม่ใช่ว่าไม่มีใครเตือนเจ้าเรื่องนี้ มีคนเตือนเจ้าแล้วแต่เจ้ากลับไม่สนใจแถมเจ้ายังพยายามใช้กำลังเพื่อลบล้างหลักเหตุผลที่ถูกต้องอีกต่างหาก ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าสิ่งที่เจ้าบรรลุมาจากอาจารย์ของเจ้าทั้งหมดนั้นมันคืออะไร ทำไมมันถึงทำให้เจ้าโง่เง่าได้ถึงขนาดที่คิดว่ากำปั้นจะสามารถลบล้างหลักการที่ถูกต้องในคำสอนของสำนักเที่ยงธรรมของเจ้าเองได้ นี่ถ้าอาจารย์ของเจ้ารู้ว่าเจ้าฉุดหลังอยู่แบบนี้ ข้ารับรองเลยว่าอีกไม่นานอาจารย์ของเจ้าจะต้องมาฆ่าล้างตระกูลของเจ้าจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียวแน่นอน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง สีหน้าของกงเจี้ยนฟานก็ยิ่งซีดลงมากกว่าเดิมพร้อมกับที่ลงไปคุกเข่าต่อหน้าหลิงตู้ฉิง
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้มันทำให้คนที่ดูอยู่รอบ ๆ ถึงกับตาแข็งค้างด้วยความตกตะลึง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญถึงยอมคุกเข่าให้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาแบบนี้?
หลินหรูซวนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มองหลิงตู้ฉิงด้วยอาการตกตะลึง ในเวลาเดียวกันนางเองก็พึมพำอยู่ในใจ “ท่านบรรพบุรุษช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เขาด่าจนตาเฒ่าตระกูลกงยอมคุกเข่าให้เลย!”
หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่กงเจี้ยนฟานที่กำลังคุกเข่าอยู่ และถามว่า “ทีนี้เจ้ารู้รึยังว่าเจ้าผิด?”
“ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว!” กงเจี้ยนฟานคำนับพร้อมกับพูดว่า “คุณชายโปรดช่วยบอกให้ข้าเข้าใจทีว่าข้าควรจะทำอย่างไรต่อ?”
“ยังไงน่ะเหรอ?” หลิงตู้ฉิงตอบกลับเสียงสูง “เพราะความโง่เง่าของเจ้าก่อนหน้านี้เจ้าจึงทำให้หัวใจหลานสาวของเจ้าแทบแตกสลาย แถมเจ้ายังทำลายงานแต่งที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ของตระกูลเจ้ากับตระกูลหลิน ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่เจ้าจะทำได้ก็คือแก้ไขมันซะโดยการชดเชยให้กับพวกเขาทั้งหมด! ถ้าเจ้ารู้ตัวว่าผิดจริง ๆ และทำการแก้ไขมัน เช่นนั้นก็ถือได้ว่าเจ้ายังสามารถกลับเข้าไปสู่หนทางที่ถูกต้องได้!”
กงเจี้ยนฟานพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดว่า “คุณชายข้าขอขอบคุณจริง ๆ ที่ท่านสอนสั่ง ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าข้าควรทำอย่างไร!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ดีมาก ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นไม้แก่ แต่การที่เจ้ายังคงถูกดัดได้แบบนี้มันก็แสดงว่าเจ้ายังพอมีความหวังอยู่บ้าง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะมอบอักษร 2 คำนี้ให้กับเจ้า!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ส่งอักษร ‘เต๋า’ ‘เหตุผล’ ให้บินลอยเข้าไปหลอมรวมกับร่างของกงเจี้ยนฟาน
“ขอบคุณคุณชาย!” กงเจี้ยนฟานคำนับอีกครั้งเพื่อเป็นการขอบคุณ
“ลุกขึ้นยืนได้แล้ว!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น
กงเจี้ยนฟานลุกขึ้นยืนในทันทีเมื่อได้ยินคำสั่ง และจากนั้นเมื่อเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเดินจากไปแล้ว เขาจึงจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยและเดินตรงไปหาหลินหงเหวินทันทีและพูดว่า “ถึงแม้ว่าหลานสาวของข้าจะตั้งท้องกับหลานชายของเจ้า แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานกันอย่างเป็นทางการ! นี่คือสิ่งที่ตระกูลหลินของเจ้าทำผิดและเพื่อเป็นการชดเชย ตระกูลหลินของเจ้าจะต้องให้สินสอดกับตระกูลของเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าและมาสู่ขอหลานสาวของข้าตามธรรมเนียมให้ถูกต้อง และหลังจากนั้นพวกเราสองตระกูลจะเกี่ยวดองกันตลอดกาล!”
หลินหงเหวินรู้สึกตกตะลึงจนแทบอ้าปากค้าง เขารีบถามกลับว่า “สหายกง ในที่สุดท่านก็เห็นด้วยแล้วงั้นเหรอ? นี่ท่าน…”
กงเจี้ยนฟานโบกมือขัดและพูดแทรกว่า “การที่ข้าตัดสินใจแบบนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า ที่ข้าตัดสินใจแบบนี้มันเป็นเพราะข้าให้เกียรติคุณชายต่างหาก!”
เมื่อพูดจบ กงเจี้ยนฟานก็เดินไปหากงหลิงต่อ!