พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 890 โจมตีอาณาเขตเงินตรา
เมื่อได้ยินซวนหยวนตู่เอ่ยถามว่าจะให้ภูตดินขอบเขตจักรพรรดิร่วมด้วยหรือไม่ หลิงตู้ฉิงส่ายหัวทันทีและพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องส่งคนมาช่วยข้าเยอะขนาดนั้น ไม่เช่นนั้นการป้องกันของเผ่าเจ้าจะอ่อนแอลง และที่สำคัญฝั่งตรงข้ามนั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลก ใครที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำกว่าขอบเขตมหาจักรพรรดิจะมีโอกาสตายสูงมาก ดังนั้นเจ้าแค่ส่งภูตดินขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดให้มาเข้าร่วมการบุกกับข้าแค่ 20 ตนก็พอแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะทำตามที่ท่านผู้ส่งสาสน์ต้องการโดยการส่งภูตดินขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดให้ไปช่วยท่านรบจำนวน 20 ตน!” ซวนหยวนตู่พยักหน้า
“อืม เมื่อพวกเจ้าเตรียมตัวเสร็จ พวกเจ้าก็จงเดินทางไปหายี่เทียนที่อาณาจักรจันทราเพื่อรอคำสั่งต่อไปของข้า” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็จากไปเพื่อตัวเตรียมทางฝั่งของเขาเอง ปล่อยให้คนอื่น ๆ รอเวลาเตรียมรวมพล
ในช่วงก่อนที่จะถึงเวลาตามที่นัดหมาย หลิงตู้ฉิงและหลิงฟ่างหัวต่างหายตัวไปเลยไม่มีใครได้พบหน้าพวกเขาแม้แต่คนเดียว
“ฟ่างหัว ครั้งนี้พ่อคงต้องพึ่งเจ้าแล้ว!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
หากเป็นเมื่อก่อน หลิงตู้ฉิงจะไม่มีวันพูดอะไรแบบนี้แน่นอน แต่ตอนนี้นิสัยของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถพูดคำเช่นนี้ได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงอะไร
หลิงฟ่างหัวพยักหน้า “ท่านพ่อ ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว ข้ามั่นใจว่าอีกไม่เกิน 3 วัน ข้าจะสามารถสร้างค่ายกลมิติเคลื่อนย้ายชั่วคราวได้แน่นอน แต่ว่าค่ายกลแบบชั่วคราวนี้มันคงใช้ไม่ได้นานเท่าไหร่”
“ไม่เป็นไรหากมันจะพังก็ให้มันพังไป” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “พ่อมั่นใจว่าที่สำนักเงินตราจะต้องมีวัสดุที่สามารถสร้างมันได้อีกจำนวนมหาศาล”
“ท่านพ่อ ข้าขอไปดูด้วยได้ไหม?” หลิงฟ่างหัวถามขึ้น
“ไม่ได้เด็ดขาด!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะดูศึกนี้ได้! ฟ่างหัว รอบนี้เจ้าห้ามขัดคำสั่งพ่อเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์เหมือนกับตอนที่เจ้าเจอกับเจ้ายมโลกมันจะซ้ำรอยแน่นอน!”
หลิงฟ่างหัวทำหน้ามุ่ยและพูดว่า “ก็ได้ ข้าไม่ดูก็ได้!”
เมื่อมันเป็นเพราะนางเองที่อ่อนแอ ดังนั้นนางจึงไม่อาจโทษใครได้
จากนั้นคู่พ่อลูกก็เดินทางข้ามอาณาเขตต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดพวกเขาก็มาหยุดอยู่ที่อาณาเขตที่อยู่ติดกับอาณาเขตเงินตรา
เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณที่ใกล้กับชายแดนอาณาเขตเงินตรา หลิงฟ่างหัวก็เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านจะให้ข้าสร้างค่ายกลมิติเคลื่อนย้ายชั่วคราวตอนนี้เลยไหม?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ยังไม่ต้องสร้างตอนนี้ ยังเหลือเวลาอีก 2 ปีกว่าจะถึงเวลานัดหมาย ดังนั้นก่อนจะถึงเวลาพวกเราไปสำรวจรอบ ๆ อาณาเขตเงินตรากันก่อน”
คู่พ่อลูกบินเข้าไปในเหวมรณะและลอยตัวหยุดก่อนจะเข้าไปด้านในอาณาเขตเงินตรา ซึ่งหลิงฟ่างหัว เมื่อนางเห็นสภาพแวดล้อมของอาณาเขตเงินตรา นางก็อดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้นว่า “โห นี่คืออาณาเขตเงินตรางั้นเหรอ?”
สิ่งนางเห็นก็คือบนพื้นของอาณาเขตเงินตรานั้นเต็มไปด้วยอัญมณี ซึ่งส่องแสงแวววับมากมายจนแทบจะไม่เห็นพื้นดินข้างใต้เลยด้วยซ้ำ
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ถูกแล้วที่นี่คืออาณาเขตเงินตรา!”
ในชีวิตที่แล้วเขาเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งเพื่อมากำราบสำนักเงินตราให้ยอมถอยให้กับเขา ซึ่งคนเหล่านี้ต่อหน้าก็ยอมเขาเป็นอย่างดีและตกลงทุกอย่างตามข้อเรียกร้องของเขา แต่พอลับตาของเขาแล้ว คนเหล่านี้กลับวางแผนฆ่าคนของเขาซะอย่างนั้น
ในครั้งนี้หลิงตู้ฉิงตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ให้โอกาสสำนักเงินตราอีกแล้ว
หลิงตู้ฉิงใช้เวลา 2 ปีที่เหลือบินสำรวจเลาะขอบอาณาเขตเงินตราจากด้านในเหวมรณะเพื่อหาข้อมูลอย่างเดียวโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม
เหตุผลที่เขาเอาแต่อยู่บริเวณด้านนอกไม่เข้าไปด้านในของอาณาเขตเงินตรานั้นก็เพราะอาณาเขตเงินตรานั้นถูกปกคลุมไว้ด้วยม่านพลังที่ถูกสร้างขึ้นจากค่ายกลป้องกัน ซึ่งถ้าตัวของเขาข้ามเข้าไปในอาณาเขตเงินตราเมื่อไหร่ ตัวตนของเขาจะต้องถูกเผยอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานัดหมาย หลิงตู้ฉิงก็พาหลิงฟ่างหัวออกจากอาณาเขตเงินตรา และเมื่อเขาเจอสถานที่ที่เหมาะกับการสร้างค่ายกลมิติเคลื่อนย้ายชั่วคราวได้แล้ว เขาจึงพูดกับหลิงฟ่างหัวว่า “ลูกพ่อ พ่อวานเจ้าสร้างค่ายกลมิติเคลื่อนย้ายชั่วคราวให้เสร็จให้เร็วที่สุด และเชื่อมมันเข้ากับประตูเคลื่อนย้ายของภูเขาเอ้อหลง และจากนั้นเจ้าจงกลับไปที่ภูเขาเอ้อหลง เพื่อให้แจ้งให้เหล่าคนที่รออยู่เดินทางมาที่นี่ทันที!” Aileen-novel
“รับทราบท่านพ่อ!” หลิงฟ่างหัวพยักหน้าอย่างจริงจัง
นางรู้ดีว่าช่วงเวลาหลังจากนี้มันสำคัญมาก ดังนั้นนางจึงไม่สามารถทำเป็นเล่นได้อีกต่อไป และตั้งใจรีบสร้างค่ายกลมิติเคลื่อนย้ายชั่วคราวทันที
ในเวลาเดียวกัน เย่เจียงไห่และคนอื่น ๆ ก็ได้เดินไปถึงภูเขาเอ้อหลงเรียบร้อยแล้ว และกำลังรอคำสั่งต่อไปของหลิงตู้ฉิง
บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดทั้งหลายต่างมองไปที่เย่เจียงไห่ด้วยสีหน้าอิจฉา และมีแม้กระทั่งบางคนที่เดินเข้าไปขอคำแนะนำก็มี
เย่เจียงไห่ตอบกลับคำถามของเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดที่เข้ามาขอคำแนะนำจากเขาทุกคนโดยที่เขาเองนั้นไม่ได้ทำตัวหยิ่งผยองเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเขารู้ดีว่าในอนาคตใครหลายคนที่อยู่ที่นี่ก็จะกลายมาเป็นอยู่ระดับเดียวกันกับเขา ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นมันก็คงเป็นการยากหากจะตัดสินว่าใครแข็งแกร่งกว่าใคร!
“พวกท่านทั้งหลายต่างมาถึงจุดสำคัญของชีวิตการบ่มเพาะแล้ว สิ่งที่พวกท่านขาดอยู่ตอนนี้ก็คือโชค ใครจะรู้วันหนึ่งมันอาจจะถึงตาของพวกท่านบ้างก็ได้!” เย่เจียงไห่หัวเราะ
แต่แล้วในทันทีที่เย่เจียงไห่พูดจบประโยค จู่ ๆ ประตูเคลื่อนย้ายของภูเขาเอ้อหลงก็มีความเคลื่อนไหวและจากนั้นทุก ๆ คนก็เห็นหลิงฟ่างหัวปรากฏกายออกมาจากประตูเคลื่อนย้าย
“ท่านพ่อของข้าสั่งให้ข้ามาบอกกับพวกท่านว่า ถ้าหากพวกท่านพร้อมแล้ว พวกท่านใช้ประตูเคลื่อนย้ายนี้เดินทางไปหาเขาได้เลย!” หลิงฟ่างหัวตะโกนขึ้น
บรรดาผู้คนซึ่งกำลังรออย่างใจจดใจจ่ออยู่แล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้พวกเขาต่างก็ตะโกนกู่ร้อง “ลุย!”
จากนั้นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดก็เดินเรียงเข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายทีละคน ๆ และไปโผล่ที่บริเวณใกล้เคียงกับอาณาเขตเงินตรา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมไปถึงมี่ตั้วตั้ว
อันที่จริง มี่ตั้วตั้วนั้นมีระดับการบ่มเพาะแค่เพียงขอบเขตราชันเท่านั้น แต่ด้วยความพิเศษของสมบัติที่เขามี ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงจำเป็นต้องมีเขาร่วมอยู่ด้วย
เมื่อเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดเดินทางไปหาพ่อของนางจนหมดแล้ว หลิงฟ่างหัวก็ได้แต่ถอนหายใจ และบ่นกับตัวเอง “เฮ้อ น่าเสียดายจริง ๆ ที่ข้าไม่สามารถดูเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดได้!”
เมื่อบ่นเสร็จ นางก็ทำได้แต่ข่มใจและใช้ประตูเคลื่อนย้ายเดินทางกลับไปที่อาณาจักรจันทรา
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในเวลานี้เมื่อเขาเห็นคนที่เขาชวนให้เข้าร่วมการบุกมาถึงกันครบแล้ว เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
อันที่จริงยังมีอีก 2 คนนอกเหนือจากมี่ตั้วตั้วที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดที่เข้าร่วมโจมตีด้วยก็คือ เย่ชางคงและมู่หลงหยาน ซึ่งทั้งคู่อยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นกลางและขั้นต้น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาทั้งสองต่างมีอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์กันทั้งคู่ แถมเย่เจียงไห่ยังให้สมบัติป้องกันที่สามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้ในยามคับขันเพิ่มเติมอีก ดังนั้นความปลอดภัยของพวกเขาจึงไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไหร่
“นายท่านข้ามาแล้ว!” ร่างโลหิตอมตะสองร่างเดินเข้ามาหาหลิงตู้ฉิง และหลอมรวมเข้าไปในร่างของเขาพร้อม ๆ กัน “ข้าต้องขออภัยด้วยจริง ๆ นายท่าน ข้าเพิ่มระดับการบ่มเพาะให้ร่างโลหิตอมตะเป็นขอบเขตจักรพรรดิไม่ทัน ดังนั้นข้าจึงเอาร่างโลหิตอมตะขอบเขตราชันขั้นต้นมาอีกร่างเพื่อเอามาเผื่อไว้”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ไม่เป็นไร ร่างโลหิตอมตะขอบเขตราชัน 2 ตัวก็เพียงพอสำหรับศึกนี้เช่นกัน”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงเรียกง้าวเทวะพินาศมาถือไว้ในมือ และใช้พลังของหมิงยู่มาเกื้อหนุนให้ระดับการบ่มเพาะของเขาพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ขอบเขตราชัน
“เจียงไห่ เจ้าจงใช้เต๋าไฟของเจ้าทำลายม่านพลังป้องกันของอาณาเขตเงินตราเดี๋ยวนี้!” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้